
มองผ่านเลนส์คม - เดอะ ทิวดอร์ส
ช่วงนี้แฟนทรูวิชั่นส์มีโอกาสได้ดูหนังชุดดีๆ สองเรื่องคือ เดอะ ทิวดอร์ส (The Tudors) ช่องเอชบีโอ ทุกคืนวันจันทร์ และ เมอร์ลิน (Merlin) ทุกคืนวันอังคาร ช่องฮอลมาร์ก
“เดอะ ทิวดอร์ส” เน้นความสำคัญไปที่เรื่องราวของ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ (Tudor) ประเทศอังกฤษ ซึ่งครองราชย์ใน ค.ศ. 1491-1547 ระหว่างช่วงรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และ สมเด็จพระแก้วฟ้า แห่งกรุงศรีอยุธยาของไทย
เวลานั้นไทยหรือสยามเพิ่งทำสัญญาทางราชไมตรีและการค้าฉบับแรกกับต่างประเทศคือ โปรตุเกส ยังไม่ได้เริ่มสมาคมกับอังกฤษ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 เป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 ของราชวงศ์ทิวดอร์ สืบต่อจากพระราชบิดาคือ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 ผู้ชิงราชบัลลังก์มาจากพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งราชวงศ์ยอร์ก
แม้ทรงครองบัลลังก์แบบไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากพระเชษฐาคือเจ้าชายอาเธอร์ซึ่งเป็นรัชทายาท สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังหนุ่ม พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ก็สร้างชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์ไว้หลายประการ
ที่ผู้คนจำได้มากที่สุดคือ อภิเษกสมรสถึง 6 ครั้งด้วยข้ออ้างว่าต้องการพระราชโอรสสืบราชบัลลังก์ สั่งประหารพระมเหสีไปสองพระองค์ และ ท้าทายศาสนจักรคือสำนักวาติกัน ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการหย่าขาดพระมเหสีองค์แรกคือ พระนางแคทรีนแห่งอรากอน แล้วอภิเษกใหม่กับ แอนน์ โบลีน พร้อมกับตั้งตนเป็นผู้นำศาสนาคริสต์นิกายใหม่คือ เชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ หรือแองกลิกัน
ในแง่มุมชีวิต เรื่องราวของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 มีสีสันจัดจ้านสะดุดตาสะดุดใจ เช่นเดียวกับแง่มุมทางการเมืองในยุโรปขณะนั้น ซึ่งมีการช่วงชิงความได้เปรียบระหว่างราชสำนักต่างๆ อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการเข้ามาเกี่ยวข้องของสำนักวาติกัน
“เดอะ ทิวดอร์ส” เริ่มออกอากาศทางเคเบิลทีวีในยุโรปและอเมริกา ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นซีซั่นที่ 3 ส่วนเคเบิลทีวีเอเชียเพิ่งเริ่มซีซั่นแรกไม่กี่สัปดาห์มานี้ แต่ในไทยมีที่เป็นดีวีดีขายแล้วในชื่อ “เดอะ ทิวดอร์ส บัลลังก์รัก บัลลังก์เลือด”
เนื้อหาของ “เดอะ ทิวดอร์ส” ไม่ตรงกับประวัติศาสตร์เป๊ะๆ ซึ่งทำให้มีเสียงวิจารณ์อยู่บ้าง (ข้อดีคือต้องไปค้นคว้าต่อ) แต่คุณภาพในเชิงศิลปะถือว่าสอบผ่าน เช่นเดียวกับบรรดานักแสดง โดยเฉพาะพระเอกคือ โจนาธาน รีส เมเยอร์ ที่หล่อเข้มได้ใจมาก
เพลิดเพลินกับ “เดอะ ทิวดอร์ส” แล้วค่อยไปต่อที่ “เมอร์ลิน” ซึ่งจะคุยให้ฟังสัปดาห์หน้า
"นิธินันท์ ยอแสงรัตน์"