เรื่องเล่าของ "มาริโอ้" กับครั้งแรกในชีวิตที่เจอ "หม่อมน้อย"
เป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการบันเทิงไทยกับการเสียชีวิตของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือ หม่อมน้อย วัย 68 ปี หลังป่วยด้วโรคมะเร็งปอดและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือน
ด้านคนบันเทิงต่างพร้อมใจกันโพสต์ไว้อาลัย หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือ หม่อมน้อย หนึ่งในนั้นก็คือ พระเอกหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ ที่ร่วมแสดงใน "Six Characters มายาพิศวง" ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของหม่อมน้อย ที่เพิ่งเข้าฉายเมื่อวันที่ 15 กันยายน 65 ที่ผ่านมา โดย มาริโอ้ โพสต์ภาพตอนเข้าเยี่ยมหม่อมน้อยช่วงที่กำลังป่วยพร้อมข้อความภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยได้ว่า “หากชาติหน้ามีจริง ขอให้พระเจ้าให้ผมได้เป็นหนึ่งในนักเรียนของหม่อมอีกครั้ง อาจารย์ของผม ผมรักหม่อมและผมจะคิดถึงหม่อมมาก ขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่ง”
โดยไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ มาริโอ้ เคยให้สัมภาษณ์ หนุ่ม กรรชัย เกี่ยวกับหม่อมน้อย ในรายการโหนกระแส ที่หนุ่มถามโอ้ถึงเรื่องราวในอดีต ที่เมื่อก่อนโอ้เรียกหม่อมว่าลุง? ซึ่งมาริโอ้ ตอบว่า “ตอนเด็กครับ ผมเจอหม่อมครั้งแรกก็บอกว่าสวัสดีครับลุง หม่อมไม่ค่อยคุยกับผมเลย โกรธจนทุกวันนี้ ก็มีผู้จัดการบอกว่า นั่นเป็นอาจารย์ไอดอลเธออนันดา ผมก็ถามเขาว่าต้องเรียกว่าอะไร ผมเรียกเขาลุงไป เขาก็บอกว่าเธอต้องเรียกเขาหม่อม หลังจากนั้นผมเรียกหม่อมน้อย หม่อมก็โกรธ บอกว่าเธอเรียกฉันว่าลุง ฉันจำได้ครั้งแรก” ก็ถือเป็นเรื่องน่ารักปนขำขันระหว่างมาริโอ้กับหม่อมน้อย ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
ซึ่งจริงๆ แล้ว มาริโอ้ ก็ได้วิชาการแสดงมาจากหม่อมน้อยเยอะมาก ล่าสุด มาริโอ้ เมาเร่อ ยังทุ่มสุดตัว กับบทผู้กำกับซ้อมเป็นเวลานานนับปี เพื่อรับบทใน "Six Characters มายาพิศวง" ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิตของหม่อมน้อย
ที่ มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทเป็น "คำรณ สิงหะ" สุดยอดผู้กำกับภาพยนตร์ของเมืองไทย อดีตดาราภาพยนตร์ยอดนิยมฝ่ายชาย เจ้าอารมณ์ แต่มากฝีมือ ซึ่งต้องมาพบกับสถานการณ์ที่ไม่เคยมีผู้กำกับผู้ใดเผชิญหน้ามาก่อนในชีวิต ชะตากรรมนำชีวิตเขาไปสู่ "การเผชิญหน้า" กับ "ตัวละครปริศนา" ทั้ง 6 ตัวละคร ซึ่งสร้างปัญหาและความปั่นป่วนในกองถ่ายภาพยนตร์ของเขาอย่างที่ไม่มีผู้ใดที่จะคาดการณ์ได้ และจบลงด้วยหายนะและความตาย
"โอ้ได้ร่วมงานกับหม่อมน้อยมาปีนี้ก็ปีที่เจ็ดแล้วครับ ซึ่งถ้าในแง่ของการทำงาน โอ้มองว่าสำหรับเรื่องนี้มันจะมีการซ้อมที่หนักมาก ๆ นะครับ เราซ้อมกันมาเกือบ 1 ปีเพื่อพยายามเข้าถึงคาแร็กเตอร์กันตลอด เพราะว่าเรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ที่มีมากว่าร้อยปีแล้วนะครับ
แล้วนี่ไม่ใช่หนังที่มีตัวละครเอกเพียงตัวเดียว แต่ทุกคนคือตัวละครเอกและมีเรื่องราวของตัวเอง เพราะฉะนั้นการแสดงของทุกคนที่ต้องรับส่งกันอย่างเข้าขาเหมือนเป็นทีมฟุตบอลที่ดีเลยครับ
และเจตจำนงสำคัญที่ผมได้เห็นจากเรื่องนี้ก็คือ เมื่อตัวละครถือกำเนิดขึ้นมา มันจะเป็นอิสระแม้กระทั่งจากนักประพันธ์ของมันทันที จนใคร ๆ ก็อาจนึกภาพให้มันอยู่ในสถานการณ์อื่นที่ตัวนักประพันธ์เองไม่ได้คิดจะให้มันอยู่ และบางครั้งมันยังมีความหมายที่นักประพันธ์ไม่เคยคิดฝันที่จะให้มันมีด้วย และผมหวังว่าอะไรเหล่านี้มันจะทำให้คนดูได้ครุ่นคิดถึงตัวหนัง ทั้งในส่วนที่ตลก น่ากลัว และเศร้า และทำให้คนดูมานั่งล้อมวงพูดคุยแชร์เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับหนังหลังจากรับชมได้ครับ"