ไขความปัง เพลงดัง หรือเพราะเนื้อร้องมีคำนี้ "โอม" ขึ้นมนต์บูชาศักดิ์สิทธิ์
เพลงคาขุนแผน (หลวงพ่อกวย) ที่ขับร้องโดย "กานต์ ทศน" , เพลง นะหน้าทอง ขับร้องโดย "โจอี้ ภูวศิษฐ์" ที่เป็นหนึ่งใน candidate คมชัดลึกลูกทุ่งอวอร์ด 2565 กับความปังที่เกิดขึ้นนั่น วันนี้ลองมาไขความลับกันดู เพราะ 2 เพลงนี้มี หนึ่งคำที่ เหมือนกัน ประหนึ่งมนต์สำคัญนั่นเอง
งานประกาศรางวัลคมชัดลึกลูกทุ่งอวอร์ด 2565 ที่กำลังจะถึงในวันที่ 29 กันยายน 2565 นี้มีศิลปิน ผลงานเพลงมากมายที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล จากทั้งคณะกรรมการและแฟนคลับที่ชื่นชอบในผลงาน ซึ่งหากลองเจาะลึกลงไปแล้วนั้นผลงานเพลงดังที่เข้าชิง ดันให้มีชื่อเสียงนั้น ก็หลายเพลงที่ได้ถ่ายทอดเรื่องความเชื่อ ความศรัทธาเข้ามาเกี่ยวข้อง และในเนื้อเพลงดังกล่าวก็มีคำขึ้นตนบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อผสานรวมอยู่ในเพลงนั้นด้วย
อาทิ เพลง คาขุนแผน (หลวงพ่อกวย) ที่ขับร้องโดย กานต์ ทศน , เพลง นะหน้าทอง ขับร้องโดย โจอี้ ภูวศิษฐ์
เพลง คาขุนแผน (หลวงพ่อกวย) ในเนื้องร้องบางส่วนนั้นมีเนื้อหาว่า "โอมสิทธิท้าวฟื้นเจริญศรี ให้ลูกมีคนรักคนเมตตา ให้ลูกโด่งดังกับเขาเถิดหนา ชื่อเสียงก้องฟ้าคนรักมากมาย
โอมให้หน้ากูงามคือดั่งพระแมน ให้แขนกูงามดั่งพระนารายณ์ ให้ฤทธิ์กูงามดั่งพระจันทร์ฉาย
สาวเมืองสวรรค์ยังอยู่บ่ได้เมื่อเห็นหน้ากู"
ส่วนเพลง นะหน้าทอง ในเนื้องร้องบางส่วนนั้นมีเนื้อหาว่า "ฉันจึงเป่าคาถา เพื่อให้เธอหลงรัก ให้ลืมผู้บ่าวเป็นร้อย ที่มันคอยมาทัก และขอให้ความรักนี้ ไม่มีเสื่อมคลาย โอม"
โดยทั้ง 2 บทเพลงนี้เรียกว่าสร้างชื่อสร้างความโด่งดังหลังจากปล่อยเพลงนี้ออกมา ขณะที่หากย้อนกลับไปที่เส้นทางดนตรีของทั้ง 2 คนดนตรีชี้ดังนั้น ไม่ได้เพิ่มเริ่มเดินทางสายนี้แต่ ต่อสู้ฝ่าฟันมานานหลายปีเลยทีเดียว ซึ่งสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า ทั้ง 2 เพลงนี้ คำว่า "โอม" อยู่ในเนื้อร้อง ซึ่งสายความเชื่อนั้นเป็น คำนำบูชาขึ้นต้นก่อนที่สวดภาวนาขอพรต่อเทพตามความเชื่อด้วย
ตามข้อมูลจากสำนักราชบัณฑิตยสภา ได้ให้ความหมายของคำว่า "โอม" ไว้ดังนี้ "โอม เป็นคำที่ประกอบด้วยเสียง 3 เสียง คือ อะ อุ มะ ซึ่งเป็นเสียงพยางค์ท้ายของนามเทพเจ้าทั้ง 3 ในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู คำว่า
- อะ มาจากชื่อ พระศิวะ หรือพระอิศวร
- อุ มาจาก ชื่อ พระวิษณุ หรือพระนารายณ์
- มะ มาจากชื่อ พระพรหม
เมื่อรวมเสียง อะ อุ มะ เป็นคำว่า โอม จึงถือเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ มักใช้เป็นคำขึ้นต้นของการกล่าวมนตร์ เช่น บทสวดบูชาพระพิฆเนศ ขึ้นต้นว่า Wโอมคะเนศายะ นะมะหะริโอม"
ส่วนผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ได้นำคำว่า "โอม" มาใช้และบอกที่มาให้เข้ากับความเชื่อในพระพุทธศาสนา หมายถึงพระรัตนตรัย คือ อะ อุ มะ ซึ่งมาจากพยางค์ต้นของคำ 3 คำ ได้แก่
- อะ มาจากคำว่า อรหัง (อ่านว่า อะ –ระ -หัง) หมายถึงพระพุทธเจ้า
- อุ มาจากคำว่า อุตตมธรรม (อ่านว่า อุด-ตะ -มะ-ทำ) หมายถึงพระธรรมอันสูงสุด และ
- มะ มาจากคำว่า มหาสงฆ์ หมายถึงพระสงฆ์
ชาวพุทธมักจะเปล่งเสียง "โอม" แล้วตามด้วยเสียง เพี้ยง เมื่อต้องการขอพร ขอความช่วยเหลือ หรือตั้งจิตอธิษฐานให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น โอมเพี้ยง ขอให้ผมสอบได้คะแนนดี ๆ ด้วยเถิด, แม่เป่าแผลให้ลูกที่เดินหกล้มหัวเข่าถลอก แล้วพูดว่า โอมเพี้ยงขอให้หายเร็ว ๆ นะลูก เป็นต้น
หากย้อนกลับไปนั้นนอกจากเพลงดังอย่าง คาถาขุนแผน(หลวงพ่อกวย) , นะหน้าทอง ที่มีคำว่า "โอม" แล้วยังมีอีกหลายเพลง อาทิ คาถามหานิยม , โอม(แค่เธอเท่านั้น) , โอมเพี้ยง , โอมจงเงย เป็นต้น
จะว่าไปแล้วเหล่าบทเพลงต่าง ๆ ก็เป็นดั่งบันทึกเรื่องราวอีกหนึ่งหน้าของสังคมที่ถ่ายทอด และแฝงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอย่างหนึ่งให้ได้เห็นกันนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูล -ภาพ : สำนักราชบัณฑิตยสภา , calligraphy
ติดตามข่าวสาร คมชัดลึก อื่นๆ ได้ที่
- คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565 : www.komchadluek.net
- Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565 ใครคือ 6 Candidate กับ 8 สาขา Popular Vote ในครั้งนี้รู้พร้อมกันที่ คมชัดลึก ทุก Platform