คิดสวนทาง - David Foster & Friends: Hitman Returns
เวลาผมมีการแสดงคอนเสิร์ต นักข่าวมักจะมีคำถามว่า การแสดงในครั้งนี้จะมีอะไรเป็นไฮไลท์ ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้ เพราะจะบอกว่าไฮไลท์อยู่ที่ศิลปินคนนั้นคนนี้ คนอื่นก็จะสงสัยว่า ตัวเองเป็น Medium light หรือ Low light ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากในระหว่างศิลปินด้วยกัน
ในดีวีดีอัลบั้มใหม่ของเดวิด ฟอสเตอร์ ที่นำมาฝากท่านผู้อ่านในวันนี้ เมื่อได้ชมจบ แล้วก็จะเข้าใจว่า ถ้ามีนักข่าวไปถามคำถามเดียวกัน เดวิดก็คงต้องตอบเหมือนผม โดยเฉพาะการแสดงที่มีการรวมดาราระดับซูเปอร์สตาร์แบบนี้ รับรองได้เลยว่า ทุกคนเต็มที่ และตัวโปรดิวเซอร์เองก็ต้องจัดหรือเลือกเพลงให้สมศักดิ์ศรีกับศิลปินแต่ละคน และให้แต่ละคนได้แสดงความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เป็นที่ประทับใจผู้ชมไม่ให้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
คอนเสิร์ตของเดวิดครั้งนี้ มีชื่อว่า “David Foster & Friends: Hitman Returns” วางจำหน่ายโดยค่ายวอเนอร์ มิวสิค เป็นคอนเสิร์ตที่จัดต่อเนื่องมาจากคอนเสิร์ตครั้งแรกของเขา ที่ได้รับความสำเร็จอย่างสูงมาแล้ว และยังมีเพลงดีๆ อีกหลายเพลง รวมทั้งยังมีศิลปินที่เขาเคยโปรดิวซ์ไว้อีกหลายคนที่ไม่ได้มาร่วมในคอนเสิร์ตครั้งแรก จึงเป็นเหตุผลของการจัดการแสดงในครั้งนี้ และก็อาจจะมีครั้งต่อๆ ไปด้วยนะครับ เพราะคราวนี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างแน่นขนัด นอกจากนี้ผมว่าแกยังมีเพลงเหลือพอจัดได้อีกสักสองคอนเสิร์ตเป็นอย่างน้อย คนอะไร ช่างเก่งกาจและโชคดีเหลือเกิน
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น เรียกได้ว่า ไฮไลท์มีอยู่ในทุกเพลงตลอดการแสดงในครั้งนี้ เนื่องมีศิลปินหลากหลายสไตล์มาร่วมงานกันมาก ทำให้มีความหลากหลายในการนำเสนอ ดูม้วนเดียวจบอย่างตื่นตาตื่นใจกับความสามารถของศิลปิน บทเพลงและการนำเสนอ โดยเฉพาะจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่มีการออกแบบแสงสีได้อย่างสวยงาม และก็ตามประสาของคนโปรดักชั่นอย่างผม งานที่มหาศาลละเอียดลออที่ผู้ชมส่วนมากไม่ได้นึกถึงคือ งานด้านการเรียบเรียง เสียงประสาน แน่นอนต้องมีทีมงานมาช่วยเดวิดกันเป็นกองทัพในการเรียบเรียง การทำสกอร์ การแยกพาร์ท ซึ่งผิดไม่ได้แม้แต่โน้ตเดียว การแสดงรอบละสองชั่วโมงไม่รู้ต้องใช้โน้ตไปกี่แสน กี่ล้านโน้ต การซ้อมของนักดนตรีกับศิลปินนักร้อง การจัดคิวการซ้อมให้ลงตัว การคัดเลือกนักดนตรีที่จะมาเล่น การควบคุมเสียงและมิกซ์เสียง ฯลฯ งานที่ออกมานั้นทำได้ยอดเยี่ยมสมกับคำว่า ระดับ World Class จริงๆ ของเราก็พยายามกันไป เสร็จแล้วก็จะไปตายกันแถวเรื่องงบไม่พอ คนไม่พอ คนที่มีความรู้เฉพาะด้านอย่างแท้จริงไม่มี หรือมีก็เตรียมงบไว้ไม่พอจะจ้างเขามา ทำงานให้ เท่าที่ผ่านมาทุกคนอยากได้งานเหมือนที่เห็นกันในดีวีดีของต่างประเทศกันทั้งสิ้น ดังสำนวนที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น” ยังใช้ได้อยู่เป็นอย่างดี
ไฮไลท์ของผมมีอยู่หลายที่ เช่น ที่นาตาลี โคลย์ เสียงของเธอช่างไพเราะเสียจริงๆ ส่วน ในเพลง This Will Be เธอก็ได้แสดงความสามารถถึงความเป็นมืออาชีพระดับโลกได้อย่างชัดเจน หนูน้อย Jackie Evancho ออกมาขับร้องเพลง Pie Jesu และเพลง O Mio Bambino Caro หัวใจของเธอแทบจะเต้นออกมานอกเสื้อด้วยความตื่นเต้น แต่เธอก็ควบคุมสมาธิในการร้องเพลงออกมาได้อย่างไพเราะและเต็มไปด้วยความหมาย การดวลกันระหว่าง Seal กับ Michael Bolton ทั้งสองคนเป็นนักร้องที่มีเสียงสูงมาก แต่มีสีสัน (Tone Color) ที่แตกต่างกัน เมื่อมาขับร้องด้วยกันเช่นนี้ทำให้ได้ยินสีสันที่แตกต่างออกไป แน่นอนต้องมาจากความคิดของเดวิดแน่ๆ Earth Wind And Fire เป็นศิลปินวงเดียวที่มากันทั้งวง ช่วงที่ประทับใจคือช่วงที่เดวิดกล่าวถึง Morris Wright อดีตนักร้องนำและหัวหน้าวงนี้ที่ได้มาชมคอนเสิร์ตนี้ด้วย สุดท้ายเห็นจะเป็น Donna Summer เธอห่างหายไปจากวงการ แต่คุณภาพเสียงและพลังของเธอนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง
ไฮไลท์สุดท้ายของผมก็ได้แก่นักร้องคอรัสคนที่อยู่ตรงกลางเชื้อสายคนเอเชีย เห็นแล้วอยากร้องเพลง “ใช่เลย” ดังๆ
ลองหามาชมซิครับ
"จิรพรรณ อังศวานนท์"