บันเทิง

“พีดี เรดิโอ” ทุ่มกว่า200 ล้านขึ้นเบอร์หนึ่ง
โต้เปิดคลื่นหวังฟอกเงินให้นักการเมือง

“พีดี เรดิโอ” ทุ่มกว่า200 ล้านขึ้นเบอร์หนึ่ง โต้เปิดคลื่นหวังฟอกเงินให้นักการเมือง

17 มี.ค. 2554

เรียกว่าเป็นคลื่นวิทยุที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งคลื่นเรุ่นพี่จริงๆ สำหรับ “พีดี เรดิโอ” กับ 2 คลื่นน้องใหม่ “90 รวมมิตร เรดิโอ” และ “ปิ๊ง 98 เอฟเอ็ม” ภายใต้การคุมบังเหียนของ "เอ็น” วันธนบดี จิตตานุเคราะห์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีดี ครีเอชั่น จำกัด ที่ย

 “หน้าที่ของเรามี 2 อย่าง คือทำอย่างไรให้คนฟังๆ คลื่นของเรามากขึ้น สองคือทำอย่างไรให้คนฟังเหนี่ยวแน่นตลอดไป ผมยอมรับ ว่าเราใช้เงินจำนวนมาเพื่อให้คนฟังสนใจ เพราะมันเป็นการตลาดเพื่อให้คนเข้ามา แต่เราก็พัฒนาให้แต่ละช่วงดีเจของเราดึงคนฟังให้ติดตามคลื่นเราด้วย ให้มันน่าฟังตลอด ผมเชื่อว่าการที่เราจะแข็งแรงเราจะต้องมีแฟนคลับ มีแฟนตัวจริงๆ ที่จะมานั่งฟังกับเรา ตอนนี้เรามีดีเจแต่ละช่วงที่มีความหลากหลาย คนฟังชอบ ผมมั่นใจว่าคลื่นเรามีเพลงเพราะให้ฟังกันตลอด และมีการอัพเดทเพลงทุกแนวจริงๆ ผมว่าผมเป็นคลื่นเดียวที่เปิดเพลงลูกทุ่งในหน้าปัดเอฟเอ็ม ซึ่งลูกทุ่งที่เราเลือกเปิดเป็นเพลงที่คนทั่วไปรู้จักด้วย เป็นความหลากหลายที่ทำให้เราได้แฟนเพลงอีกกลุ่มหนึ่ง” ผู้บริหารหนุ่มเล่า พร้อมเผยว่าถึงไม่มีการแจกเงินอีก คนฟังก็จะไม่หนี

 “บอกตรงๆ ว่าผมไม่กลัว ว่าถ้าสักวันหนึ่งเราไม่แจกเงินล้านแล้วคนจะหนี เราไม่ได้แข่งกับใคร สิ่งที่เราพยายามทำคือการแข่งกับตัวเอง วันนี้รวมมิตรเงินล้านมันโอเคแล้ว สมมติทุกคนชื่นชอบ ทีมงานต้องคิดแผนใหม่ โดยไม่ใช่เราจะมาแจกเงิน 2-3 ล้าน แต่เราจะหาอะไรที่มันแรงกว่านี้ แต่ไม่ใช่แบบที่จะต้องเอาเงินมาทุ่ม เพราะเราเชื่อว่าทุกอย่างของคลื่นไม่ว่าเป็นกิจกรรมหรือสปอนโฆษณาผ่านการคิดมา ซึ่งกลุ่มคนฟังของเราค่อนข้างที่จะชัดเจน คือนอกจากความเป็นคลื่นที่ฟังเพลงเพราะแล้วยังต้องเป็นคนที่ชอบอะไรสร้างสรรค์ ชอบอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ตลอดเวลา พีดี เรดิโอของเราไม่ใช่ป๋าทุ่ม เรามองทุกอย่างตามความสนใจของคนมากกว่า บางทีคนเราอาจไม่ได้ต้องการเงิน แค่ต้องการบางอย่างที่เขากำลังมองหาในเวลานั้นมากกว่า” บอสส์ใหญ่พีดี เรดิโอเผย

