
POKMINDSET ปล่อยอัลบั้ม STAY TRUE เล่าชีวิตลูกเจ้าสัว เคยเกือบตายมาแล้ว
ต้องฟังแล้ว! "POKMINDSET" หรือ "ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์" ปล่อยอัลบั้ม STAY TRUE จัดหนัก 10 เพลงจัดเต็ม เล่าชีวิตลูกเจ้าสัว เคยเกือบตายมาแล้ว สู่เส้นทางฮิปฮอป
กลับมาจัดหนักจัดเต็มอีกครั้ง สำหรับ "POKMINDSET" หรือ "ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์" หลังเคยสร้างตำนานจาก เพลงวิบวับ WIP WUP ยอดวิว 300 ล้านกว่ามาแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวกลับมาระเบิดความปังอีกครั้ง ด้วยการปล่อยอัลบั้มที่ 2 ในชีวิต หลังหายจากงานอัลบั้มนานกว่า 10 ปี โดยเจ้าตัวเปิดใจกับ "คมชัดลึก" สุด exclusive ว่า....
อยากให้พูดถึงอัลบั้ม stay true?
ตื่นเต้นมากเลยครับ อย่างที่ทุกคนทราบ ผมไม่ได้ทำอัลบั้มมาเกือบ 10 ปีแล้ว อัลบั้มนี้ตั้งใจมากครับ ด้วยประสบการณ์ที่เราอยู่วงการเพลงมานานพอสมควร ทำให้ผมรู้สึกว่าเราต้องมีความเป็นตัวเราเองให้ได้มากที่สุด บวกกับประสบการณ์เมื่อสามปีก่อนผมผ่าตัดสมองไป ทำให้ผมอยากมีความสุขให้มากๆ และการที่เรามีความสุขมาก คือการที่เราได้เป็นตัวของเราเอง นี่คือคอนเซปต์ของอัลบั้มนี้ ก็ได้มาจากประสบการณ์ในวงการเพลงของผมทั้งหมด และประสบการณ์ที่ผมเกือบตายไป ก็เลยทำให้มันเป็นอัลบั้มนี้
อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราถูกสบประมาทมาโดยตลอด?
ด้วยครับ จริงๆแล้วมันก็ไม่ผิด ทุกคนโตมามีความคิด มีแบ็กกราวนด์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนจะคิดแบบนั้นก็เป็นไปได้ แต่มันก็ไม่ได้แย่เสมอไปสำหรับผม เพราะจริงๆแล้วมันดีด้วยซ้ำ ผมต้องใช้เวลาพิสูจน์มัน ว่าเราชอบจริงๆ และเราเป็นแบบนี้จริงๆ
ซึ่งเนื้อเพลงมาจากตัวเราทั้งหมด?
จริงๆแล้วที่ผมทำเพลงทั้งหมด ตั้งแต่สมัยไหนก็ตาม เป็นเพลงที่ไม่มากก็น้อย เป็นเพลงที่เกี่ยวกับตัวเราอยู่แล้ว คือผมรู้สึกว่าถ้ามันไม่ใช่ผม คือไม่กล้าที่จะพูดออกมา อย่างเมืองนอก หรือเมืองไทย ที่เป็นแก๊งแร็ป บางทีเขาหยิบปืน AK ออกมา ผมไม่มี AK ผมไม่มีระเบิดอะไรพวก จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ พอมาพูดในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น มันก็พูดได้ไม่เต็มปาก แล้วก็รู้สึกขัดกับใจของเราด้วย ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ สิ่งที่เราทำออกมา ต้องเป็นตัวเรา เป็นสิ่งที่เราอยากจะสื่อให้คนได้เข้าใจ และได้รับสารอย่างเต็มที่จริงๆ เพราะฉะนั้นต้องเป็นอะไรที่เป็นเรา
ทำไมถึงตั้งชื่อ stay true?
ก็อย่างที่บอกว่ามันเป็นสิ่งที่ผมเชื่อ ว่าถ้าเราเป็นตัวของเรา เราจะมีความสุขมากที่สุด ในทุกๆด้าน สมมุติว่าเราพยายามที่จะไปเป็นคนอื่น เราอาจจะทำได้อยู่แค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่วันนึงก็จะทำไม่ได้อยู่ดี แล้วดนตรีมันคือระหว่างศิลปินกับคนฟัง เราส่งอะไรออกไป เค้าก็ต้องเชื่อในเรื่องราวแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าพูดอะไรก็ได้
เราอยากสื่ออะไรให้คนฟัง?
อัลบั้ม stay true จริงๆมาจากรอยสัก มันเป็นเรื่องที่ผมเชื่อ ตั้งแต่เด็กๆ ต้องเป็นตัวเองให้ได้ ไม่งั้นจะไม่มีความสุขครับ ถามว่าสักมานานหรือยัง อันนี้ประมาณ 12 ปี stay true ย่อมาจาก stay true to yourself ก็คือเป็นตัวของเรานั่นแหละ
หลายคนมองว่าเราเป็น ป๊อก จิราธิวัฒน์ ไม่เชื่อว่าเราทำได้?
ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมมีวันนี้ เพราะไม่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป หรือว่าที่บ้านของผมเอง ก็ไม่มีใครเชื่อในตัวผมเลย กับสิ่งนี้ ถ้าให้พูดตั้งแต่สมัยเด็กเลยก็คือผมเล่นดนตรีตั้งแต่8ขวบ เหมือนเป็นฮอบปี้ของเราอย่างนึง พอเราไปอยู่ที่เมืองนอก ก็ได้ไปเห็นอีกด้านนึง ได้ไปสัมผัสวัฒนธรรมอีกอย่างนึง ได้ลิ้มรสดนตรีอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะในสมัยนั้นที่เมืองไทยก็ยังไม่ได้มี แต่พอผมถูกส่งไปเรียนที่โน่น ผมได้เห็นว่ามีแบบนี้ด้วย ฮิปฮอปมันคือกวี มันคือดนตรีร้องแร็ปบนบีท มันเหมือนคำคล้องจองของบ้านเราที่แต่งกลอนกัน มันทำให้ผมเห็นภาพอะไรมากขึ้น
คราวนี้พอทำไปเรื่อยๆในสมัยเด็ก บางคนอาจจะชวนเพื่อนไปเตะบอล หรือบางคนชวนเพื่อนไปเล่นเกมกัน แต่อันนี้คือกิจกรรมที่ผมชอบ ผมก็นั่งทำเพลงไปเรื่อยๆ จนวันนึงผมก็เลยทำให้เป็นอาชีพของผมขึ้นมา ที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะมีอาชีพนี้ หลายคนก็ทราบดีผมโตมาในครอบครัวที่ทำการค้า ทำธุรกิจ ส่งไปเรียนเมืองนอก ต้องกลับมาทำงานที่บ้าน แน่นอนก็ไม่ได้มีทางเลือกอะไร
คือตั้งใจจะทำเพลงเป็นอาชีพ?
ไม่เคยเลยครับ แค่ชอบจริงๆ
แล้วเคยคิดไหมว่าถ้าไม่ได้ทำอาชีพนี้ จะทำอาชีพอะไร?
ก็ทำงานที่บ้านแน่นอน ไม่ได้มีทางเลือกให้เลือกอยู่แล้ว ด้วยความที่ผมโตมากับครอบครัวใหญ่ เรียกว่าเป็นกงสีแล้วกัน คือทุกคนก็ต้องเข้าใจว่าเราเกิดมาในตระกูลนี้ เราโดนส่งไปเหมือนเป็น investment ของที่บ้าน ให้เราไปมีประสบการณ์ และกลับมาช่วยพวกเขา มันเป็นอะไรที่เราเกิดมา เราได้รับสารแบบนี้มาตลอด ว่าต้องเป็นแบบนี้ ผมไม่เคยคิดว่าผมเป็นแบบนี้ได้
ตอนนี้เราทำอะไรบ้าง?
