สื่อฝรั่งเศสจวกแรง คอนเสิร์ต 'BLACKPINK' ไม่ได้มาตรฐาน เปรียบเทียบ 'BTS' | คมชัดลึก

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลังสื่อฝรั่งเศสพาดพิงแรงถึงคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลก "BLACKPINK" อย่างเวิร์ลทัวร์ "BORN PINK" ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะจัดแสดงที่ไหน 4 สาวสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง BLACKPINK อย่าง จีซู, โรเซ่, เจนนี่, และ ลิซ่า ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ความประทับใจ ทำลายสถิติ ตั๋วหมดเกลี้ยงทุกครั้งที่เปิดจำหน่ายภายในเวลาไม่กี่นาที จนกลายเป็นที่ยอมรับของแฟนๆ ทั่วโลก

 

ทว่าล่าสุด สื่อฝรั่งเศสพาดหัวข่าว วิพากษ์วิจารณ์แรงถึงคอนเสิร์ต BORN PINK ของ "BLACKPINK" ที่จัดขึ้น ณ สนาม Stade De France ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 ก.ค.66 ที่ผ่านมา จนเกิดกระแสตีกลับ ทำเอาชาวบลิ๊งค์ ( BLINK แฟนคลับของ BLACKPINK) เรียกร้องให้สื่อรายดังกล่าว ออกมาขอโทษ และให้เกียรติศิลปิน

 

โดยสื่อดังกล่าวของฝรั่งเศส Le Parisien ได้เผยแพร่บทความ วิพากษ์วิจารณ์คอนเสิร์ต ของ "BLACKPINK" ว่า โดยรวมการแสดงคอนเสิร์ตระยะเวลา 2 ชั่วโมงของ BLACKPINK สร้างความสุขให้กับแฟนคลับได้ แต่ไม่ใช่สำหรับคนอื่น ที่ไม่ใช่แฟนคลับ เพราะไม่ได้ออกมาดี และไม่ได้มาตรฐาน

 

Le Parisien ยังกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ในการแสดงโชว์ของ 4 สาวสมาชิก BLACKPINK อาทิ ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผังที่นั่งในคอนเสิร์ต โดยกล่าวว่าที่นั่งไม่ได้เต็มทุกที่ แถมยังมีพื้นที่ว่างไร้เงาแฟนคลับที่ถูกผ้าคลุมไว้บางส่วน คล้ายตั้งแง่เกี่ยวกับกระแสความนิยมของ BLACKPINK ในฐานะวงเกิร์ลกรุ๊ประดับโลก และประเด็นอื่นๆ

 

อีกทั้งยังเปรียบเทียบความสำเร็จระหว่าง "BLACKPINK" กับวงบอยแบนด์ชื่อดัง "BTS" ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกเหมือนกัน ซึ่งการเปรียบเทียบดังกล่าวในเนื้อข่าว ทำให้เหล่าแฟนคลับรู้สึกว่าสื่อดังกล่าวดูแคลนความสำเร็จของ BLACKPINK ในฐานะเกิร์ลกรุ๊ป

 

ด้านแฟนคลับมองว่าสื่อดังกล่าวเขียนบทความเพื่อโจมตี และไม่ให้เกียรติศิลปินแม้แต่น้อย พร้อมร่วมกันออกมาแชร์คลิปวิดีโอ และรูปภาพจากคอนเสิร์ต "BORN PINK" ที่จัดขึ้น ณ สนาม Stade De France ที่ถูกพาดพิงในบทความดังกล่าว เพื่อโต้แย้งว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้ของสาวๆ ที่ประเทศฝรั่งเศสนั้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และไม่เป็นไปตามที่สื่อกล่าวอ้างแต่อย่างใด

 

ในขณะที่แฟนๆ ส่งประโยค "LE PARISIEN RESPECT BLACKPINK" และ "LE PARISIEN APOLOGIZE" ทะยานขึ้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์เป็นอันดับต้นๆ เพื่อเรียกร้องให้สื่อรายดังกล่าว และผู้เขียนบทความออกมาขอโทษ และให้เกียรติศิลปิน ทว่าจนขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากสำนักข่าวดังกล่าว