
เปิดโฉมวงหน้าใหม่ "ค็อกเทล" ร็อกคลาสสิกในแบบ "จีนี่"
ได้ยินมาหลายต่อหลายครั้งกับชื่อของศิลปินวง "ค็อกเทล" จนล่าสุดก็ไปสะดุดกับเพลงเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า "เวลา" ของศิลปินหน้าใหม่ของค่าย "จีนี่" ที่ชื่อวง "ค็อกเทล" เลยได้มีการติดต่อไปยังค่ายเพลงร็อกของ "แกรมมี่" เพื่อขอทำความรู้จักกับวงนี้ หลังได้ยินชื่อเสียงเร
"จริงๆ เราทำเพลงกันอยู่แล้วเมื่อ 8 ปีได้แล้ว ที่ค็อกเทลทำเพลงมา ช่วงที่ทำอัลบั้มชุดที่ 4 อยู่ ผู้จัดการวงเอาซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มใหม่แปะไว้ในเฟซบุ๊ก แล้วพี่โน่ ("ดาโน่" ดนัย ธงสินธุศักดิ์) ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของที่นี่เขาก็สนใจ แล้วเรียกมาคุยกัน แล้วหลังจากนั้นได้มาทำงานกับที่จีนี่ คือใช้เวลาในการคุยกันสั้นมาก คือแค่ประมาณ 11-14 วันเท่านั้นเอง ที่ตกลงกันง่ายเพราะจังหวะและเวลาเหมาะสม" โอม กล่าว ก่อนที่จะเล่าถึงความแตกต่างของวง "ค็อกเทล" กับวงอื่นๆ ว่า วงของพวกเขามีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนในแบบของตัวเอง
"พวกเราเป็นวงร็อกวงหนึ่ง แต่ที่ทำให้เราแตกต่างจากวงอื่นๆ อย่างที่พี่โน่บอก คือพวกผมมีคาแรกเตอร์ที่มีอยู่แล้วอย่างชัดเจน และไม่เหมือนคาแรกเตอร์อื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่พี่โน่เลือกพวกเรา เพราะพี่โน่คงพยายามมองหาอะไรที่ไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ แนวเดิมๆ สไตล์เดิมๆ ในค่าย เพราะอย่างวงที่พี่โน่ดูจะจัดเป็นฮาร์ดร็อกเลย หรือไม่ก็ซอฟต์ลงมาหน่อย แต่วงเราจะจัดอยู่ตรงกลาง วงที่ใกล้ๆ เราก็น่าจะเป็นวงเคลียร์ ซึ่งเป็นแนวกลางหน่อย คือไม่ร็อกมากไป แต่ก็ไม่ได้เบามากเกินไป" นักร้องนำเผย
มือกีตาร์ของวงสอดแทรกเสริมเขามาว่า วงต่างๆ ที่โปรดิวเซอร์คนดังทำงานด้วย ล้วนแล้วแต่รู้จักและติตามงานของวง "ค็อกเทล" อยู่แล้ว
"อีกอย่างวงที่อยู่ในความดูแลของพี่โน่ ค่อนข้างรู้จักกับวงค็อกเทลอยู่แล้วด้วย อย่างวงเคลียร์ ซึ่งได้มีการพูดถึงวงเราให้พี่โน่ฟังบ่อย และด้วยความที่วงเราค่อนข้างแตกต่างจากวงอื่นๆ ที่พี่โน่ดูด้วย โดยพื้นฐานแล้ววงเราเป็นป๊อบร็อกก่อน แต่เราจะมีผสมเรื่องของดนตรีคลาสสิกขึ้นมา พวกเราจะถนัดเรื่องพวกเครื่องสายที่จะใช้เป็นส่วนใหญ่ และก็วิธีเรียบเรียงเพลง และเรื่องของเนื้อหาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ชัดเจนอยู่" เชาแจกแจง ก่อนที่ "โอม" จะเล่าสู่กันฟังว่าในฐานะที่เป็นคนแต่งเพลงของวง เขาจะปฏิเสธการใช้ภาษาพูดอย่างสิ้นเชิง
"ในเนื้อหาของเพลงจะเป็นเรื่องของการใช้ภาษามากกว่า โอมจะปฏิเสธในการใช้ภาษาพูดอย่างสิ้นเชิงในเพลง ที่ผ่านมาจะเน้นเรื่องของการใช้ภาษาเขียนค่อนข้างเยอะ เราใช้สัมผัสใน สัมผัสนอก สัมผัสสระ สัมผัสบังคับเยอะ เยอะมากในเพลงเพลงหนึ่ง และไม่ค่อยได้ใช้คำสมัยใหม่เท่าไหร่ ผมพยายามทำเพลงให้มันดูกลางเก่า กลางใหม่ ผมพยายามเขียนเพลงให้ดูเป็นลักษณะของวรรณกรรมมากหน่อย แต่อย่างเพลงเวลาที่มาทำกับจีนี่ ผมพยายามตัดทอนให้มันฟังง่ายมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เรารู้เลยว่าเพลงที่เราทำมามันเข้าถึงยากนิดหนึ่ง เราเลยพยายามให้น้อยลงมาหน่อย ไม่อยากให้ยากเกินไป ซึ่งเราไม่ได้พยายามหรือเลือกใช้ภาษาแบบนั้น เราเป็นแบบนั้น เราเกิดมาก็เป็นแบบนั้น" โอมเล่า
นักร้องนำยังแต่งเติมเสริมต่อว่าเพลง "เวลา" เป็นการทำเพลงที่พวกเขาทั้งสามคนมีความคิดที่ตกผลึกออกมา
"เพลงเวลาเป็นยุคที่เราตกผลึกกับมัน เราเลือกที่จะไปใส่ความยากในความคิดมากกว่า แทนที่จะยากในเชิงรูปลักษณ์จับต้อง ยากในกระบวนการถ่ายทอดความคิด แต่ไม่ยากในการใช้คำ เหมือนว่าพูดมากเพื่อให้มันดูสวยหรู มันฟังง่าย แต่พูดน้อยต่อยให้หนักมันยากมากกว่า มันต้องคิดเยอะก่อนจะพูด แล้วเพลงเวลาเป็นเพลงที่ต้องใช้เวลา ผมว่าเพลงนี้ไม่ใช่เพลงที่ฟังง่ายขนาดนั้น มันเป็นเพลงช้าที่เดินอย่างสง่างาม เดินช้าๆ เลย คนฟังเลยต้องจับจังหวะตามไปด้วย ไม่ใช่เพลงที่ฟังปุ๊บติดหูปั๊บ มันไม่ใช่ ซึ่งเป็นความตั้งใจของวงอยู่แล้วด้วย ผมชอบให้เพลงมันยิ่งฟังยิ่งเจอ ยิ่งได้อะไร ยิ่งเห็นรายละเอียด ยิ่งซึมนานที่สุด นานที่สุด เพื่อให้อยู่นาน ไม่ใช่มาเร็วแล้วก็ไปเร็ว เพลงชื่อเวลา เราเลยต้องขอเวลาจากคนฟัง เพราะมันต้องใช้เวลาในการฟังเวลา" นักร้องนำกล่าวทิ้งท้ายอย่างคมกริบ