
2010 ปีที่แย่ที่สุดของหนัง (จริงหรือ)
เมื่อโลกหมุนมาถึงเดือนธันวาคมของทุกปี เราไม่รู้หรอกว่าใครเป็นต้นคิดให้มีการจัดอันดับหนังดีและหนังยอดแย่ เรารู้แค่ว่า สื่อแต่ละแขนงก็จะคัดสรรมาแล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้แหละดีที่สุดในสายตาของพวกเขา หนังเรื่องนี้แหละที่ย่ำแย่เข้าขั้น (ไม่รู้ว่าออกฉายได้ยังไง)
Sight&Sound นิตยสารหนังชั้นนำ ที่ให้นักวิจารณ์ 85 คนลงคะแนนโหวต ผลที่ได้คือ The Social Network ชนะเลิศ ด้าน Time Magazine พวกเขาเลือก Toy Story3 ให้เป็นเบอร์หนึ่ง (สังเกตกัน นิตยสารหัวอเมริกันเล่มนี้มักเลือกหนังในสังกัดพิกซาร์เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอยู่บ่อยๆ) ข้ามมาที่ AFI หรือ American Film Institute ให้ Black Swan ของดาร์เรน แอโรนอฟสกี้ (ผู้เขียนอยากดูมาก) ด้าน The New Yorker มาแปลก เพราะคิดว่า Shutter Island คือหนังดีสุด ส่วน IMDB หรือ The Internet Movie Database ให้คนโหวตกันมาตลอดทั้งปี ปรากฏว่า Inception ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ได้ตำแหน่งหนังยอดเยี่ยมไป
การที่เสียงของบรรดาสื่อแขนงต่างๆ แตกออกมากมายในการเฟ้นหาภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมประจำปี โดยความหมายแล้วแสดงว่า ปีนี้มีหนังดีๆ เข้าฉายแบบนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่วายมีเจ้าของบทความหลายคนตั้งคำถามว่า “2010 เป็นปีที่ย่ำแย่ของวงการภาพยนตร์โลก” ทำไมและเหตุใด พวกเขาถึงคิดเช่นนั้น
เมื่อราวๆ กลางปีที่ผ่านมา The Wall Street Journal พาดหัวตัวโตว่า “The Worst Movie Year Ever?” ซึ่งแปลความเป็นไทยแบบตรงตัวได้ว่า “ปีที่แย่ที่สุดตลอดกาลของภาพยนตร์?” โจ ควีนแนน เจ้าของคำถาม มุ่งประเด็นไปที่บรรดาหนังที่เข้าฉายในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนไม่เอาอ่าว มีปริมาณหนังไม่ดีในท้องตลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น หนังอย่าง Robin Hood, The Last Airbender (ว่าที่หนังยอดแย่แห่งปีจากสื่อหลายสำนัก), Dinner for Schumucks รวมทั้ง Grown Up
พอบทความชิ้นนั้นได้รับการเผยแพร่ สื่อใหญ่อย่าง LA Times ก็ไม่รอช้า รีบเอางานเขียนของควีนแนนมาวิเคราะห์ต่อ แต่ออกแนววิจารณ์ช่องโหว่มากกว่า ซึ่งสิ่งที่หนังสือพิมพ์ประจำแอลเอพูดก็ล้วนมีเหตุมีผล อย่างแรกเลยก็คือ ตอนที่ควีนแนนเขียนนั้น ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งปีให้เป็นเครื่องพิสูจน์ จริงที่ว่าช่วงเวลาหนังซัมเมอร์ของอเมริกาในปีนี้นั้นค่อนข้างจะน่าผิดหวัง มี Inception และ Toy Story3 เท่านั้นที่สอบผ่านในแง่ของคุณภาพ ที่เหลือล้วนแล้วแต่ล้มพับ
หากจะมองต่อ คนที่ตามติดเรื่องหนังพอสมควรก็พอจะรู้ว่า หนังซัมเมอร์นั้นเป็นเวลาของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ทางสตูดิโอปล่อยของออกมาเพื่อโกยเงินอย่างเดียว เรื่องหนังหวังกล่องนั้นยากมากที่จะหลุดออกมาในช่วงเวลาดังกล่าว เหตุผลหลักๆ ก็คือ ระยะเวลาจากช่วงซัมเมอร์มาจนถึงฤดูกาลมอบรางวัลนั้น มันทิ้งช่วงยาวนานเกินไป กรรมการที่มีสิทธิ์ออกเสียงก็คงลืมไปหมดแล้วว่ามีหนังเรื่องอะไรบ้างที่เข้าฉายในตอนนั้น เช่นนี้ในช่วง 3-4 เดือนสุดท้ายของทุกปี หนังดีๆ ที่สตูดิโอหมายมั่นปั้นมือว่าจะคว้ารางวัลจึงเริ่มค่อยๆ เปิดตัวออกสู่สาธารณชน
