บันเทิง

พนันชีวิตกับทุกเพลง 
นิยามดนตรีของ 'เครสเชนโด้'

พนันชีวิตกับทุกเพลง นิยามดนตรีของ 'เครสเชนโด้'

23 พ.ย. 2553

เรียกว่าเป็นวงตำนานอีกวงหนึ่งสำหรับ "เครสเชนโด้" แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงวงมาแล้วต่อหลายครั้ง อย่างล่าสุดก็มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งการย้ายจากค่าย "โซนี่ มิวสิค" มาอยู่กับค่าย "สไปซี่ดิสต์" และสมาชิกวงตอนนี้เหลือเพียงแค่ 4 คน คือ "นัท" ชาติชาย มานิตยกุล

  "ช่วงระยะเวลาระหว่างอัลบั้มโฟร์เดย์ ที่อยู่กับโซนี่ ตอนที่ทำงานเราจะชอบเจอกรู๊ฟไรเดอร์ส เจอฟรายเดย์ จริงๆ เราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว พอมาเจอกันก็จะพูดกันบ่อย ว่าสัญญาหมดหรือยัง โดยเฉพาะพี่ก้อ มือเบสของกรู๊ฟไรเดอร์ส (ณฐพล ศรีจอมขวัญ) ได้มีการชวนกันเป็นการส่วนตัว ว่าให้มาอยู่สไปซี่ดิสต์กัน บวกกับทีมงานที่มีอยู่เป็นทีมงานจากเบเกอรี่แทบทั้งหมดเลย ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกจะมาอยู่ ถ้าพูดตรงๆ เลย คือถ้าเบเกอรี่ยังอยู่

 เราก็คงไม่ออกจากเบเกอรี่ พอเราได้มาเจอพี่เต้ง (พิชัย จิราธิวัฒน์) จริงๆ เราได้มาคุยกับพี่เต้งเรื่องสัญญา เรื่องต่างๆ และทุกอย่างสนับสนุนเราเต็มที่ ทุกอย่างดีที่สุด ทำให้เป็นการตัดสินใจไม่ยากที่จะมาอยู่ที่สไปซี่ดิสต์ เพราะจากที่เดิมเรารู้สึกว่าเราผิดที่ผิดทางเป็นประจำ เลยทำให้เราตัดสินใจว่าที่เดิมคงไม่เหมาะกับเรา แล้วเรามาเจอที่นี่ ที่เรารู้สึกว่ามันเหมาะกับเรามากกว่า" มือกลองของวงกล่าว ก่อนที่มือเบสจะกล่าวเสริมต่อในเรื่องนี้

 "อีกปัจจัยหนึ่งคือพอมาถึงตรงนี้แล้ว เรามองว่าดนตรีเป็นอาชีพของเรา และเราอยากทำดนตรีให้เป็นอาชีพจริงๆ แต่หลายๆ ค่ายดนตรีเป็นแค่กิจกรรมเสริม มันเป็นอาชีพไม่ได้ เพราะถ้าเอารายได้จากตรงนั้นจริงๆ จะเลี้ยงตัวเองไม่รอด ถ้าทำเพลงออกมา แล้วขายได้บ้างไม่ได้บ้าง เงินมาไม่ถึง เราก็อยู่ยากเหมือนกัน เราไม่ใช่พนักงานที่ได้เงินเดือนตลอด เราพนันชีวิตกับทุกซิงเกิ้ลที่วางออกไป ถ้ามันขายไม่ได้ คือเราแย่ เราก็ต้องทำ แล้วด้วยวิธีการทำงานของเรา เรามั่นใจว่าเพลงของเราจะต้องขึ้นชาร์ต ขายโชว์ได้ มีเพลงที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี แต่รายได้กลับมาไม่ถึงเรา เพราะอย่างนั้น เราเลยคิดว่ามันคงเป็นปัญหาในเรื่องอื่นแล้ว เราเลยต้องหาวิธีที่ต้องดิ้นรนเพื่อวงอยู่ได้ แล้วก็ทำงานต่อไปได้" นอแจกแจง