 ทั้งนี้ผู้บริหารหนุ่มของ “พีดี เรดิโอ” ยอมรับว่าตั้งแต่วันเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันนี้ใช้งบไปแล้วมากกว่า 200 ล้าน โดยเฉพาะวันที่เปิดตัวอย่างเดียวกับคอนเสิร์ตเปิดคลื่นก็ใช้เงินกว่า 60 กว่าล้านแล้ว ยังไม่รวมมีเดียโปรโมทหรือที่ทำกิจกรรมหลังบ้าน โดยเผยต่อว่าหลังจากที่ได้ความสนใจจากคนฟังในวันที่เปิดตัว พีดีฯ ก็ดึงคนฟังมาทำกิจกรรมต่างๆ กับคลื่น แต่ทุกอย่างที่ทำเพื่อดึงดูดคนฟังเข้ามาร่วมแบ่งปันความต้องการกันและกัน พร้อมยืนยันว่าการที่ทุ่มเงินมหาศาลไม่ได้ต้องการแข่งกับคลื่นอื่นๆ เพียงแค่อยากเพิ่มจำนวนคนฟังให้เข้ามาที่คลื่นของตัวเองให้มากที่สุด และรับว่าเงินกว่า 200 ล้านที่ลงทุนไปยังไม่ได้คุ้มทุนกลับมา แต่เชื่อว่าสิ่งที่ลงทุนไปจะไม่เสียเปล่า เพราะมีสัมปทานคลื่นวิทยุ 2 ปี โดยคาดว่าประมาณ 1 ปีจะได้ทุนที่เสียไปคืนมา

 มาถึงเรื่องที่หลายคนตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่า “พีดี เรดิโอ” ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อฟอกเงิน หรือเป็นเบื้องหลังให้แก่นักการเมืองบางคน ซึ่งเรื่องนี้เจ้าของ “พีดี” ยืนยันว่าไม่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง

 “ในอินเทอร์เน็ตเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดถึงกันมาก ซึ่งผมบอกตรงนี้เลยว่าไม่ใช่ ผมมีธุรกิจหลายตัวมีอีเวนท์ที่ทำมา 5 ปี มีรายการทีวี ผมเองมีเงินเก็บของผมพอสมควร แค่วันนี้เราหยิบเงินตรงนั้นมาใช้เพื่อปั้นเรดิโอให้โต การที่ผมใช้เงินลงทุนไปมาก เพราะผมวางคอนเซ็ปต์ให้แก่ทีมงานของผมเลยว่าผมอยากให้สองคลื่นของผมโตภายในข้ามคืน ผมว่าทุกอย่างมันอยู่ที่การใช้เงิน ผมใช้เงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวเพื่อให้คนสนใจ ซึ่งที่อื่นเขาก็ใช้เงินจำนวนเท่ากัน แต่ใช้แบ่งไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งผมเชื่อว่าในเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา เราเป็นที่รู้จักและถูกให้ความสนใจมากกว่าคลื่นอื่นๆ”วันธนบดีตอบ ก่อนจะกล่าวต่อ ว่าข่าวต่างๆ ที่ออกมาไม่กระทบในส่วนของพีดี เรดิโอ แต่กระทบกับธุรกิจบางธุรกิจในเครือเท่านั้น

 “ในแง่ของพีดี เรดิโอไม่กระทบเลย อีเว้นท์ก็ไม่กระทบเลย กระทบแค่เพียงพีดีพับลิชชิ่ง ในบริษัทที่ผมดูแลมีทั้งหมด 8 ส่วน พีดีพับลิชชิ่งมีผลกระทบมากที่สุด เพราะว่าเรามีโอกาสได้นักเขียนชื่อดังมาทำหนังสือกับเรา พอมีข่าวแบบนี้เขาก็ต้องถามเรา ว่ามันอย่างไร ซึ่งเราก็ต้องเคลียร์ว่าความจริงคืออะไร เพราะฉะนั้นพีดี เรดิโอ ไม่มีปัญหา มีแค่ตรงพีดีพับลิชชิ่งเท่านั้นที่มีปัญหาบ้าง” นักธุรกิจหนุ่มแจกแจง