เช่นนี้เราจึงเห็นว่า บรรดารายชื่อหนังที่ติดโผภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในช่วงต้นของบทความนั้น หลายเรื่องเพิ่งเข้าฉายที่สหรัฐอเมริกา และยังไม่ลงโรงฉายในบ้านเราด้วยซ้ำ ลองยกตัวอย่างจากบทความ Oscar Watch : Ranking the Contenders ของ Entertainment Weekly ที่เลือกหนังมาทั้งสิ้น 15 เรื่องที่มีสิทธิ์เข้าชิงออสการ์ในปีนี้ ซึ่งมีเพียงแค่ 4 เรื่องเท่านั้นที่ลงโรงฉายในบ้านเราแล้ว คือ Inception, Toy Story3, The Social Network และ The Ghost Writer ส่วนที่เหลืออีก 11 เรื่องนั้นเรายังไม่ได้ชม (ในโรง) และเพิ่งเข้าฉายที่แผ่นดินลุงแซม ทั้งนี้ EW เลือกให้ The King’s Speech มีภาษีที่สุดในการคว้ารางวัล
เว็บไซต์อย่าง MSN ที่มีส่วนของ Entertain แข็งแรงไม่แพ้ที่อื่น เพิ่งออนไลน์บทความชื่อ Cinematic Bummers of 2010 เพื่อสรุปเรื่องราวของวงการภาพยนตร์ในรอบปีนี้ โดยเกล็น วิปป์ ผู้เขียนบอกว่า ในปีนี้นั้นหนังฟอร์มยักษ์ถูกสตูดิโอส่งออกมาเพื่อเอาใจคนดูส่วนมากเป็นส่วนใหญ่ เน้นรายรับมากกว่าด้านอื่น ส่วนบรรดาหนังทุนต่ำและหนังอินดี้ก็มุ่งหวังไปที่รางวัล แถมยังหล่นความเห็นว่า Black Swan คือหนังของปีนี้
บทความของ MSN ยังตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกว่า ปีนี้เต็มไปด้วยหนังที่ผู้กำกับกลับมาร่วมงานกับนักแสดงคู่บุญอีกรอบ ทั้งลีโอนาร์โด ดิคาร์ปริโอ กับมาร์ติน สกอร์เซซี่ ใน Shutter Island รัสเซลล์ โครว์กับริดลีย์ สก็อต ใน Robin Hood เดนเซล วอร์ชิงตัน กับโทนี่ สก็อต ใน Unstoppable และจอห์นนี่ เดปป์ กับทิม เบอร์ตัน ใน Alice in Wonderland ยังไม่นับบรรดาหนังภาคต่อที่กลับมาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน รวมถึงหนังรีเมคอีกนับไม่ถ้วน เชื่อเหลือเกินว่าจะต้องมีคนออกมาพูดว่า ฮอลลีวู้ดกลับเข้าสู่โหมดหลับลึก ไม่ยอมตื่น ยังคงวนเวียนอยู่กับของเก่า ซึ่งข้อมูลล่าสุดนั้นมีหนังอีกว่า 75 เรื่อง ที่กำลังจะถูกนำมาสร้างใหม่ ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นตอนของ Pre Production
ที่ขาดไม่ได้เลยในฐานะภาพรวมของหนังปีนี้ก็คือ ภาพยนตร์ 3 มิติ จนเรียกได้ว่าเป็น The Golden Year of 3D Movies หลังจากที่ Avatar ปลุกกระแสการใส่แว่นดูหนัง บรรดาหนังน้อยใหญ่ก็กอดคอกันเอาตามอย่างบ้าง หนังที่ไม่ได้ถ่ายทำแบบ 3 มิติมาก่อน ก็ยังอุตส่าห์ใช้เทคนิคพิเศษเข้าช่วยเพื่อแปลงภาพให้ฉายในระบบนี้ได้ อันนี้ Clash of The Titans เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด หรือหนังที่ไม่รู้จะทำเป็น 3D ทำไมอย่าง Step Up3, Piranha และ Saw ก็ขอร่วมวงศ์ไพบูลย์กับเขาด้วยคน ทำไปโดยที่ไม่สนใจว่ามันจะเหมาะเจาะสอดคล้องกับการเล่าเรื่องของหนังหรือเปล่า หวังอย่างเดียวว่าจะรับเงินเข้ากระเป๋ามากขึ้น เพราะราคาตั๋ว 3 มิตินั้น แพงกว่าปกติพอสมควร
ปี 2010 คงไม่ใช่ปีที่แย่ที่สุดของวงการภาพยนตร์ตามอย่างที่บทความของโจ ควีนแนน บอกเล่า อาจจะมีขึ้นมีลงบ้างตามไปในแต่ละช่วงของปี เราเห็นด้วยที่ว่าช่วงของหนังซัมเมอร์ปีนี้นั้นเงียบเหงา ฟอร์มใหญ่แต่ไร้คุณภาพ แย่มากกว่าดี แต่พอเข้าครึ่งปีหลังทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป หนังดีมีมากขึ้น แต่หนังแย่ๆ ก็ยังมีอยู่
สุดท้ายผู้เขียนลองมานั่งนึกเล่นๆ ว่า ถ้าจะให้เลือกหนัง 10 เรื่องที่ได้ดูในปีนี้ จะในดูในโรงหรือดูผ่านจอทีวีแล้วรู้สึกชอบ รู้สึกว่าดี จะมีเรื่องอะไรบ้าง (แบบไม่เรียงลำดับนะ) คำตอบที่ได้ก็คงมี The Social Network, Inception, The Town, Toy Story3, The Ghost Writer, A Single Man, Up in the Air, The Hurt Locker, The Young Victoria และ Air Doll
แล้วคุณล่ะ ชอบหนังของปี 2010 เรื่องไหนกันบ้าง...
หมายเหตุ :
เรียบเรียงจาก
LA Times, Sight&Sound,
MSN.com และ Entertainment Weekly
"พรทิพย์ แย้มงามเหลือ"
[email protected]