บันเทิง

"อ้อม"โต้ใช้คำหยาบว่าเด็กรับมีปากเสียง

"อ้อม"โต้ใช้คำหยาบว่าเด็กรับมีปากเสียง

23 ต.ค. 2553

"อ้อม" พิยดา อัครเศรณี โต้ใช้คำหยาบคาย ไพร่ สถุล กับแม่และเด็กในคลิปภาพที่หลุด รับมีปากเสียงระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ แต่ไม่เคยว่าเด็ก ขู่ฟ้องคนปล่อยคลิป เปรยหากคู่กรณีไม่จบ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จะดำเนินการตามกฎหมาย

หลังจากมีคลิปวิดีโอ ของ “อ้อม” พิยดา และ “อาท” ศรา จุฑารัตนกุล สามี มีปากเสียงกับมารดาของเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่หน้าเคาน์เตอร์ขายป๊อปคอร์น โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง เนื่องจากเด็กน้อยยกขาไปโดนนายศรา ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน ล่าสุดนางเอกชื่อดังได้เปิดแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่สตูดิโอมนตรี ลาดพร้าว 101 ว่า อย่างที่เห็นในภาพแล้ว มีน้องคนหนึ่งอาจจะเดินมาโดนพี่อาทโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม พี่อาทตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว คุณแม่น้องไม่เห็นเหตุการณ์ตามภาพ คงตกใจเหมือนกัน

 "แต่น้องเขาก็ขอโทษ แต่ด้วยความรักลูก เห็นลูกตกใจ เขาก็บอกว่าเด็กขอโทษแล้ว จะเอาอะไรอีก เรื่องมันเลยเถิดกันไประหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ น้องเขาไม่เกี่ยวเลย คือขณะที่น้องเขาไปหาแม่ คุณแม่ของเด็กหันมาเห็นอ้อม เขาก็พูดว่านี่มันดารานี่ ฉันดูละครของคุณอยู่นะ เราสองคนก็งง ว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับการที่เราเป็นดารา อาชีพคืออาชีพ การกระทำตรงนั้นคือการกระทำตรงนั้น ตอนนั้นเสียงก็คงไม่ปกติกันทั้งสองฝ่าย” พิยดา กล่าว

 ผู้สื่อถามต่อว่า เหตุการณ์ในวันนั้นจบอย่างไร นางเอกชื่อดังกล่าวว่า ตนกับสามีคุยกันแล้ว เรื่องนี้มันมีปากเสียงระหว่างผู้ใหญ่ ไม่เกี่ยวกับเด็กเลย อยากให้จบ ให้อภัยกันมากกว่า แล้วอีกอย่างหนึ่งที่เสียใจมาก คือถูกกล่าวอ้างว่าใช้คำว่า ไพร่ สถุล ทั้งที่ไม่มีได้หลุดออกจากตนและสามีแน่นอน ไม่ได้เป็นคนหยาบคาย ไม่มีการว่าเด็ก ไม่มีกล่าวโทษเด็ก และไม่มีการพูดจาหยาบคาย

 "ในวันนั้นไม่ได้กังวลว่าจะมีภาพโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกไว้ การที่เราจะโกรธใคร หรือเกิดอะไรทุกอย่างมันจบได้อยู่ที่ตัวเรา ถ้าเรารู้จักจบ ให้อภัย มันก็จบ คนเรามีอารมณ์โมโห โกรธมีแน่นอน แต่เราก็จบ กลับมาบ้านรู้สึกบ้าง แต่ใช้สติ รู้จักให้อภัย จบกันตั้งแต่ตอนนั้น สำหรับเรื่องฟ้องร้อง ณ ปัจจุบันที่อ้อมถูกกล่าวอ้างต่างๆ ที่ทำให้เราเสียหาย ถ้าเรื่องจบแค่นี้ ไม่คิดจะฟ้องร้องอะไร แต่ถ้าเรื่องยังไม่จบ และมีการกล่าวอ้างทำให้อ้อมและพี่อาทเสียชื่อเสียงต่อไป ก็คงมีต้องการดำเนินต่างๆ แต่ก็ต้องปรึกษาผู้ใหญ่อีกที” อ้อม กล่าว

 ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าคู่กรณีได้แจ้งความไว้นั้น นางเอกสาวกล่าวว่าเท่าที่ทราบ ได้คุยกับทางโรงภาพยนตร์เมเจอร์อยู่บ้าง ทราบว่าได้ไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เพื่อที่จะเอาใบแจ้งความไปขอหลักฐานมายืนยันคำแจ้งความ แต่ตนยังไม่มีหมายเรียกจาก สน.ทองหล่อ เพราะตำรวจคงไม่รับแจ้งความอะไร เพราะเรื่องมันไม่เป็นเรื่อง

 “สำหรับคลิปออกมาในที่สาธารณะโดยการโพสต์ของใคร เราไม่รู้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องของเมเจอร์แล้ว คงต้องดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมาย และคดีความ เพราะว่าอย่างที่ทราบ ตามกฎหมาย กล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้ออกสู่ที่สาธารณะได้ แต่คนที่เอาออกมาต้องถูกดำเนินการต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของทางเมเจอร์ ส่วนอ้อมกับพี่อาทจะฟ้องดำเนินการคนปล่อยคลิปไหม อย่างที่บอกว่าตอนนี้ยังไม่ถูกกล่าวอ้าง หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ ก็คงยังไม่ทำ แต่ถ้าเสียชื่อเสียงก็ต้องปรึกษาทนายความ” อ้อม กล่าว

 นอกจากนี้ คู่กรณียังได้ส่งจดหมายให้สื่อต่างๆ ถึงเหตุการณ์ในวันนั้น อ้อมกล่าวว่า มีอะไรมากกว่านั้นเยอะ เท่าที่เจอ และรู้สึกเสียใจ ส่วนพนักงานที่เมเจอร์เห็นอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้มีรายชื่อเรียบร้อย แต่สงสารพนักงานที่ไม่รู้เรื่องอะไร ตอนนี้กำลังมีปัญหาอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่มีคำหยาบคายออกจากปากอย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าอาจจะมีบ้าง ประมาณอะไรยะ ด้วยความที่เป็นผู้หญิง ขณะที่พี่อาทไม่มีแบบนั้นเลย

 "แต่พี่อาทเป็นคนที่รักความถูกต้อง ส่วนที่บอกว่าเด็กเตะแมลงสาบนั้น อันนี้เมเจอร์ต้องพิจารณานะ แต่อ้อมไม่เห็นนะ พิจารณากันเอาเอง และเรื่องที่แม่เด็กโทรศัพท์ไปหาสินค้าเพื่อให้ยกเลิกอ้อมเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ นั้น  มีทางสินค้าโทรมา ทั้งรังนกแบรนด์ และโอเลย์ ทุกคนเห็นคลิปแล้ว บอกว่าไม่เป็นไร ให้กำลังใจ อ้อมอยากให้รู้จักการให้อภัย เพราะมันไม่มีผลดีกับใครเลย ไม่ว่าฝ่ายใดจะถูกหรือจะผิด ถามว่าจะมีเคลียร์กันตัวต่อตัวไหม ปัจจุบันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตามเขาได้ที่ไหน ถ้าจะตามเขาเราก็ต้องไปแจ้งความว่าใครเอาคลิปนี้ออกมา แต่ไม่อยากมีปัญหาต่อ ก็จบแค่นี้ ถ้าไม่จบแค่นี้คงต้องมีการดำเนินการต่อไป” อ้อมกล่าว

  ส่วนที่มีคนมองว่าจะเอาอะไรกับเด็กแค่ 5 ขวบนั้น อ้อมกล่าวว่า สามีไม่ได้ถือสาอะไร แค่ตกใจ อีกทั้งอยู่ดีๆ มาพูดว่าฉันดูละครของเธออยู่ เธอเป็นดารา จึงรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเป็นนักแสดง ทั้งนี้ตนพยายามอธิบาย แต่คู่กรณีบอกว่าพูดจาแบบนี้ต้องการจะสร้างกระแสให้ตัวเองใช่มั้ย ซึ่งตนกับสามีคงไม่ต้องสร้างกระแสแล้วล่ะ