ตอนนี้ผมทำแต่ของผม ก่อนที่จะได้ออกมาเต็มตัว ก็ทำอยู่ที่บริษัท 5 ปี ก็เป็นพนักงาน เข้าบริษัทเหมือนทุกคน
ตอนนั้นหน้าที่อะไร?
ตอนนั้นโดนทำทุกอย่าง ตอนนั้นผมอยู่บางกอกโพสต์ ก็อยู่ตั้งแต่สายส่ง เที่ยงคืนเข้า คอยส่งตรงหัวลำโพง อยู่โรงพิมพ์ ไปเป็นนักข่าวอาชญากรรม ผมไม่ชอบเลยต้องนั่งจ้องจอ ตรวจทุกอย่าง มันเป็นงานที่ผมปวดตามาก คนที่ทำอาชีพนี้ผมยอมจริงๆ ก็สมมุติถ้าเราทำผิด คนที่โดนด้วยก็คือเราเหมือนกัน เพราะเราคือด่านสุดท้าย ก่อนที่จะส่งพิมพ์ออกมา ก็เป็นประสบการณ์ 5ปีที่ดีมากครับ ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ครับ จริงๆตอนนั้นเค้าให้ผมเลือกว่าไปสายไหนก็ได้ ผมรู้สึกว่าอาชญากรรมน่าจะเป็นอะไรที่ห่างจากผมที่สุด และผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ผมอยากจะสนุกกับมัน คือเราไม่เคยเจอ แล้วเราก็จะชอบ ก็ชอบครับ
ตอนที่ทำข่าวอาชญากรรมเราเจอคดีอะไรบ้าง ?
เจอศพครับ ถามว่ากลัวไหมก็กลัว แต่กลางวันครับที่ผมเจอ ข่าวที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ฆ่าหั่นศพที่ตลาดสี่มุมเมือง แล้วเขาก็ไปทิ้งชิ้นส่วนตามที่ต่างๆ แล้วเราก็มานั่งตามหากัน โอเคเจอแขนแล้ว เดี๋ยวเราไปตามขา ก็น่าจะ 13-15 ปีได้แล้วครับ แต่ประสบการณ์ดีมาก แน่นอนผมไม่เคยไปเจออะไรแบบนั้น เวลาไปทีนึงผมก็จะไปเจอพี่พี่ทุกสำนักข่าว ไม่ว่าจะเป็นทีวีหรือหนังสือพิมพ์ ก็จะเจอหน้าเดิมๆทั้งนั้น พี่เค้าก็จะบอกว่าป๊อกอย่าไปยืนตรงนั้นลมมันมาทางนี้ เราต้องไปอยู่ต้นลม เพราะว่าถ้าเราไปอยู่ปลายลม ผมจะได้รับกลิ่นศพ มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับชอบ
ทำไมถึงทิ้งการปล่อยอัลบั้มนานไปถึง 10 ปี ?
คือตอนนั้นตอนที่ทำอัลบั้มแรก ผมเซ็นกับค่ายไทเทเนียม อยู่ที่นั่น 2 ปี ก็ปล่อยเอาอัลบั้มแรกออกมา คือมันเป็นสเต็ปตามนี้ คือผมชอบดนตรีตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอาชีพนี้ เพราะมันมีอาชีพนี้ขึ้นมา เราก็เหมือนว้าว อีกฝันนึงก็คือถ้าเรามีอาชีพนี้ เราเป็นศิลปินเราต้องมีอัลบั้ม มันก็เลยเหมือนเป็นฝันของศิลปินอีกทีนึง ฝันแรกคือผมไม่ได้จะเป็นศิลปิน แค่ชอบเฉยๆ เป็นศิลปินก็เหมือนว้าวไปแล้ว พอเป็นศิลปินปุ๊บ อีกฝันนึงมันก็รู้สึกว่าต้องมีอัลบั้ม ก็เลยทำอัลบั้มชุดแรกออกมา อัลบั้มชุดแรกก็แน่นอนครับว่ามันไม่ดัง ไม่มีใครรู้จัก
แต่มันก็เหมือนเป็นฝันของเรา สุดท้ายเราก็ทำขึ้นมา พอบวกกับยุคสมัยอะไรหลายอย่าง การที่ออกอัลบั้มจริงๆแล้ว ถ้าคิดในการธุรกิจมันไม่ดีสักเท่าไหร่ มันเวิร์กกว่าถ้าเรายิงซิงเกิ้ลไปเรื่อยๆ พอซิงเกิ้ลไหนดีแน่นอนว่างานมันก็เข้ามาเรื่อยๆ พอเข้ามาตรงนี้มันก็เหมือนเป็นธุรกิจ จากเมื่อก่อนที่เราไม่เคยคิดทางด้านนี้เลย พอสมาชิกเราเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันก็เริ่มเครียด มันก็เริ่มคิดว่าเราจะต้องทำเพลงยังไง ที่จะทำให้เรามีงานเลี้ยงกับวงของเราได้ เพราะอย่างน้องบางคนที่อยู่ในวงของผม เป็นคนต่างจังหวัด มาที่นี่อย่างช่วงโควิด ผมสงสารมาก เค้าบอกว่าพี่ผมกลับบ้านก่อน
ผมก็ถามว่าทำไม เค้าบอกว่าผมเช่าไม่ไหว ถึงขั้นเช่าห้องอยู่ไม่ไหว เพราะว่าตอนนั้นโควิดทุกคนโดนหมด ผมโดนแคนเซิลไป 100 กว่างาน น้องก็ไม่มีงาน แต่เราอยู่ได้ของเรา เราก็ยังทำรายการทำอะไรอยู่ ก็ยังอยู่ได้ แต่น้องเค้าไม่มี เค้าก็ต้องกลับ ผมก็เลยกลับมาคิดว่า โอเคถ้าโควิดจะหมด เราจะปล่อยอะไรต่อดี เพื่อที่จะทำให้มีงานเยอะๆให้เขา ก็เลยต้องเป็นโปรเจ็คแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาทำอัลบั้ม เพราะพูดตรงๆว่าการทำอัลบั้มคนไม่ได้สนใจขนาดนั้น
เหมือนทำสนองความต้องการ?
ใช่ครับ อย่างที่บอกประสบการณ์ทั้งหมด อย่างที่บอกผมเคยเกือบตายมา ก็มานั่งคิดว่าเราไม่ได้ทำอัลบั้มเลยจะ 10 ปีแล้ว ก็เลยทำสักหน่อยดีกว่า คือเกือบตายมันเปลี่ยนชีวิตเราเยอะ เมื่อก่อนเราอาจจะโฟกัส หรือคิด ทำอะไรในสิ่งที่เราไม่ควรจะคิดก็ได้ หรือเราเป็นห่วงกับเรื่องที่เราไม่ควรห่วง เรามองข้ามอะไรหลายอย่างที่อยู่ใกล้ตัวเรา แต่มันเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า โดยที่ไม่มีทางคิดถึงสิ่งนี้ได้เลย ถ้าไม่เกือบตายผมก็คงคิดไม่ได้ อันนี้พูดตรงๆ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจ แต่ทุกวันนี้ผมโอเค ผมกลับมารับงานเหมือนเดิมทุกอย่าง ยังปกติดี และเป็นประสบการณ์ที่สอนให้ผมได้รู้ ว่าหลังจากนี้ผมจะใช้ชีวิตยังไง ให้มีความสุขมากๆ ผมขอบคุณทุกวันที่ทำให้เกิดขึ้น เพราะว่าถ้าไม่เกิดขึ้น ผมก็คงยังไปงมกับอะไรก็ไม่รู้ แบบว่าเสียเวลาชีวิต
อยากให้เล่าเนื้อหาเพลงเหลียวหลัง ที่จะปล่อยเป็นเพลงแรกวันนี้?