 "นอ" นรเทพ เล่าถึงการทำงานว่าอัลบั้มนี้มีความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ไม่ใช่เพราะว่าย้ายค่าย แต่ในฐานะของนักดนตรีจะต้องมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

  "การเปลี่ยนแปลงของเราเปลี่ยนที่ตัวเรา ไม่ได้เปลี่ยนที่ค่าย นักดนตรีที่อยากพัฒนา จะต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้มีการพัฒนาไปด้วย หลายอย่างๆ เรื่องการเรียนรู้ด้านดนตรี ทิศทาง เรื่องแนวความคิด สภาพสังคม เรื่องของสภาพวงที่เปลี่ยนไปด้วย เพราะตอนนี้สมาชิกของเราหายไปคนหนึ่ง โตขึ้นมุมมองการมองสังคมก็เปลี่ยนไป เรื่องราวของเพลงที่จะพูดถึงจะต้องเปลี่ยนไป การเสพดนตรีมากขึ้น แนวเดิมๆ ที่เคยฟังอยู่พอเริ่มเบื่อ ก็เปลี่ยนแนว แต่จะเปลี่ยนแนว หรือพยายามทำแค่ไหน แต่เมื่อคนเล่นเป็นเราก็ยังเป็นสีเดิม" มือเบสของวงเครสเชนโด้เผย พร้อมอธิบายว่าการขาดสมาชิกไปหนึ่งคนมีผลกระทบต่อสีสันดนตรีของวง แต่ไม่มีผลในเรื่องของการทำงาน

  "การขาดสมาชิกไปหนึ่งคนมีผลต่อโทนสีสันของดนตรี แต่ไม่ได้มีผลต่อเรื่องงาน เพราะคนหลักๆ ที่ทำให้วงยังขับเคลื่อนยังอยู่ อย่างคุณจั่ง (ธีรพงษ์ ธนานิกกุล) เขาเป็นเพื่อนกับเรา แล้ววันหนึ่งเขาอยากตอบโจทย์ให้เรื่องของชีวิต เรื่องของอาชีพ เพราะเขามีงานส่วนตัวเยอะอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อสมาชิกคนหนึ่งหายไป ทำให้สีสีหนึ่งขาดหายไป เราก็ต้องมานั่งคิดจะถม หรือจะเว้น ซึ่งตอนนี้วงเราตัดสินใจแล้วว่าเราจะมีกันแค่ 4 คน ไม่หาคนเพิ่ม เพราะจะหาคนที่ไว้ใจกันเข้ามามันยากแล้ว เราเหนื่อยที่ต้องมานั่งปรับตัว" นอเล่า

 มือเบสของวง "เครสเชนโด้" ยังกล่าวต่อว่า ด้วยอายุของสมาชิกวงที่โตขึ้น ทำให้ความคาดหวังของวงเปลี่ยนไป โดยไม่ได้คิดถึงความโด่งดังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 "อายุวงเราที่ใกล้จะสี่สิบ สามสิบนิดๆ มากกว่าใกล้ 20 (หัวเราะ) ออกอัลบั้มไปตอนนี้ความคาดหวัง ที่คุยกันในวงคืออยากให้วงมีชีวิตยืนยาว ไม่ได้คิดว่าวงจะต้องโด่งดังเป็นซูเปอร์สตาร์ มันคงไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว อยากแค่ว่ามีก้าวนี้ และมีก้าวต่อไปเรื่อยๆ ยังรักษาพื้นที่ไว้ ยังมีข่าวสารไปถึงแฟนเพลงให้รู้ว่าเรายังอยู่ ยังมีกิจกรรมอยู่ มีงานเข้ามา เรื่องที่จะคิดว่าจะโด่งดังไปไหนต่อไหน ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แล้ว และคงไม่คาดหวังแล้วด้วย พอคิดแบบนี้ ทำให้ความรู้สึกเรื่องของการฟาดฟันมันน้อยลง แต่เมื่อเทียบกับตลาดทั่วไปแล้ว เราก็ยังเป็นวงที่บู๊ล้างผลาญอยู่ดี" นรเทพอธิบาย