บันเทิง

30ปีบนเส้นทางบันเทิงกว่าจะถึงวันนี้ของ'นก'สินจัย

30ปีบนเส้นทางบันเทิงกว่าจะถึงวันนี้ของ'นก'สินจัย

03 มิ.ย. 2554

กำลังมีผลงานละครเรื่อง "ข้ามเวลาหารัก" ของค่ายเอ็กแซ็กท์ ทางช่อง 5 อีกทั้งเป็นนักแสดงมืออาชีพที่หลายคนยกนิ้วให้ สำหรับ "นก" สินจัย เปล่งพานิช ที่เวลานี้เธอคร่ำหวอดอยู่บนเส้นทางบันเทิงมาแล้ว 30 ปี พร้อมกับมีผลงานให้แฟนๆ ได้ชม ทั้งละครทีวี ละครเวที ภาพยนตร

ตอนนี้มีละครเรื่อง "ข้ามเวลาหารัก" ทางช่อง 5  กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง

 น่าตื่นเต้นดี เพราะว่าแฟนคลับค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ใช่ของนกนะ แต่เป็นของบี้ (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) ของสิงโต(สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี) โตโน่(ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) ของเหล่าบรรดา เดอะสตาร์ เราเลยพลอยได้กระแสไปด้วย (ยิ้ม)
 
ละครเรื่องนี้เป็นละครเพลง เป็นมิวสิคัล

 คุณบอย(ถกลเกียรติ วีรวรรณ) คงอยากจะใช้คำว่าเป็นมิวสิคัลออนทีวีมากกว่า เหมือนเราดูละครเวที เพียงแต่ว่าออกอากาศทางทีวี บางคนอาจจะสงสัยว่าเป็นละครเพลง เอ๊ะอะก็จะร้องเพลงไม่มีที่มาที่ไปหรือป่าว  แต่มันไม่ใช่ เพราะว่าเพลงแต่ละเพลงที่ถูกใส่เข้าไปจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวทั้งหมด และอารมณ์ตรงนั้นถึงจะถ่ายทอดออกมาเป็นเพลง แต่เพลงจะเป็นเพลงเก่าที่เรารู้จัก ที่คุณบอยเลือกออกมาว่าอารมณ์ตรงนี้น่าจะเป็นเพลงนี้

ถ้าให้เปรียบว่าเอ็กแซ็กท์เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งจะได้ไหม

 ตอนนี้ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นแบบนั้น เพราะว่าทำงานกันมา 20 ปีแล้ว มีงานกับแอ็กแซ็กท์ทุกปี ถ้าไม่ใช่งานละครทีวี ก็ต้องมีละครเวที เหมือนกับว่าเป็นบ้านจริงๆ แล้วเราก็เหมือนเป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน กลายเป็นพี่คนโตไปแล้ว

เข้าวงการมาระยะเวลานานแค่ไหนแล้ว

 30 ปีแล้ว จริงๆ นกเข้าวงการมาตอนปี 2524 ปี ตอนนั้นได้มีการไปประกวดมิสสงกรานต์ ของช่อง 5 ก็เลยถือว่าเป็นฤกษ์งานยามดีของเวลานั้น

คิดว่าเป็นเพราะอะไรถึงยังสามารถยืนอยู่ตรงนี้

 นกจะรับงานเอง ไม่เคยมีผู้จัดการส่วนตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว นกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเวลาจะปฏิเสธงานใครสักคน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่เราจะคิดอยู่เสมอว่าถ้าเราอยากจะได้งานดีๆ เราก็ต้องเลือกงานที่ดีๆ นกถือว่าก้าวแรกที่เราจะเดินนั้นสำคัญที่สุด แต่นกคิดว่าคงเป็นเรื่องของดวงด้วย เพราะนกคิดว่ามันถูกกำหนดมาแล้ว

คิดอย่างไรกับทุกวันนี้ที่ว่าดาราต้องมีข่าวฉาวแล้วถึงจะดัง

 คงไปด้วยกันกับค่านิยมและก็สื่อด้วย ที่ว่าต้องการจะขายข่าวแบบนี้ ดาราต้องการที่จะทำแบบนี้ คงพูดยากอยู่ที่ทัศนคติ แล้วก็ความคิดด้วยที่มันเปลี่ยนแปลงไป แต่เราก็รู้สึกว่ามันไม่ดีว่านักแสดงมีแต่เรื่องพวกนี้แค่นั้นเองเหรอ