เหลียวหลังเป็นเหมือนกับคอนเซปต์ของอัลบั้ม stay true ก็เป็นเพลงจิกกัดนิดหน่อย ผมเริ่มมาจากฮิปฮอปเบส แต่พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีความป๊อบ มีความร็อคอะไรหลายอย่าง มาผสมด้วยกัน ซึ่งเพลงของในประเทศไทย ที่ผมทำแล้วกัน ประมาณ 80-90% ที่ดังหน่อย แล้วคนรู้จักเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นป๊อบเบส ร้องง่าย ร้องตาม ส่วนแร็ปจ๋าๆ คนอาจจะไม่ค่อยอิน ซึ่งเพลงนี้จะเป็นแร็ปจ๋า ที่เหมือนตอกกลับไป ว่าผมมันตัวของผมเอง ทุกวันนี้ผมก็ยังอยู่
เรื่องลำดับการปล่อยเพลงคือยังไง ?
จริงๆผมไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น เพลงแรกคือสวัสดีครับ คือจริงๆจะเป็นเพลงแรก แต่ด้วยสวัสดีครับมันเป็นการทักทาย เหมือนมาถึงปุ๊บสวัสดีครับก่อน ก็เลยขึ้นเป็นเพลงแรก แต่ถ้าตามคอนเซปต์ ผมอยากปล่อยเหลียวหลังเป็นเพลงแรก มันเหมือนตบโต๊ะทีนึงดังปึ้ง! แล้วเอาไปดูกัน
จะทยอยปล่อยยังไง?
หลังจากนี้ก็จะทยอยปล่อย MV ทุกๆ 2-3 อาทิตย์ ก็ฝากติดตามกันด้วย แต่อัลบั้มนี้ต้องบอกเลยว่าครบรส ก็ฮิปฮอปเบสแน่นๆ โอสคูก็มี ป๊อบจ๋าๆก็มี วิดีโอ เรดิโอ ฟังวิทยุขับรถชิลล์ๆ ก็มี
ท่าเต้น?
อันนี้ต้องขอขอบคุณภรรยาผม เมื่อก่อนผมไม่เต้น เค้าบอกว่าทำไมยูไม่เต้น ผมก็บอกว่าฮิปฮอปเค้าไม่เต้นกัน ก็ไม่เต้นมาตลอด ก็อยู่ดีๆมาปีนึง ผมก็บอกเขาว่าคิดไปคิดมา ก็อยากเต้นเหมือนกันนะ ก็เลยเต้นเพลงแรกเพลงวิบวับ หลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่หยุดเต้นเลยครับ ก็เต้นยาว แล้วมันก็ดีเวลาผมโชว์ โชว์หนึ่งลดแคลได้ 700-800 แคล (หัวเราะ)
ใครเป็นคนออกแบบท่าเต้น ?
จริงๆแล้วคนที่ออกแบบท่าเต้นคนแรก คือทากะ เป็นรุ่นน้องของผม เป็นคนญี่ปุ่น แล้ววิธีที่ออกแบบก็คือ ผมบอกว่าพี่เต้นไม่เป็นนะ ศูนย์ เพราะฉะนั้นต้องมาเริ่มสอนคนที่ไม่เป็นก่อน ด้วยความที่เขาเป็นมืออาชีพมาก เค้าสามารถดูออกว่าคนนี้ควรมูฟเม้นแบบไหน ให้เป็นธรรมชาติของเรา เค้าก็เอามูฟเม้นนั้นมาบวกกับค่าของเขา แล้วพอตอนทำจริงๆ เค้าก็ดูแล้วบอกว่าผมขอเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ได้ไหม มันเป็นการจูนกันแบบธรรมชาติ เพราะถ้าให้ผมเต้นขนาดนั้น มันก็จะยากมากสำหรับคนที่ไม่เคยเต้น เต้นไม่เป็นมาก่อน
ให้คะแนนเต้นตัวเองยังไงบ้าง ?
ทุกวันนี้ดีขึ้นกว่าวันแรกๆมากเลย ถ้าทุกคนไปดูคลิปตาม TikTok ของผม คลิปแรกก็คือวิบวับนั่นแหละ ถ้ามันก็จะแบบงงนิดนึง
แต่ภรรยาเต้นเก่งมาก ?
จริงๆเค้าอยู่วงการนี้มาตั้งแต่เด็กก่อนผมอีก เพราะฉะนั้นเค้าคงเคยทำแบบนี้มานานมาก แล้วมูฟเม้นท์ของเค้าก็ธรรมชาติ แต่ทุกวันนี้ผมอาจจะแซงเขาไปแล้ว เพราะว่าเค้าไม่ค่อยได้เต้น
10 เพลงชอบเพลงไหนที่สุด ?
ยากมากเลย จริงๆแล้วมันแปลกนิดนึง แต่ผมว่าหลายวงน่าจะเป็นเหมือนกัน คือเพลงที่ผมชอบมากที่สุด ส่วนใหญ่ที่ได้ยินมา คนไม่ค่อยชอบกับเขา แต่เพลงที่เราไม่ชอบน้อยที่สุด แต่เป็นเพลงที่คนส่วนใหญ่ชอบ อย่างของผมที่ชัดเจน คือวิบวับ เป็นเพลงที่ผมไม่ได้ปล่อยด้วยซ้ำ ไม่ยอมจะทำด้วยซ้ำ แล้วก็เป็นเพลงที่ดังที่สุด
มันเกิดอะไรขึ้นทำไมทำแล้วไม่อยากปล่อย ?
