บันเทิง

ลุกลามหนัก "โอม Cocktail" ค่าย Gene Lab ชี้แจงปม "แสตมป์ อภิวัชร์"

ลุกลามหนัก "โอม Cocktail" ค่าย Gene Lab ชี้แจงปม "แสตมป์ อภิวัชร์"

21 ม.ค. 2568

"โอม Cocktail" ผู้บริหารค่าย Gene Lab ชี้แจง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ดราม่า "แสตมป์ อภิวัชร์" แนะนำให้เข้าสู่ชั้นศาล สู่วันออกโหนกระแส ยืนยันไม่สนับสนุนความอยุธิธรรม หากไม่จบรังแต่จะขัดแย้ง

สะเทือนไปทั้งวงการ ดราม่า "แสตมป์ อภิวัชร์" ที่หลังจากไปออกรายการโหนกระแส ก็ยังเป็นที่ถูกวิจารณ์ไปในหลากแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนอกใจ และการสู้คดีความ ขณะที่ แก๊ป แฟนของคู่กรณี และทำงานให้กับวง Tilly Birds ได้ประกาศลาออกจากวง 

 

ล่าสุด "โอม Cocktail" ในฐานะผู้บริหารค่าย Gene Lab ซึ่งมีวงดนตรี Cocktail และ Tilly Birds อยู่ภายใต้สังกัด ออกมาชี้แจงว่า "ได้อ่านความเห็นของหลายท่านเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงขอถือโอกาสนี้สรุปข้อเท็จจริงในฐานะตัวแทนค่ายครับ"

เริ่มแรก เคยรับเรื่องไว้ว่ามีปัญหากัน

 

 

  • เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณสองปี ทางค่ายและวงทิลลี่เบิร์ดได้รับแจ้งจากพี่แสตมป์ว่า มีปัญหาระหว่างฝ่ายพี่แสตมป์ และ sound engineer ของวง อันเนื่องมาจากประเด็นชู้สาวซึ่งพี่แสตมป์ได้เล่ารายละเอียดไปจนถึงต้นเหตุของความผิดใจระหว่างสองฝ่ายตามที่ทุกท่านได้ทราบตามข่าว และยังได้แจ้งต่อไปว่ามีการพบกัน วิวาท รวมถึงมีการพูดพาดพิงกันในทางเสียหาย เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขอให้พูดคุยกับบุคคลดังกล่าว
  • ในเบื้องต้นผมรับเรื่องเอาไว้แต่ได้กล่าวไปว่า Engineer นั้นไม่ใช่ลูกจ้างของค่าย แต่เป็นบุคลากรของวง ทางค่ายจึงไม่มีอำนาจในการจัดการโดยตรง แต่จะสอบถามให้ และได้แจ้งไปว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก และผมในฐานะคนกลางยังไม่สามารถออกความเห็นได้ทันทีครับ

 

 

พบว่าขัดแข้ง ห้ามวงเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ใช่พนักงาน

 

  • หลังจากนั้นเมื่อได้ทำการสอบถามเรื่องราวจากฝั่ง sound engineer และแฟน จึงพบว่าเรื่องราวนั้นขัดแย้งกันอย่างมาก และทั้งสองฝ่ายมิได้มีหลักฐานที่จะอ้างอิง เรื่องราวที่กล่าวอ้างได้เลย
  • ในเบื้องต้นจึงได้ทำการตักเตือนไปว่า ห้ามวงเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว หากไม่ใช่กรณีที่พนักงานของวงกระทำความผิดต่อหน้าที่ ที่เราสามารถลงโทษได้ เรื่องอื่นใดถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาต้องจัดการด้วยตนเอง มิให้ถือข้าง หรือตัดสินใดๆไปก่อน เพราะธรรมดาเรื่องเกี่ยวข้องกับความรัก หรือปัญหาภายในครอบครัวนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน อาจมองได้หลายมุม และที่สำคัญเป็นเรื่องภายในบ้าน

 

 

แนะนำให้แสตมป์สู้ในชั้นสาล 

 

  • หลังจากนั้นจึงทำการติดต่อพี่แสตมป์อีกครั้ง และแนะนำไปว่าควรนำเรื่องราวเข้าสู่กระบวนการของศาล และนำเอาพยานหลักฐานของตนเข้าต่อสู้กัน
  • โดยพี่แสตมป์ได้แสดงความกังวลว่าระหว่างทางคู่กรณีอาจใช้โอกาสนี้ในการ พูดหรือให้ร้ายตนและภรรยาได้ และตนไม่สบายใจจากการข่มขู่ผมจึงได้ทำการรับรองไปว่าจะกำกับและดูแลไม่ให้มีการพูดถึงกันไม่ว่าในสื่อใดและช่องทางใดในขอบเขตที่ผมมีอำนาจ
  • ในระหว่างที่มีการพิพาทกันในชั้นศาล เนื่องจากเห็นความสำคัญว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีส่วนบุคคลไม่ควรมีผู้ใดล่วงรู้ ทั้งนี้รายละเอียดในการพิจารณาคดีหรือการพิพาทใดๆหลังจากนั้นทางเราไม่ได้รับทราบอีกต่อไป

