เจาะใจ "จ๋า อลิสา" หลังโรงละครเปิดอีกครั้ง และโค้งสุดท้าย Miss Tiffany 2022
กองประกวดมิสทิฟฟานี่ Miss Tiffany 2022 The Original จัดการประกวดรอบความสามารถพิเศษยิ่งใหญ่ “Tiffany’s The Stars Are Born” พร้อมเปิดตัวการแสดงสุดอลังการที่รังสรรค์ขึ้นใหม่โดยโรงละครทิฟฟานี่ โชว์ พัทยา ทำให้มีโอกาสได้พูดคุยกับ "จ๋า อลิสา" แห่งทิฟฟานี่ แบบจัดเต็ม
หลังจากผ่านมรสุมโควิด ทำให้โรงละคร และการแสดงโชว์ต้องยุติมาเกือบสองปี ล่าสุด "จ๋า อลิสา" นักธุรกิจสาวคนเก่ง เจ้าของทิฟฟานี่ พัทยา ภรรยาของ พิธีกรคนเก่ง "อั๋น ภูวนาท" ผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนความเท่าเทียมของคนข้ามเพศมาตลอด กลับมาสู้อีกครั้ง ทั้งการกลับมาแสดงโชว์ และเรื่องราวของเวที ในฐานะแม่ของทุกคน ที่บอกเลยว่า ปัจจุบันไม่ใช่แค่การผลักดันความหลากหลายทางเพศให้เท่าเทียมแล้ว แต่มันคือ การที่เรา หรือตัวเธอเอง ต้องช่วยกัน ให้ทุกคนได้รับ สิทธิ และการเข้าถึงสวัสดีการที่ดีของสังคมได้อย่างมีเสรีภาพ และทั่วถึง
หลังจาก ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา ได้กลับมาเปิดการแสดงให้ นักท่องเที่ยว ได้เข้าชมแล้วทุกวัน มีการลงทุนเพิ่มเติมด้าน แสง สี เสียง เทคโนโลยี ตระการตา คอสตูมที่อลังการงานสร้าง การพัฒนาโชว์ที่น่าทึ่งพร้อมด้วยนักแสดงกว่าร้อยชีวิตที่ซุ่มซ้อมมาเป็นเวลาหลายเดือน
เรียกได้ว่าทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ของการแสดง โชว์ คาบาร์เร่ต์ ระดับโลกได้วยโชว์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสุดคลาสสิกอันเป็นที่รัก อาทิ It’s raining Men! หรือ โชว์มหาราชาสุดอลังการ พร้อมด้วยโชว์ใหม่ ตอบโจทย์โดนใจภารตะสาวคังคุไบสุดแซ่บ พร้อมเทคนิคตระการตา อัดแน่นในเวลากว่า 2 ชั่วโมงที่จะพาผู้ชมหายคิดถึงไปกับคาบาเร่ต์โชว์ที่รักของคนไทยให้หายคิดถึงอย่างแน่นอน ทำให้ ผู้สื่อข่าวคมชัดลึกบันเทิง อย่าง ภาคย์ คมชัดลึก มีโอกาสได้พูดคุยกับ จ๋า อลิสา แห่งทิฟฟานี่ หลังจบงาน
ถ้าถามถึงความรู้สึก ของ จ๋า อลิสา หลังโรงละครกลับมา และจัดประกวดได้อีกครั้ง เธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า Miss Tiffany 2022 มีเด็กๆ ที่เข้าประกวดในสายตาผู้ใหญ่อย่างเธอ จากที่เห็นความตั้งใจและพยายามของทุกคน เธอถือว่าทุกคนมีศักยภาพเป็นอย่างมาก เพราะรู้จักผู้เข้าประกวดทุกคนตั้งแต่ก้าวเข้ามาถึงเวที
"จ๋าชอบความกล้า จริงๆ เราต้องการความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล ใครทำได้ดีก็จะเก็ตว่ามีดี เด่นเรื่องอะไร อย่างโชว์ที่ประกวดจบไป ก็มีความแตกต่างค่อนข้างสูง รู้สึกว่า เด็กรุ่นใหม่เข้าใจ ว่าต้องแสดงออกในด้านที่ถนัด และด้านที่เราเป็นตัวเรา ดีมาก เอาจริงๆ" และ "มาตราฐานเขาสูงเองนะ ไม่ใช่เรา เด็กไม่ค่อยบ่น เขารู้ว่าความฝันเขาคืออะไร ก็พยายามกันมากๆเลยค่ะ"