ฟังแล้วรู้สึกเขินๆ ยังไงไม่รู้ แต่ในอัลบั้มนี้ประมาณครึ่งนึงเลย ผมพยายามเอาตัวเองออกไปจากตรงนั้นครึ่งนึง และให้คนอื่นมีอินพุตเข้ามาครึ่งนึง เหมือนคนละครึ่งทาง ยังมีสิ่งที่ผมชอบด้วย มีสิ่งที่ผมกึ๋ยๆ ด้วย เพราะว่าอะไรที่ผสมผสานกัน ผมรู้สึกว่ามันออกมาค่อนข้างที่จะกลมกล่อม บางทีผมชอบอยู่คนเดียวมากเกินไปมันก็ติสก์ไปหน่อย แต่จริงๆมีหลายเพลงเลย อย่างเพลง สวัสดีครับ ที่ฟีเจอริ่งกับ uboytj เพลงแรก เหมือนสมัยที่ผมทำกับ tj เลย ตอนที่ทำเพลง อย่าคิดมาก เป็นเพลงที่ฟังง่าย อันนี้ยังเป็นไวป์เดิมอยู่ ก็ชอบ GPS ก็ชอบเป็นไวป์อีกแบบนึงที่ไม่ค่อยได้ทำเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพลงที่ฟังง่ายๆสบายๆ ยังเป็นความรักจีบสาวอยู่
เริ่มตั้งแต่เพลงแรกที่จะปล่อย สวัสดีครับ เป็นเพลงจีบสาว เป็นเพลงรักฟังง่ายๆสบายๆสไตล์ผมกับ tj เลย ทำเพลงนี้ปุ๊บ นึกไว้เลยว่ายังไงก็ต้องเป็นเขา บวกกับไม่ได้ปล่อยโปรเจกต์มาด้วยกันสักพักแล้ว ส่งไปปุ๊บน้องบอกสมัยนั้นเลย แปปเดียวส่งกลับมาเป็นเพลงที่ลงตัวมาก อยากให้ทุกคนไปลองฟังกันดูครับ
เพลง เหลียวหลัง เป็นตัวผมชัดเจนเลยฮิปฮอปเบสจ๋าๆเลย บวกกับคอนเทนต์ค่อนข้างแข็งแกร่งหน่อย ก็ประสบการณ์ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน ผมว่าหลายคนอาจจะเคยเป็นเราไม่ชินต้องมาอยู่กับคำวิพากวิจารณ์หรืออะไรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย อยู่ดีๆมามันก็รับไม่ได้เหมือนกันที่มาพูดกับเราแรงๆเต็มไปหมดเลย เพลงนี้ผมใส่กลับเข้าไปว่า ก็นี่แหละกูยังอยู่ตรงนี้ สิ่งพวกนั้นผมเอามาเรียงให้ดูแล้วว่าผมทำมันแล้ว
เพลง Harley เรียกว่าเป็นของรักอีกอย่างนึงที่ผมรักมากในชีวิต ผมชอบรถ ชอบมอเตอร์ไซต์ เครื่องยนต์ ตั้งแต่เด็ก วิบากผมก็เล่น เล่นหมดเลน กีฬาทางน้ำก็เล่น Harley เป็นสิ่งที่ผมชอบมาก แล้วก็อินหนักเลย เพราะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผมไปกับเพื่อนๆ ขับไปทริปต่างๆ ไปภูเก็ต เชียงราย ผมรู้สึกว่าก่อนหน้านี้มีเพลงนึงที่เป็นอันเดอร์กราวด์จ๋าๆ ชื่อเพลงว่า Tattoo ซึ่งเป็นเพลงที่ผมทำเอามันส์ แล้วก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นเพลงที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ
เพราะวิวก็30กว่าล้านวิว ผมรู้สึกว่าเยอะมาก แล้วเพลงคือ Tattoo คอนเซ็ปต์มันก็ไม่แมสก์อยู่แล้ว มันเฉพาะกลุ่ม คือคนที่อินกับรอยสักจริงๆ ผมเลยมานั่งคิดว่าเราทำอะไรที่มันจากความขอบจริงๆของเรา แล้วเรากล้าเรฟพรีเซนต์100% คนเชื่อแน่นอน เพราะผมแทบจะทั้งตัวแล้ว มันสามารถพาไปในทางที่ดีได้ ผมเลยอยากทำ Harley ขึ้นมา ผมขับมาตั้งแต่เด็กเลยจริงๆ เลยทำเพลงนี้ขึ้นมา แล้วก็ได้ Jigsaw มา เป็นน้องอีกคนนึงที่ผมอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก ขับ Harley ด้วยกัน แต่อยู่คนละแก๊งมอเตอร์ไซต์ แต่แก๊งไหนก็ไม่เกี่ยว ถ้าใจเรา Harley เราก็แก๊งเดียวกันอยู่ดี
เพลง JEK ผมเป็นไทยเชื้อสายจีนครับ ผมก็อยากเอาอันนี้มาให้ทุกคนรู้กันว่า ผมก็เจ๊กเหมือนกัน แต่มันมีกิมมิค ผมเป็นคนชอบผวนคำ อย่าง เจ๊กเหลี่ยว เป็นกิมมิคขำๆ ไปลองคิดกันเอาเองดู บีสต์จีนเลย
เพลง 7สี เป็นไอเดียที่อยู่กับผมตั้งแต่ตอนแรกเลย คือดีเจบี อันนี้เขาขอเป็นพิเศษเขาอยากทำอันนี้ สมัยก่อนเขาชอบฟัง neptune สมัยก่อนเลย บีสต์จะเป็นเอกลักษณ์มาก คราวนี้เขาอยากทำบีสต์เหมือนล้อๆกับตรงนั้น เขาชอบมาก เลยอยากทำ คอนเซ็ปต์ 7 สีคือ ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม แต่ผมเป็น เวลาแต่งตัวในแต่ละวันผมใช้เวลานานมาก ไม่รู้จะเลือกชุดอะไรมาใส่ ตอนหลังจะมีโพยตารางสี ในวงจะรู้เลยว่าดูตารางสีมาหรือเปล่า 7สีก็เหมือนสีสันทั่วไป แต่เราเปรียบ 7สี กับผู้หญิงหลายแบบ หลายเชื้อชาติ แต่จริงๆมาจากตารางสีที่ผมเลือกใส่ชุดทุกวัน
เพลง GPS ทุกวันนี้เวลาผมไปไหน ผมต้องใช้ GPS เพราะผมไปไม่ถูก เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมใช้ทุกวันจริงๆ ที่ดีคือมันช่วยบอกทางด้วยว่าทางไหนเร็วกว่าตอนไหน เพราะมันต้องพึ่งอันนี้แล้ว บางทีเราไปทางที่เราเคยชิน เวลานี้มันติดมาก แต่มันมีทางอื่นที่สามารถไปถึงเร็วได้ เพราะงั้น GPS ไปสิ่งหนึ่งที่เราขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้ แต่ในเพลงนี้เราเปรียบเทียบว่าถึงแม้เราจะต้องการแค่ไหน ใช้ GPS แค่ไหน เราไม่ได้ต้องการแล้ว เพราะเราไม่ได้หลงทาง แต่เราหลงเธอ เพลงนี้โดนมาร์กี้แซวเหมือนกันว่าเพลงนี้หลงหนักเลย เป็นแนวเพลงฟังสบายๆ อีกเพลงนึง หวังว่าจะชอบกัน ทุกวันนี้เริ่มได้ยินมากขึ้นแล้ว