 

 

คดีจบลง พิสูจน์คำพูดเรื่องชู้

 

  • หลังจากนั้นเวลาผ่านไป ไม่ได้มีการติดต่อใดๆจากฝั่งพี่แสตมป์อีก จนกระทั่งพี่แสตมป์ได้ติดต่อมาว่าตนได้ชนะคดีแล้วและได้รับค่าเสียหายในคดีฟ้องชู้ รวมถึงได้มีคำสั่งของศาลมิให้ทั้งสองฝ่ายพูดถึงกันในทางเสียหายอีกต่อไป ซึ่งสิ่งนี้น่าจะพิสูจน์ได้ว่าเรื่องชู้ที่ทางพี่แสตมป์กล่าวอ้างเป็นเรื่องจริง ขอให้แจ้งกับทาง Tilly Birds เพื่อรับทราบ เพื่อจะได้จัดการประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
  • ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีคุกคามมิได้ถูกกล่าวถึง และมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการห้ามเข้าใกล้ เมื่อผมแจ้งให้กับทาง Tilly Birds ความปรากฏต่อไปว่า ทาง sound engineer และแฟน ยืนยันว่ามิได้แพ้คดี แต่ยอมประนีประนอมยอมความเพียงเพื่อให้เรื่องจบ และตนมิได้เป็นชู้
  • เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการพิพาทต่อไป ผมจึงแจ้งพี่แสตมป์ว่า ให้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า ชนะคดีซึ่งมีความหมายกว้าง แต่ให้เลือกแจ้งคนโดยทั่วไปว่า คดีจบลง โดยการประนีประนอมยอมความ โดยฝ่ายจำเลยยอมชำระค่าเสียหาย ซึ่งมีความหมายตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายไม่สามารถนำเอาข้อดังกล่าวมาโต้แย้งพี่แสตมป์ได้อีก
  • ในขณะนั้นผมตระหนักว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องของการไม่ยอมรับ และเป็นความเชื่อที่ทางค่ายไม่สมควรเข้าไปก้าวล่วง และในเมื่อมีคำสั่งศาลให้ทั้งสองฝ่ายไม่พูดถึงกันอีกต่อไป ผมจึงคิดว่าทั้งสองฝ่ายจะต่างคนต่างอยู่ และไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้ได้กำชับกับ Tilly Birds อีกครั้งว่าไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ใดๆทั้งสิ้น
  • โดยทางฝ่าย sound Engineer ได้ให้คำมั่นว่ามีความตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป ในขณะนั้นทางค่ายเกิดความสบายใจ เพราะไม่ว่าสถานะของความเป็นชู้นั้นจะจริงหรือไม่ ไม่ว่าใครจะเชื่ออย่างไร มิได้สำคัญ เพราะต่างคนสามารถที่จะแยกย้ายไปมีชีวิตหรือทำงานในส่วนของตัวเองได้แล้ว

 

 

แสตมป์ไม่สบายใจที่ร่วมงาน แต่เพิกเฉยต่อคำขอ

 

  • เวลาผ่านไประยะใหญ่ ทางเราได้ยินประปรายว่าพี่แสตมป์มีความไม่สบายใจจากการพบเจอ sound engineer ตามงานต่างๆ จาก บุคลากรในสายงาน หลายท่าน โดยพี่แสตมป์ได้บอกเล่าเรื่องราวชู้สาวของตนเองให้กับหลายท่านให้ได้ทราบ และพี่แสตมป์ได้ติดต่อมาผ่านผู้ใหญ่ในวงการท่านอื่นว่า มีความไม่สบายใจที่พบเจอแฟน ของ sound engineer ในงาน monster music festival ที่ในขณะนั้นมาช่วยงานที่บูธของศิลปิน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาทำงาน
  • ผมยอมรับว่าเพิกเฉยต่อคำขอ เนื่องจากไม่สามารถใช้ความไม่สบายใจส่วนบุคคล ไปจำกัดสิทธิ์ของ Tilly Birds ในการเลือกบุคลากรที่จะมาช่วยงานได้ โดยทางเราไม่ทราบมาก่อนว่านอกจากความไม่สบายใจแล้วยังมีเรื่องพิพาทของสองฝ่ายดำเนินอยู่ ประกอบกับไม่ได้รับรายงาน หรือพยานหลักฐานใดๆเพิ่มเติมเลยว่ามีการพิพาทระหว่างสองฝ่ายเกิดขึ้นภายหลัง

 

 

ลุกลามหนัก ค่าย วงดนตรี เสียหาย

 

  • ในเวลาต่อมาหลังจากมีการพูดของพี่แสตมป์บนเวทีงานคอนเสิร์ตอันเป็นประเด็นให้ถกเถียงนั้น ข้อเท็จจริงจำนวนมากได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เข้าใจ ประเด็นบางส่วนถูกข้ามไป และบางส่วนถูกเพิ่มเติมขึ้นมา นำมาสู่ประเด็นปัญหาจนกลายเป็นข้อถกเถียงลุกลามอย่างที่ทุกท่านได้ทราบกัน จนความเสียหายลามมาถึงค่ายและ tilly birds
  • ด้วยข้อมูลจำนวนมาก และข้อกล่าวอ้างหลายอย่างเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ หลายข้อไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึง เป็นการยากที่จะมีความเห็นใดๆจากค่าย