จ๋าเล่าว่า ดีใจ ที่ตนเองเป็นแค่คนที่พัฒนาคน และการประกวดครั้งนี้ ไม่ใช่แค่สวย แต่อยากให้หลายคนต่อยอดตัวเอง และทำให้สังคมได้ ทำให้มีวิธีคิดที่เจริญและพัฒนาขึ้น
ส่วนหลายคนที่ยกให้เธอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความเท่าเทียมต่างๆ ของทุกๆเพศในปัจจุบันมาตลอด จ๋า รู้สึกว่า "จ๋าคิดว่า ความเท่าเทียมทางเพศค่อนข้างดีขึ้น แต่ความเท่าเทียมในเรื่องของมนุษย์ ยังไม่ได้เท่าเทียมในทุกเพศ อย่างการเข้าถึงสิ่งต่างๆ ที่ควรจะเป็นบริการของรัฐ ก็ไม่ค่อยเท่าเทียม ความเท่าเทียม จะดีเรื่อง จะไม่ดีอีกเรื่อง สิ่งที่น่าเป็นห่วงง คือคนไทยเข้าถึงในเรื่องการศึกษา การแพทย์ ความปลอดภัย ไม่ค่อยเท่าเทียม ถ้ามีเงิน ก็คงจะรู้สึกว่าเข้าถึงได้ง่าย แต่ถ้ามองจริงๆ จากโควิดที่ผ่านมา เราทำเรื่องความเท่าเทียมทางเพสไม่พอ รู้สึกว่าเรื่องอื่นๆไม่เท่าเทียม มันก็ทำเรากังวลใจมากๆ เราก็เลยอยากสร้างเด็กให้มีคุณค่าขึ้นจากเวทีประกวด ไม่ใช่ต้องจ่ายเงินแพง เราต้องมองถึงคุณภาพของคน"
งานนี้บอกด้วยว่า หลายอย่างที่พบเจอ ทำให้ส่วนตัวมีความเห็นว่า "มันไม่ใช่แค่ความเท่าเทียมทางเพศแล้วนะ จ๋าว่าสังคมไทยคือดีที่สุดในโลก เอาเรื่องสังคมนะ ยังไม่ต้องพูดถึงกฎหมาย ถ้าสังคมไทยดีที่สุดในโลก เราจำเป็นที่จะต้องทำให้ทุกอย่างมันตามมา ถ้าทุกคนเห็นว่าสังคมเป็นประเทศบริการและอยากมาประเทศไทย เป็นสิ่งที่ดี แต่ในที่สุด เราก็ต้องทำให้กฎหมายมันเท่าเทียมจริงๆ"
จ๋ามองว่าเป็นเรื่องทัศนคติของบุคคล คนในยุคก่อนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าความหลากหลายทางเพศในปัจจุบันคือเรื่องทันสมัยมากๆ จะกลัวว่าจะกระทบกับชีวิต เขามองแค่ตัวเอง เขาไม่ได้มองสังคมส่วนใหญ่ ต้องเสียสละวิธีการคิด ว่าสังคมนี้มันอยู่ได้อย่างมีความสุขนะ ต้องสอนให้คนทุกคนช่วยเสียสละมากกว่า ไม่ใช่ไม่อยากเปลี่ยนคำนำหน้านาม ก็กลัวจะมาหลอกผู้ชายของฉัน ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่เกี่ยวกัน แต่พี่เคยได้ยินในสภา พี่มองว่าเรื่องเหล่านี้ควรที่จะต้องปรับทัศนคติ แต่คนละยุค ค่อนข้างยาก เหนื่อยหน่อย"
ซึ่งสำหรับเวที Miss Tiffany ยอมรับว่าเป็นเวทีแห่งโอกาส และความเท่าเทียมมาตลอด จ๋าบอกว่าถ้ายังมีเวทีของเธอ ก็จะมีพื้นที่ให้หลายๆคนได้แสดงความเป็นตัวตน และความสามารถ เป็นเวทีที่สุดๆ มีหลากหลายอาชีพ ที่รู้สึกว่า ทุกคนมีประโยชน์ ในการทำให้สังคมนี้ดีขึ้น พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้อยู่ที่เพศ หรือความหลากหลายทางเพศ