เพลง Tat Ter อย่างที่ทราบกันก่อนหน้านี้ผมเคยทำ Tat it up ประมาณ 8-9 ปีที่แล้ว แล้วก็เวอร์ชั่น2คือ Tattoo ที่ทำออกมาแล้วอยู่ดีๆก็แมสก์ขึ้นมาเฉย ทั้งๆที่เป็นเพลงค่อนข้างอันเดอร์กราวด์มาก พอเป็นแบบนี้ เราอยากไปเวอร์ชั่น3แล้ว มัน Tat 1 ไปแล้ว Tattoo มันพอดีด้วย มันคือรอยสัก Tat เวอร์ชั่น2 ถ้าจะ Tat3 ผมคิดว่ามันยากแล้ว ไม่รู้จะไปยังไงแล้ว มันซ้ำกันเกินไป ผมรู้สึกว่าวันนี้รอยสักมันเปิดขึ้นมาก จากสมัยก่อนที่ผมเรียนอยู่เมืองนอก ผมกลับมาผมโดนมองเหมือนไปทำครอบครัวเขา หรือผมเป็นโขมย หรือไปแกล้งลูกเขา แบบนั้นเลย ทั้งๆที่ผมพึ่งเดินมา ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ทุกวันนี้มันเปิดขึ้นมาก แล้วก็ดีใจที่วัฒนธรรมมันเปลี่ยนไป ไม่ได้มองคนที่ภายนอก เพราะว่าภายนอกแทบไม่ได้บอกอะไรเลย
ที่สำคัญจริงๆคือภายใน ภายนอกเขาอาจดูน่ากลัว จะมาตบทรัพย์หรือเปล่า แต่จริงๆเขาอาจเป็นคนช่วยคุณเวลาคุณโดนรถชน สักขนาดนี้เขาอาจเป็นหมอที่ผ่าตัดคุณ มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้นเยอะ ภายในเป็นางที่สำคัญกว่า ผมดีใจมากที่วันนี้โลกเปลี่ยนไป มีการยอมรับในสิ่งนี้มากขึ้น จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าผู้หญิงสักเยอะมาก สักโหดขึ้นมากด้วย ผมว้าวเลย แต่บางคนสักออกมาแล้วดูสวยทั้งๆที่สักเยอะมาก โอ้โห เปรี้ยวอ่ะคนนี้ มันทำให้ดูมีสเน่ห์ด้วยซ้ำ เวอร์ชั่น 3 เลยเป็น Tat สำหรับผู้หญิง เลยเป็น Tat Ter Tat ของเธอเนี่ยสวยจังเลย เป็นเพลงน่ารักๆ ผมแอบคิดว่าน่าจะเป็นเพลงที่คนไทยชื่นชอบกัน เป็นเพลงฟังง่ายเข้าใจง่าย แน่นอนเต้นมันส์ๆเลยครับ
เพลง ออกรอบ ผมเป็นคนตีกอล์ฟตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วก็หยุดไปประมาณ 20 ปี พึ่งกลับมาตีใหม่ไม่นาน แล้วผมรู้สึกว่าเป็นกิจกรรมนึงที่ทำให้ผมได้เจอกับเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันสมัยเด็ก หรือเพื่อนที่โตมาสมัยวัยรุ่น หรือเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนที่โตมาหลายแก๊ง ผมยอมรับว่าผมแทบจะไม่มีเวลาเจอกับพวกเขาเลย วันๆมีแค่งานกับครอบครัวเท่านั้น แต่กิจกรรมกอล์ฟเป็นกิจกรรมที่ผมรู้สึกว่า ผมได้ทำอย่างน้อย 6-7 ชั่วโมงกับเพื่อนแก๊งนั้นที่ไปด้วยกัน เพราะตีกอล์ฟมันนาน 18 หลุมมันนาน ด้วยยุคสมัยใหม่มันมีไนทกอล์ฟ คือไปตีกอล์ฟตอนกลางคืน รอบสุดท้ายผมไม่แน่ใจว่าทุ่มนึงหรือเท่าไหร่ ก็อยู่กันไปเลยถึง 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ตีหนึ่ง เหมือนไปเที่ยวเลยที่มันพิเศษมากขึ้นเลยคือมีเครื่องดื่มผู้ใหญ่ไปอยู่ในคอร์สพวกนั้นด้วย เราตีไปเราจิบไปชนกันไป หลายที่จะมีแคดดี้หน้าตาดีๆมาคอยดูแล กิจกรรมนั้นมันสามารถบิดได้หลายรูปแบบ ไปเที่ยวกับเพื่อนเฉยๆก็มี ตีกอล์ฟเฉยๆก็มี ไปนอกรอบก็มี แล้วแต่คน ผมไม่เคยไปแบบนั้น ผมไปตีกอล์ฟแล้วก็ดื่มกับเพื่อนนี่แหละ
แต่เพลงนี้ทำเหมือนล้อกิจกรรมนั้นที่เพื่อนชวนให้ออกไปเจอสาว ออกไปเมา กับกิจกรรมนี้ น่าจะตรงกับสถานการณ์นักกอล์ฟกลางคืน ไม่มากก็น้อยๆกับเพลงนี้ เป็นเพลงกวนๆ เพลงคอนเทนต์แซวๆมากกว่า บวกกับจังหวะบีสต์ที่ต้องโยก อัลบั้มนี้ครบทุกแนวจริงๆ แต่ขาดอันเดียวคือเพลงเศร้า ผมทำเพลงเศร้าไม่เป็นครับ ทั้งชีวิตเคยมีเพลงเศร้าเพลงเดียว เป็นเพลงที่ได้ นต getsunova มาทำให้ ผมบอกนตพี่แต่งเพลงเศร้าไม่เป็น บวกกับดนตรีเศร้า ผมไม่ชอบอยู่แล้วด้วย มันหดหู่ ของผมฟังแล้วมันต้องคึก อยากจะออกไปลัลล้ามีความสุข เวลาขึ้นรถหลายคนเป็นไหม บางทีมันมากเกินแล้วเรารถติดคนข้างๆมองอยู่ มันต้องฟิวส์นั้น คนเราต้องมีความสุขทุกวัน
เพลง 420 ไม่ใช่ใบ้หวย แต่เป็นสายเขียวครับ สมุนไพร แล้วแต่คนจะเลือกใช้ บางคนก็ดรอปใต้ลิ้น ชงกินก่อนนอน ได้ทุกรุ่นครับ ผมก็ชื่นชอบอยู่ครับ แล้วก็ได้น้อง ปอนด์ Pondering รุ่นใหม่มาช่วย เด็กๆน่าจะชอบ
เพลง Fou Yuck เป็นคำผวน ไวป์โอสคูลเลย เหมือนฮิปฮอปสมัยก่อน แต่คอนเซ็ปต์คือ Fou Yuck มันส์ๆ เพลงฮิปฮอปสมัยก่อน มันคือเพลงเพื่อชีวิตที่เถื่อน อยากพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องมานั่งกลั่นกรองภาษาให้ไพรเราะ หรือ ไม่มีคำหยาบไม่มีอะไรเลย จะพูดอะไรก็พูด เป็นภาษาที่เราพูดกันจริงๆกับเพื่อนกับใครก็ตาม มันคือความเรียลที่มีมาตั้งแต่สมัยโน้น ผมรู้สึกว่าผมโตมาแบบนั้น มันต้องมีสักเพลงที่เรานึกถึง ที่เราโตมา เลยออกมาเป็น Fou Yuck เพลงนี้
10 เพลงนี้ แต่งเองหมดเลยไหม?
ผมและทีมช่วยกันครับ อย่างที่บอกผมรับอะไรที่มาจากคนอื่นมากขึ้น บางทีเราไม่ได้รู้ไปหมดทุกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว หลายหัวมันเปิดโลกได้มากกว่า กับตัวเราเองและก็ผลงานด้วย ประสบการณ์มันก็ทำให้เห็นแล้วว่า มันโอเคนะที่จะเปิดให้คนเข้ามาอยู่กับเรา ทำทีมกับเรา แล้วก็ช่วยกันทำเป็นทีมให้มากขึ้น แต่เบสต์จริงๆต้องเป็นตัวผมอยู่ดี เพราะผมเป็นคนร้อง
เพลงที่แล้วประสบความสำเร็จมาก 10เพลงนี้คาดหวังแค่ไหน?