เวลาเครียดมีวิธีการที่จะคลายเครียดหรือดับทุกข์ด้วยวิธีแบบไหนบ้าง

 คือจะเอาตัวเองเป็นหลัก จะตัดสินใจเอง เพราะถ้ามีอะไรขึ้นมา จะถามตัวเองก่อน และฟังตัวเองก่อนว่าเป็นยังไง เราจะบอกว่าต้องการอะไรมากที่สุด ครอบครัวมีส่วนสำคัญ

รู้สึกอย่างไรบ้างตอนที่ได้มาเล่นคู่กันกับสามีในละครเรื่อง "เหนือเมฆ"

 คือตอนนั้นเขาอยากเห็นนกเล่นบู๊บ้าง เพราะเขาไม่เคยเห็นเลย เลยรู้ว่านกเป็นคนที่กลัวเอฟเฟกท์มาก แต่วันหนึ่งเขานึกสนุก ที่อยากจะเห็นนกลุกขึ้นมาถือปืนเลยบอกคนเขียนบทให้เขียนบทคาแร็กเตอร์แบบนี้ออกมาให้นก โดยที่ไม่ได้บอกนกเลย แต่พอเขียนบทเสร็จก็ไม่กล้ามาบอก เลยให้ลูกมาติดต่อ เราก็บอกลูกไปว่าไม่เอาบู๊ ไม่เล่นกลัวเอฟเฟกท์ แต่โดนลูกโน้มน้าวเลยขอเอาบทมาดูก่อน พออ่านแล้วก็รู้สึกสนุกเลยคิดว่าน่าจะลอง แล้วอีกสิ่งสำคัญที่ตัดสินใจเล่นเพราะนกไว้ใจพี่นกชาย เพราะเขาค่อนข้างที่จะเซฟทุกอย่าง

เห็นว่าจะมี "เหนือเมฆ" ภาค 2 ต่อด้วย

 เห็นว่าอย่างนั้นแต่ก็ต้องรอปิด "ตะวันเดือด" ก่อนตอนนี้พี่นกชาย (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) กำลังเร่งปิด "ตะวันเดือด" อยู่ก็น่าจะไม่นาน
พี่นกชายกับพี่นกหญิงมีงานเยอะด้วยกันทั้งคู่ มีเคล็ดลับในการเติมรักให้กันอย่างไรบ้าง

 ไม่มีอะไรมากมาย คงจะเป็นด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานานแล้วก็ทำงานอยู่ในวงการเดียวกัน ถ้าเวลาไหนพี่นกชายไม่มีงานอะไรก็จะไปหาที่กองถ่าย แล้วบางทีพี่นกชายรู้ตัวว่าช่วงนี้ไม่มีเวลาแต่ถ้าตัวเราว่างก็จะไปหาจะสลับกันไปมาแบบนี้

ที่ผ่านมามีข่าวด้านความสัมพันธ์ค่อนข้างเยอะส่งผลกระทบกับครอบครัวบ้างไหม

 ถามว่ามีผลกระทบกระเทือนจิตใจบ้างไหมก็ต้องบอกว่ามี แต่ในที่สุดมันก็ผ่านไป ความจริงเป็นอะไรยังไงเราก็รู้อยู่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราอยู่บ้านแล้วมีความสุขไหม ถ้ามีความสุขมันก็จบ ไม่ต้องอะไรมากมาย

ลูกๆ มีแววที่จะเข้าวงการบันเทิงบ้างไหม

 ที่จริงเขาก็เรียนกันในด้านนี้กันหมดเลย แต่ว่าในด้านของการแสดงเราไม่แน่ใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าจบแล้วจะเป็นยังไงกันบ้าง

อยากจะให้ฝากอะไรเกี่ยวกับนักแสดงในวงการบันเทิงหน่อยว่าควรจะวางตัวหรือปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง

 จริงๆ แล้วไม่อยากจะไปสอนใครว่าควรทำอะไรยังไง เพราะว่าเด็กรุ่นใหม่เข้ามาเขาก็มีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างมาก มีวิธีการในการทำงาน และมีมุมมองของเขาซึ่งนกคงบอกได้แค่เรื่องของการทำงานอย่างที่เราเคยทำมามากกว่า ว่าเราจะเลือกงานยังไง ให้ความสำคัญกับการทำงานยังไง และที่สำคัญเราต้องเคารพอาชีพของงานที่เราทำร่วมไปถึงคนที่ร่วมอาชีพกับเราด้วยถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องสัมมาคาระวะต่างๆ นกคิดว่ายังต้องมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนหรือจุดไหนก็ตาม เราอยากเห็นตัวเองเป็นแบบไหนก็ต้องทำแบบนั้น

 แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่ามืออาชีพ