"ถ้าสมมุติวันนึงมีความเท่าเทียมจริงๆ เราคงไม่ต้องมานั่งทำเวทีนี้ เพราะความงามอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เราจะมาคุยกัน เพราะความพัฒนาแล้วจะมาถึงเรื่องไม่ได้มองพื้นฐานความสวยสำคัญ แต่วันนี้ประเทศเรายังไม่พัฒนา เลยจำเป็นต้องเอาเรื่องความสวยงามมาชู" และ "ใช่ค่ะ ประเทศไทยยังยึดติดกับความเชื่อว่า สวย ในแบบนี้ ต้องเป็นแบบพื้นฐานที่ผ่านประสบการณ์มา แต่ความเจริญเรื่องนี้ ก็ค่อนข้างดีขึ้น เพราะคนที่ติดตามก็ศึกษา เป็นแรงผลักดันให้คนจัดการประกวดแบบนี้ ต้องวิ่งตามคนดู ว่าคนดีคิดว่าอะไร ตั้งหลายเวที ที่ฟังคนดู รวมถึงเรา บางทีเราก็รู้สึกว่าคนดูไม่มองความพยายามของเด็ก ในเรื่องวิธีการคิด เราต้องการให้ผู้เข้าประกวดทุกคนมีความภูมิใจในตนเอง นี่คือเรื่องแรก ทำความรู้จักตัวตนตัวเอง ว่าต้องเก่ง และ ทำได้ทุกอย่าง คือสิ่งที่จ๋าภูมิใจในเด็กๆทุกคน แต่ในเรื่องของโซเชียลบลูลี่ ก็มีความรู้สึกว่า คนที่บลูลี่ผ่านโซเชียล กล้าเหมือนคนที่มาตรงนี้ไหม เธอกล้าแสดงออกแบบนี้ไหม ถ้าคิดดีกว่านี้ ก็ต้องกล้าออกมาเป็นคนสร้างสังคมด้วย เพราะฉะนั้นจ๋ามีความรู้สึกว่า เราต้องตัดความไร้สาระออกไปจากในชีวิตของการดูนางงาม เอาสาระมาคุยและให้กำลังใจกัน"
ซึ่ง Miss Tiffany 2022 หรือในทุกๆปี ให้มงกุฎกับใคร มันยังไม่ใช่ทุกอย่าง และเธอเองไม่ได้มองว่าได้มงฯแล้วจบ กระแสต่างๆ ก็มองถึงการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลต่างๆ มันไม่ได้บั่นทอนนะ มันน่าลำคาน ก็แบบได้แค่นี้หรอ อะไรแบบนี้ ลองมาตรงนี้ก่อน มากล้าแบบเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินผู้เข้าประกวด เพราะฉะนั้นสังคมวันนี้เราต้องให้กำลังใจกัน เราเจอโควิดมาทุกคน เรายังไม่รู้อีกหรอว่า เวลาพระเจ้าลงโทษ ลงโทษทุกคน"
"จ๋าทำทุกอย่างให้ทุกคนมีโอกาส แต่คนต้องมีความพยายามที่จะเกินต่อจากมงกุฎที่ให้ อันนี้คือสิ่งที่สำคัญ ที่มองเห็นมากที่สุด จ๋ามองว่า กรรมการน่าจะมองว่าใครมีความเด่นเฉพาะตัว เพราะจ๋าเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือก ซึ่งกรรมการก็ดูทุกกิจกรรม ก็ให้เป็นหน้าที่ของเขาไป ไม่ห่วงว่าใครจะว่ายังไง เราทำดีที่สุดแล้ว"
สุดท้าย ในวันนี้ใกล้รอบตัดสินเข้าไปทุกทีแล้ว จ๋าอยากบอกว่า "ถ้าสมมุติถ้าอยากให้ประเทศเราดี เราต้องมีตัวอย่างที่ดี และเราก็จะต้องเชียร์ ให้กำลังใจ และเป็นคนที่ดีก่อน และเราก็จะพูดถึงคนอื่นในทางที่ดี เพราะฉะนั้นจ๋ารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำให้ทุกคนที่กำลังแข่งขัน ให้เราได้ดูให้เราได้ชม มีความสุข Tiffany เป็น Fun Factor เราทำทุกอย่างเป็นเรื่องบันเทิงที่อยู่ในกรอบ เราก็อยากให้ทุกคนเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการว่าเราต้องเป็นจุดในการเปลี่ยนก่อน ก่อนจะให้คนอื่นเปลี่ยน" จ๋ากล่าว