ผมว่าความคาดหวังมันผ่านจุดความคาดหวังผมมาแล้ว ก่อนหน้านี้มันคือฮอปบี้ที่ผมทำขึ้นมาโดยที่ไม่คิดอะไรเลย ผมรู้สึกว่าผมแต่งง่ายมาก ผมอยากทำแบบนี้ผมก็ทำแบบนี้ แล้วอยู่ดีๆวันนึงเพลงที่ผมทำขึ้นมามีคนฟังมีงานจ้าง ผมออกไปร้องแล้วมีคนร้องตามผมเป็นพันๆเป็นหมื่นคน ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ แต่ตรงนั้นมันทำให้ผมอึดอัดขึ้น เพราะมันไม่เหมือนเดิมแล้ว จากผมทำในห้องนอนผมทำอะไรก็ได้ ตอนนี้คนเริ่มคาดหวังมากขึ้น บวกกับมีน้องๆในทีมหลายๆคนที่เราอยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น อยู่กับเราก็อยากให้มีงานที่ดีขึ้น มันก็เริ่มเครียด มีจุดนึงที่ผมเริ่มไม่มีความสุขกับการเขียนเพลง มานั่งคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น มันมีเรื่องความคาดหวังอะไรต่างๆที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น
เพลงที่แล้วประสบความสำเร็จมาก เราคาดหวังอย่างไรกับ10 เพลงนี้?
มันต้องมีซักเพลงไหมพี่ ล้อเล่น(หัวเราะ) ผมว่ามันผ่านจุดความคาดหวังของผมมาแล้ว ก่อนหน้านี้มันคืองานอดิเรกที่ผมทำขึ้นมาโดยไม่คิดอะไรเลยในสมัยก่อน ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมแต่งเพลงง่ายมากเพราะผมไม่คิดอะไรเลย ผมอยากทำแบบนี้ก็ทำ อยู่ๆวันนึงเพลงของผมดันมีคนฟัง มีงานจ้างผมเอาไปร้องแล้วมีคนร้องตามเป็น พันๆ เป็นหมื่นๆคน ผมไม่คิดว่าจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ตรงนั้นมันทำให้ผมอึดอัดขึ้นเพราะมันไม่เหมือนเดิมจากที่ผมทำในห้องนอนของผมเอง ผมทำอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้มันมีเอ็กเพรสชั่นที่เยอะขึ้น มีน้องๆในทีมที่เราอยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นมันก็เริ่มเครียด พูดตรงๆมันมีจุดหนึ่งที่ผมรู้สึกไม่มีความสุขกับการเขียนเพลงแล้วมานั่งคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น มันก็จะมีเรื่องของความคาดหวังหรืออะไรต่างๆที่มันทำให้เรารู้สึก แต่พอผมมานั่งคุยกับหลายๆคนและประสบการณ์ที่ผ่านมา
ผมเลยต้องเอาความรู้สึกตรงนั้นออกแล้วไม่คิดอะไร ทำๆไปเถอะเพราะสุดท้ายอย่าลืมว่าเราเริ่มมาจากการที่เราได้ทำสิ่งที่เราชอบ ถ้าเราลืมตรงนั้น ตรงนี้จะไม่เป็นแบบนั้นแล้วเราจะไม่เหลือสิ่งนั้นในหัวใจ กลับกลายเป็นเราเหมือนเป็นเครื่องจักรอยู่ในอุตสากรรมที่ต้องทำอะไรแบบนี้เรื่อยๆ ซึ่งมันไม่น่าจะดีกับทุกส่วน ไม่มีใครน่าจะได้สิ่งดีๆไปจากตรงนี้แม้กระทั่งตัวเรา ผมรู้สึกว่ากลับมาคิดอีกทีนึง ช่างมันเราอยากทำตรงนี้ ย้อนกลับไปถึงวันแรกทำเพราะเราชอบทำ แล้วมันพาเรามาถึงจุดนี้ได้ แต่เราอย่าลืมว่าที่เรามีจุดนี้ได้เพราะคนทั้งหลายที่คอยให้การสนับสนุนกับผลงานของเรา อย่างที่บอกว่าผมเลยดึงตัวเองมา 50 และเปิดอีก 50 ที่จะรับอินพุตจากคนอื่นๆ แต่ถามถึงความคาดหวังจริงๆ ผมผ่านจุดคาดหวังไปแล้วทุกวันนี้ผมรู้สึกว่ามันมาไกลยิ่งกว่าอะไรด้วยซ้ำ จากที่บ้านไม่ยอมผม จนเค้ารู้สึกว่าถ้าเป็นขนาดนี้ก็ไม่อยากที่จะขัดขาลูกตัวเอง มันผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผมรู้สึกว่าผมมาไกลมาก
ทุกวันนี้ครอบครัวว่ายังไงบ้าง เรากลายเป็นศิลปินอีกคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว?
ตอนนี้มีแค่ห่วงเรื่องสุขภาพ เค้ารู้ว่าผมดูแลตัวเองดูแลครอบครัวได้ เพราะว่าผมทำมาเป็น 10 ปี แล้ว อย่างเดียวที่เค้าไม่อยากให้เราลืมคือเรื่องสุขภาพ เพราะว่ามันเอากลับมาไม่ได้จริงๆ ผมอยากจะแชร์กับทุกๆคนด้วยแล้วหลายๆอย่าง การขยันตั้งไจทำงานมันดีแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมรู้สึกว่าเราควรจะมีลิมิต ของเราเซ็ทโกลว์ไว้ว่าเราควรจะมีประมาณนี้ ไม่ใช่ว่าเอาหมดจนเราลืมไปว่าที่บ้านเรามีใคร มีอีกคู่ของเราไหม มีลูกมีพ่อแม่ และคนพวกนั้นเค้าต้องการเวลาจากเราแค่ไหน แล้วสิ่งเหล่านี้มันย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว
อย่างตอนนี้ลูกผมยังโตเร็วมากเลย มันเร็วมากจนผมรู้สึกว่าสุขภาพกับเวลาเป็นสิ่งที่เราซื้อกลับมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องบาลานซ์ตัวเองให้ดี ทำงานขยัน ตั้งใจมันดี แต่ต้องอย่าลืมส่วนที่เหลือให้มันเติมเต็มซึ่งกันและกันด้วย สุดท้ายแล้วถ้าเราตั้งใจทำงาน หาเงิน มีเงินเยอะแยะมากมาย แล้วพรุ่งนี้เราเป็นอะไร หรือคนที่เรารักเป็นอะไรขึ้นมา เงินพวกนั้นมันจะไปสร้างความสุขอะไรให้เราได้ แต่ละคนไม่เหมือนกันต้องถามตัวเองว่าความสุขของเราจริงๆแล้วคืออะไร ต้องบาลานซ์ความสุขนั้นกับงานและอาชีพของเรา จะเป็นอะไรที่ดีที่สุด อันนี้คือสิ่งเดียวที่บ้านของผมห่วงที่สุดคือเรื่องสุขภาพ
เพลงไหนที่ยากที่สุด?
ทั้งอัลบั้มนี้ผมคิดว่า GPS ยากที่สุด อยากให้ทุกคนลองไปฟังดู ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ใหม่ผมแทบไม่เคยทำแนวนี้มาก่อน อย่างเพลงเจ๊กเป็นแนวที่ผมทำปกติอยู่แล้ว คุ้นชินเป็นธรรมชาติของเรา มันก็จะง่ายหน่อย แต่อันนี้เป็นอะไรที่เราแทบจะไม่เคยทำ ด้วยแนวดนตรีลักษณะการร้องของเพลงนี้ด้วยต้องลองฟังดู
10 เพลงนี้ใช้ระยะเวลาในการทำนานแค่ไหน?
