
วิเคราะห์ "ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม" สัญญะดอกไม้ ตระกูลร่ำรวย ความเป็นชายแท้
เบื้องหลัง "ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม" ชำแหละองค์ประกอบศิลป์ แทรกสัญญะลึกซึ้ง ไขคดีผ่านการจัดดอกไม้ "อิเคบานะ" ผลพวงสังคมชายเป็นใหญ่ หญิงไม่สำคัญ
เปิดปีด้วย "ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม" ซีรีส์ไทย Whodunit รสชาติใหม่ที่นำศิลปะการจัดดอกไม้มาเชื่อมโยงกับการไขคดีฆาตกรรม ชวนผู้ชมมายลโฉมความงามของการสืบสวนสุดพิถีพิถันผ่านมุมมองของ ผู้หญิง สร้างปรากฏการณ์เป็นที่พูดถึงจนทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 1 ในประเทศไทย สมฐานะซีรีส์ไทยเรื่องแรกของปี
โดยซีรีส์ Whodunit มีทั้งหมด 6 ตอน เผยเสน่ห์ของการสืบสวนที่ค่อยๆ นำผู้ชมมาคลี่คลายปริศนาเบื้องหลังตัวละคร ไปจนถึงมูลเหตุจูงใจได้อย่างละเมียดละไม ชวนให้เพลิดเพลินไปกับรูปแบบการเล่าเรื่องอันแปลกใหม่
แม้แต่ฉากเปิดของแต่ละตอนก็ยังมีความหมายซ่อนอยู่ รวมถึงบทพูดคมคายที่ฟังแล้วติดอยู่ในใจ และสัญญะที่บรรจงใส่มาอย่างลึกล้ำ จนคนดูอดไม่ได้ที่จะเก็บรายละเอียดในทุกฉาก และนี่คืออีก 3 ความลึกซึ้งที่บรรจงสอดแทรกไว้ใน ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม และส่งให้ซีรีส์ไทยเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในใจของผู้ชมทั่วประเทศ
ผลกระทบลูกโซ่จากความเป็นชายที่เป็นพิษ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเริ่มต้นของคดีนี้คือ ผลร้ายของความเป็นชายที่เป็นพิษ (Toxic Masculinity) ตั้งแต่ครอบครัวเอื้อเทพาที่เลี้ยงดู "โอม อนุสรณ์" (รับบทโดย ณ ณภัทร วิกัยรุ่งโรจน์) มาด้วยแนวคิดที่บิดเบี้ยว จนทำให้เขาเติบโตมาเป็นภัยร้ายต่อสังคม และจบลงด้วยการเป็นเหยื่อที่ถูกพรากชีวิตไปในช่วงเวลาอันน่าเสียดายอย่างที่สุด โดยมีเหยื่อที่ลุกขึ้นสู้ในวิธีการที่แตกต่างกัน
ในซีรีส์เราจะได้เห็นกลุ่มผู้หญิงรวมตัวกัน เพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรมที่พวกเธอได้รับ ซึ่งการจัดวางประเด็นทางสังคมเหล่านี้ให้เห็นผลกระทบลูกโซ่ได้อย่างชัดเจนเป็นความตั้งใจของ "ปราบดา หยุ่น" ผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ "ประเด็นเรื่องความเป็นชายที่เป็นพิษ (Toxic Masculinity)" จะทำให้ผู้ชมได้ทบทวนว่า "ซีรีส์นำเสนอสิ่งที่เราพบเจอในชีวิตอย่างถูกต้องไหม หรือเราคิดอย่างไรกับประเด็นนั้นๆ"
"ส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่มีผลงานหลายเรื่องที่เคยพูดถึงมานานพอสมควร แต่ประเด็นเหล่านั้นก็ยังไม่ล้าสมัย และยังไม่หมดไปจากสังคม ทั้งที่เป็นประเด็นที่ครอบคลุมถึงทุกคนไม่เจาะจงแค่ผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมจึงอยากเล่าประเด็นเหล่านี้เพื่อให้ถูกพูดถึงอยู่ครับ"
แนวคิดต่างมุมกับเรื่องราวในคดีฆาตกรรม
ซีรีส์ได้พาผู้ชมมารู้จักวิถีของตัวละครที่มีมุมมองชีวิตและแนวคิดที่แตกต่างกัน เริ่มจากนักจัดดอกไม้ลึกลับอย่าง "ดาหลา" (รับบทโดย ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์) ที่ให้ความสำคัญกับการจัดวางคนที่เข้ามาในชีวิตของเธออย่างพิถีพิถัน ส่งผลให้เธอกลายเป็นคนปิดกั้น และดูแปลกแยกเมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่นๆ
ในขณะที่ตระกูลตั้งสินทรัพย์ ที่มองว่า ลูกหลานที่เป็นผู้หญิงไม่สำคัญเท่าลูกหลานที่เป็นผู้ชาย ทำให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียม จนมักมีปากเสียงกันบ่อยๆ ตรงกันข้ามกับตระกูลเอื้อเทพา ที่แม้จะไม่ลงรอยกัน แต่ก็คงไว้ซึ่งท่าทีของตระกูลผู้ดีเก่าที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรี และชื่อเสียง
ต่อหน้าอาจไม่ค่อยมีปากเสียง แต่ลับหลังพวกเขาเลือกใช้แนวคิดไร้จิตใจอย่าง "The whole is more important than the parts" มาจัดการกับปัญหาในตระกูล โดยเรื่องนี้ "ดรีม ฐานิกา เจนเจษฎา" หนึ่งในผู้กำกับเผยว่า "ซีรีส์ชุดนี้ไม่ได้ตัดสินว่ามุมมองใดถูกต้องที่สุด ด้วยเจตนาที่ซ่อนเร้นและไม่จริงใจของแต่ละตัวละครในเรื่องแสดงให้เห็นว่าเมื่อทุกฝ่ายเข้ามาพัวพันกับคดีฆาตกรรมนี้ พวกเขาก็ล้วนส่งผลกระทบต่อกันและกัน ก่อให้เกิดวัฏจักรที่แต่ละคนต้องเผชิญผลลัพธ์จากการกระทำของตนเองค่ะ"
องค์ประกอบศิลป์ และสัญญะของดอกไม้
ความโดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คงหนีไม่พ้นลีลาการสืบสวนที่สอดแทรกศิลปะการจัดดอกไม้อย่าง "อิเคบานะ (Ikebana)" มาเป็นแนวคิดหลักในการไขปริศนาหาตัวฆาตกร อีกทั้งแต่ละซีนยังล้วนแต่งแต้มไปด้วยการใช้องค์ประกอบแสง สี เสียงที่ถูกจัดวางให้ส่งเสริมกันและกันได้อย่างน่าสนใจ ราวกับหมู่ดอกไม้ที่รวมอยู่ในแจกัน สามารถเล่าเรื่องราวและดึงดูดให้ผู้ชมอยากเข้าไปแกะปมปริศนาอย่างใกล้ชิด
สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ความสร้างสรรค์ในการแทรกสัญญะเกี่ยวกับดอกไม้ลงไปในภูมิหลังของตัวละคร เช่น ดอกกุหลาบสีน้ำเงินของตระกูลเอื้อเทพาที่หมายถึงความเป็นชนชั้นสูง แต่กลับเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงในธรรมชาติ ต้องสังเคราะห์ขึ้นมา สื่อถึงความพยายามอยากเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลของตัวเอง
หรือ ดอกทิวลิปประจำตระกูลตั้งสินทรัพย์ที่เคยเป็นดอกไม้มูลค่าสูงในเนเธอร์แลนด์ เกิดการแลกเปลี่ยนกันด้วยเงินจำนวนมหาศาล สื่อถึงความร่ำรวยฟุ้งเฟ้อ และการให้ความสำคัญกับเงินตรา
แม้แต่ดอกดาหลาสีแดงก็ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา แต่เมื่อจับมาอยู่ระหว่างดอกกุหลาบสีฟ้า และดอกทิวลิปสีม่วงก็ยังคงความสง่างามโดดเด่นของตัวเองเอาไว้ได้ ไม่ถูกกลืนหายไปท่ามกลางการแข่งขันชูช่อของดอกอื่นๆ ดังเช่นตัวละครดาหลานั่นเอง
โดย "เอลิซ่า เปียง" หนึ่งในผู้กำกับซีรีส์ เล่าว่า "ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้มีตัวละครและมุมมองที่หลากหลาย เราจึงได้ร่วมกันออกแบบตัวละครอย่างเข้มข้นให้มีลักษณะนิสัยที่โดดเด่นต่างกันไปผ่านมุมมองทางด้านศิลปะและธรรมชาติ เช่น
- กำหนดคาแรกเตอร์แต่ละคนว่าสื่อถึงดอกไม้อะไร
- มีพาเลทสีประจำตัวและตระกูล
- จับคู่สถานที่ของแต่ละตระกูลกับลักษณะทางธรรมชาติ เช่น สตูดิโอดอกไม้ของดาหลาเหมือนเป็นถ้ำ ในส่วนของบ้านตั้งสินทรัพย์ เรานึกถึงภาพวาดสไตล์จีนที่มักจะเด่นเรื่องการใช้พู่กันจีน จึงออกมาเป็นสถานที่ที่มีความเยือกเย็น สีซีดเทา และบ้านเอื้อเทพาจะเป็นป่าลึก หมอกทึบ พร้อมจะล่มสลาย