 

 

ไม่สนับสนุนความอยุติธรรม 

 

  • ประเด็นเรื่องคุกคามกลายเป็นประเด็นใหม่ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบพยานบุคคลทั้งบุคคลที่สาม บุคคลภายนอก และพยานแวดล้อมอื่นๆ ค่อนข้างเห็นไปได้ว่าเป็นการพิพาทระหว่างคู่กรณีที่ไม่ถูกกันเมื่อพบเจอกันก็มีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา

 

ประกอบกับช่วงเวลาที่พี่แสตมป์กล่าวอ้างว่ามีการคุกคามในลักษณะซาแซงบนเวทีนั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า พี่แสตมป์กับแฟนของซาวด์เอ็นจิเนียร์ อาจมีพฤติกรรมคบหากันอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว พี่แสตมป์จึงกลายเป็นพยานบุคคลที่มีน้ำหนักน้อยในเวลานั้น เป็นผลให้ทางค่ายไม่เทคแอ็คชั่นใดๆในเบื้องต้น เพราะยังไม่อาจเข้าใจเจตนาของพี่แสตมป์ได้เลย เรื่องทั้งหมดที่พี่แสตมป์พูดบนเวทีมีโอกาสจะเป็นเรื่องที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงและยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในข้อใดทั้งสิ้น เนื่องจากไม่มีพยานเอกสารหรือบุคคลรองรับ

 

 

หลังจากออกรายการโหนกระแส 

 

 

  • ต่อมาในคืนก่อนหน้าที่ทาง Sound Engineer ได้ตัดสินใจไปรายการโหนกระแส ผมได้ปรึกษากับทางพี่หนุ่มถึงทิศทางในการพูดคุยเพื่อให้ได้มา ซึ่งข้อเท็จจริงมากที่สุดรวมถึงการชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือต่างๆในรายการ
  • โดยพี่หนุ่มให้ความเห็นไว้หลายข้อ และเมื่อสถานการณ์ ณ ขณะนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างสองฝั่ง โดยไม่เกี่ยวข้องกับ Tilly Birds อีกต่อไปจึงมิใช่หน้าที่ของค่ายที่จะต้องกำกับดูแลเนื่องจากบุคคลดังกล่าวไม่ใช่พนักงานของค่าย
  • ในเวลาต่อมาเมื่อรายการดำเนินไป ในส่วนของการตอบคำถามในประเด็นข่มขู่ของตัว sound engineer นั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะมิได้เป็นคนยื่นฟ้อง และมิได้มีส่วนในการใช้พยานหลักฐานบางประเภทซึ่งแม้จะรวมอยู่ในลักษณะพยานหลักฐานอันเป็นชุดที่ไม่สามารถแยกออกจากกัน หรือตัดทอนได้มาต่อรองในการดำเนินคดี แต่เจ้าตัวก็ยืนยันด้วยตนเองว่าทนายฝั่งแฟนสาวของตนได้มีการหยิบเอาประเด็นนี้มาใช้
  • ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวมิเคยได้กล่าวหรือชี้แจงใดๆในรายละเอียดมาก่อนต่อวงหรือค่าย เท่ากับว่าเป็นการรับรองสิ่งที่พี่แสตมป์พูดบนเวทีในข้อนี้โดยไม่โต้แย้ง ซึ่งต่อให้อ้างว่ามิได้มีเจตนา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าการกระทำดังกล่าว ส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้คดีของพี่แสตมป์ในประเด็นอื่นในคดีที่พิพาทกันและคดีอื่นลดลงอย่างมาก เป็นเหตุให้ไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งในกรณีดังกล่าวทางเราทั้งหมดไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน

 

 

 

  • ข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้ที่เรียนมาผมได้ถือโอกาสนี้ส่งให้พี่แสตมป์และนิว รวมถึงฝั่งของ Sound Engineer และแฟนสาวรับรองในฐานะคนกลางเพื่อขจัดข้อข้องใจระหว่างสองฝ่ายรวมถึงทางค่าย และขออนุญาตเผยแพร่เพื่อขจัดปัญหาของการตีความอื่นใดของบุคคลภายนอก ขอบพระคุณพี่แสตมป์ นิว และทางฝั่ง Sound Engineer ที่ให้ความกรุณาด้วยครับ
  • ขออภัยทุกท่านที่ออกมาชี้แจงช้า แต่เนื่องจากยากที่จะเขียนเรื่องนี้ให้จบถึงบทสรุปได้ในครั้งเดียวหากเรื่องนี้ไม่จบแล้วจริงๆ หรือปรากฏพยานหลักฐานแล้วจากทุกฝ่าย เกรงว่าต่อให้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ก็รังแต่จะสร้างข้อถกเถียงและความขัดแย้งโดยไม่จำเป็นครับ