จริง 10 เพลงเป็นอะไรที่ใช้เวลาไม่นานมาก เป็นโปรเจคที่เร็วที่สุด ผมคิดว่าน่าจะเร็วที่สุด คือผมทำเป็นมิวสิกแคมป์ครั้งแรก ผมและทีมประมาณ 13 ถึง 15 คนมาอยู่บ้านผมอยู่กันประมาณ 4วัน แล้วเดโม่เสร็จหมดเลย ที่เหลือผมก็ไปอัดของจริง ของจริงก็เป็นเวลาประมาณวันละเพลง สองวันเพลงเฉลี่ยๆก็ใช้เวลา 6 วันรวมทั้งหมด 10 วันเสร็จ ผมคิด concept ไว้หมดแล้ว แล้วผมก็จัดทีมที่ทำตั้งแต่อัลบั้มแรกที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ และทีมงานใหม่ๆที่รู้จักแต่ยังไม่เคยร่วมงานด้วยกัน คิดไว้อยู่แล้วว่าจะมีอะไรบ้างคือผมเตรียมไว้เขียนใส่กระดานไว้ มาปุ๊บลุย มันเลยเร็ว
เอ็มวีจะมีทั้ง 10 เพลงเลยไหม?
เอ็มวีถ่ายเสร็จไปหลายตัวแล้ว แต่ยังไม่ครบทั้ง 10 เพลง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะครบ 10 เพลงหรือเปล่า อยู่ที่แรงสนับสนุนของทุกคนถ้าสนับสนุนเยอะ มาแน่นอน 10 เพลง
จริงๆถือว่าเราให้ระยะเวลากับแต่ละเพลงที่จะให้คนมาดูน้อยไปไหม?
จริงๆเรื่องพวกนี้ผมคิดว่ามันคิดได้หลายแบบมาก ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเทียบกับสมัยก่อนผมว่าการ promote เพลงอย่างน้อยซิงเกิลหนึ่งต้องมีเวลา 3 เดือน แต่ผมว่าตอนนี้มันไม่มีขีดจำกัดอะไรเลย ผมรู้สึกว่าอะไรก็ตามที่ใหม่ แล้วไม่เคยเห็นมาก่อนน่าจะดีสำหรับคนที่อยู่ในยุคนี้ ถ้าเป็นแบบว่าใช้แพลตฟอร์มเดิมๆหรือริทึมเดิมๆมันอาจจะไม่เหมาะกับสมัยนี้ บางทียุคสมัยมันเปลี่ยนไปเราก็พยายามที่จะปรับตามยายามหาอะไรใหม่ๆมาช่วยในการนำเสนอมากขึ้นก็เลยลองสูตรนี้ดู ซึ่งมันก็ตอบไม่ได้ว่าสูตรไหนดีกว่าสูตรไหน
พอรู้ว่าเราจะปล่อยอัลบั้ม 10 เพลงฟีดแบ็กของแฟนๆเป็นยังไงบ้าง?
ยังไม่ต้องไปถึงแฟนๆก็ได้เอาแค่คนในวงการ เค้าถามว่า มึงพูดจริงไหมเนี่ย ผมไม่มีความคิดที่จะทำอัลบั้มนานมาก ผมรู้สึกว่าประสบการณ์ สุขภาพร่างกายของตัวเองในหลายอย่างที่ผมผ่านมามันทำให้ผมอยากทำ แล้วก็คึกมากอัลบั้มนี้ผมรอวันนี้มานานมาก อยากให้ทุกคนฟังติดตามลองชมดูและสนับสนุนกันเยอะๆจะได้มาทั้ง 10 มิวสิควิดีโอ แล้วก็จะได้มีเพลงใหม่ต่อด้วย
แพชชั่นยังเต็มเปี่ยม?
ใช่ครับ อย่างที่บอกสุดท้ายมันกลับมาที่ความสุขของเราคืออะไร ของผมตอนที่ผมเรียนไฮสคูลมันต้องมีการเตรียมที่จะเข้ามหาลัย มันก็จะมีวีคเอ็นไปหามหาลัยนู่นนี่ เพื่อนำข้อมูลต่างๆมานำเสนอต่อครอบครัวของเรา แล้วสุดท้ายก็แอปพลายด์ทำไปตามกระบวนการของเขา ผมได้โจทย์มาว่าเลือกเาียนคอะไรก็ได้ ซึ่งอันนั้นผมงง เพราะว่าส่งผมมาเรียนไกลถึงต่างประเทศก็ต้องให้ผมกลับมาทำธุรกิจที่บ้าน แต่อยู่ดีๆมาบอกว่าให้เรียนอะไรก็ได้ เลยดีใจมาก ก็เลยไปเอาใบสมัครของโรงเรียนดนตรีท็อปสามของโลก
บอกพ่อและครอบครัวว่าผมจะเอาอันนี้ผมเลือกได้แล้ว พอผมเอาไปให้กับที่บ้านทุกคนเงียบหมดเลย สรุปก็คือไม่ได้เรียน เค้าบอกว่าเรียนไรก็ได้แต่ว่าไม่ใช่ดนตรี อยากจะเรียนบัญชี ไฟแนนซ์ ธุรกิจ กฎหมายหรืออะไรก็ได้ที่มันสามารถใช้กับงานจริงๆ ความคิดของพ่อผมเป็นแบบนั้น ณ ตอนนั้น คืออะไรที่ไม่ใช่ดนตรี ถ้าเรียนดนตรีแล้วจะกลับมาทำอะไรที่นี่ ถ้าเกิดว่ามันไปไม่ได้ป๊อกจะทำงานลำบาก
แต่มันเป็นคำตอบที่ผมไม่ถามกลับเลยเพราะเข้าใจดี แต่คุณพ่อก็ไม่เคยปิดกั้นสุดท้ายผมก็ทำงานเพลงเป็นฮ้อปบี้ของผมมาตลอดและอะไรที่ผมสามารถเลือกเป็นวิชาที่สามารถเลือกเรียนได้ ผมก็จะเรียนดนตรีหมดเลย ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ข้อบังคับที่ผมเรียน คือผมเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ขอบคุณที่ผมไม่ได้เข้าโรงเรียนดนตรีจริงๆ เพราะถ้าผมเข้าโรงเรียนดนตรีจริงๆผมอาจจะไม่ได้เป็นผมวันนี้ก็ได้ ผมอาจจะทฤษฎีจ๋า ต้องอย่างนี้อย่างนั้น มันก็คิดได้หลายแบบ คิดไปคิดมาก็ขอบคุณ วันนี้แฮปปี้มากขอบคุณทุกอย่างที่นำพาผมมาถึงวันนี้
ทุกอย่างเสร็จหมดเหลือแค่ปล่อยผลงานออกมาตอนนี้เรารู้สึกยังไง?
ผมตื่นเต้น ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่ไม่ว่าผมจะปล่อยผลงานอะไร ผมก็จะรู้สึกตื่นเต้นตลอด อยากจะรู้ว่าคนคิดยังไง ชอบไหม ไม่ชอบเพราะอะไร มีอะไรที่เราต้องเอาไปปรับบ้าง มีอะไรที่เราต้องระวังแต่ก่อนพูดตรงๆเพลงฮิปฮอปมันคือเพื่อชีวิตจริงๆ จะพูดอะไรก็ได้พูดหมด ซึ่งสมัยก่อนมันอยู่ที่ประสบการณ์ที่ออาึมาใส่ในเพลง ฟังแล้วรู้สึกว่ามันโหมันกล้าพูดเนาะ
นั่นคือเสน่ห์ของเค้าประสบการณ์ของผมมันก็จะมีคนที่ไม่ได้ฟังเพลงแนวนี้แล้วก็ด่าต่างๆนานา ด่าใส่ผม ใส่คนรอบข้างว่าทำไมผมทำอะไรที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับแบบนี้ เค้ารับไม่ได้ ก็ทำให้ผมเปิดโลกมากขึ้น เราก็จะต้องถอนผ่อนบ้างไม่ใช่ว่าเป็นตัวเองสูง แล้วก็ระวังตัวเองภาษาของตัวเองมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำแบบเดิมเลย เพราะคนที่ฟังผมเขาก็ยังฟังผมมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วคนกลุ่มนั้นเค้าก็เป็นผู้ฟังหลักจริงๆของผม แต่แค่พอเพลงมันแมสก็จะมีคนกลุ่มอื่น เปิดทางเข้ามาฟังเราเช่นเดียวกัน เราก็ต้องหาวิธีบาลานซ์มันหน่อย แล้วก็ต้องระวังตามแพลตฟอร์มต่างๆ บางคนเค้าก็ไม่ทำ
สมมติอายุ 18 ขึ้นไปถึงจะฟังได้ แต่บางทีเด็กหรือลูกที่บ้านไปใช้แอคเคาท์พ่อแม่มาฟัง อันนี้มันก็อยู่ในดุลยพินิจและการจัดแจงของแต่ละบ้าน มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผม เพราะผมมีหน้าที่นำเสนอไปในแผ่นฟอร์ม โอเคคุณต้องอายุ 18 ถึงจะฟังได้ แต่ถ้าเพลงที่ไม่ถึง 18 ก็สามารถฟังได้ทุกเพศทุกวัยซึ่งอาจจะต้องช่วยเหลือกันนิดนึง ให้ผมทำแนวใสๆทุกเพลงมันก็ไม่ใช่เหมือนกัน
ฝันต่อไปของป๊อกในฐานะศิลปินคืออะไร?
ผมไม่เคยบอกใครเลย ฝันสุดท้ายของผมคือผมอยากเอาผลงานของผมไปนอกประเทศ ตั้งแต่ที่ผมทำในห้องนอน เมื่อก่อนคนที่ดูผมร้องเพลงคนเดียวคือพี่เลี้ยงของผม ตั้งแต่เอาไม้เทนนิสมาเป็นกีตาร์เล่นอยู่บนเตียงนั่นคือเวทีของเรา ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ แต่ถ้าวันนี้มันมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็อยากไปให้สุดอยากเอาเพลงของเราไปนอกประเทศ
เห็นเอ็มวีเพลงได้ไปโชว์ที่นิวยอร์กด้วย?
ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ผมมีโปรเจคที่ผมไปปล่อยเพลงแรกเป็นเพลงภาษาอังกฤษทำกับ Souljaboy ชื่อเพลงJINGJING เป็นเพลงเก่าไทยที่เราเอามาทำเป็นแซมเปิลที่ฮิปฮอปชอบทำกันในสมัยก่อนเอาเพลงเก่ามาทำเป็นบีทใหม่ผมก็เอา เพลง ยมบาลเจ้าขา บุปผา มันเป็นเพลงที่มีเนื้อหาว่ายมบาลเจ้าขาทำไมคนชั่วช้าถึงไม่ตายแต่ทำไมคนดีๆถึงต้องตายเป็นเพลงสมัยเก่า ผมก็ไปซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วไปให้โปรดิวเซอร์ที่LAเป็นฝรั่งทำเพลงนี้ขึ้นมา ก็ทำออกมาปุ๊บผมก็เลยรู้สึกโดน เขาก็นำเสนอมาว่าอยากเอาSouljaboyไหมผมก็ตกใจเพราะฟัง Souljaboy มาตั้งแต่เด็ก เค้าบอกว่าเค้าลิงค์อัพได้ส่งไปให้ทางโน้น ทางโน้นก็เอา ก็เลยได้ทำด้วยกันเลยเป็นเพลงแรกที่ผมได้ให้ต่างชาติได้เห็นบวกกับเป็นเพลงที่ผมไม่ได้ร้องภาษาไทย เลยเป็นภาษาอังกฤษหมด อันนั้นก็เป็นเหมือนการไปลองเชิงดู
ซึ่งก็ได้รับฟีดแบคที่ดี อย่างที่บอกว่าผมได้ไปขึ้นบีอีทีซึ่งปกติไทม์สแควร์ทุกวันนี้มันก็มีหลากหลายจอมากมาย แต่นี่มันคือจอบีอีที ก็คือแบล็คเอ็นเทอร์เทนเมนท์ คือรูทของฮิปฮอปจริงๆ แล้วถ้าเกิดคุณไม่ได้เป็นคนผิวสี คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นจ นี้ด้วยซ้ำ แต่ผมกินบุญของ Souljaboy เค้าเลยพาผมขึ้นตรงนั้นไปด้วยก็เลยเป็นอีกฝันหนึ่งที่ผมได้ขึ้นจอบีอีซีที่ไทม์สแควร์ ก็เหมือนเป็นการชิมลางไป แล้วก็ได้ไปเป็นเพลสทัวร์ที่วิทยุฮิปฮอปต่างๆผมว้าวมาก แล้วผมก็ได้ไปอยู่ในดงของคนผิวสี ผมเป็นเอเชียคนเดียว ซึ่งผมเซอร์ไพรซ์กับพวกเขามากผมไม่คิดเลยว่าผมจะได้รับการตอบรับที่ดีขนาดนั้นจากพวกเขา เพราะผมโตมาที่นู่นผมก็รู้ว่าคนเป็นประมาณไหน ผมกลับรู้สึกดีมากๆ
ต่อจากนี้ก็จะมีการร่วมงานกับศิลปินต่างชาติเพิ่มมากขึ้นด้วยใช่ไหม ?
อันนี้ต้องรอดูเราต้องโฟกัสอันนี้ก่อน
ฝากอะไรถึงแฟนแฟนหน่อย?
ก็อยากจะฝากอัลบั้ม stay true อัลบั้มที่สองในชีวิตของผมมีทั้งหมด 10 เพลงอยากจะบอกว่าเป็นผลงานที่ผมตั้งใจทำมากๆแล้วก็เป็นการสื่อบอกตัวตนจริงๆกับคาเรียที่ผมมีชีวิต ที่ผมมีในทุกวันนี้ได้ อยู่ในเพลงทั้งหมด 10 เพลงนี้ แล้วก็เป็น 10 เพลงที่มีหลากหลายไวบ์มากๆหวังว่าทุกๆคนจะชอบไม่มากก็น้อย มันจะต้องมีสักเพลงสองเพลงที่คุณรู้สึกชอบแน่ๆ มิวสิควิดีโอตัวแรกปล่อยวันนี้ 7 มีนาคม
สามารถรับชมได้ทาง YouTube ป๊อกมายด์เซ็ท โทรหาฟังได้ทุก Streaming แพลตฟอร์มเสิช pokmindset stay true ก็จะขึ้นมาเลยฝากติดตามด้วย หลังจากนี้ก็จะมี มิคสิควิดิโอตามมาเรื่อยๆถ้าชอบเพลงไหนคอมเมนต์มาเยอะๆ แชร์เยอะๆ เดี๋ยวมิวสิควิดีโอตามมาแน่นอน ฝากด้วยครับ สุดท้ายเรามีลิมิเต็ดบล็อกเซ็ทมาด้วยแค่ 100 ชุดเท่านั้น ให้กับแฟนตัวจริง แฟนพันธุ์แท้ที่อยากจะมีเก็บไว้ อาทิตย์หน้าจะปล่อยรายละเอียดมีรูปและมีการโปรโมทต่างๆมา ไม่ผิดหวังแน่นอนผมบอกเลยว่าผมไม่ได้มาทำกำไรกับสิ่งของที่ผมขาย ทุนมาเท่าไหร่ไม่ให้ขาดทุนแค่นั้นอยากให้ทุกๆคนได้ตรงนี้ไป