โควิดเป็นเหตุ "หน่อย บุษกร" น้ำตาจะไหล ลูกผัวไม่สนใจ ตอนแก่จะไปบ้านพักคนชรา
โควิดเป็นเหตุ "หน่อย บุษกร" น้ำตาจะไหล ลูกผัวไม่สนใจ แถมตอนกักตัว "เคน ธีรเดช" เขวี้ยงขวดหน้าเข้าที่หน้า ทำเอาคิดไปไกลถึงตอนแก่ คงต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา พร้อมตอบจะเป็นแม่ผัวที่โหดไหม หากอนาคตลูกชายจะมีแฟน
กลับมาเล่นละครในรอบ 2 ปี สำหรับนางเอกสาวในตำนาน "หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์" ที่ล่าสุดเจ้าตัวรับบทเป็น แม่ผัวจอมวีน ในละคร สะใภ้สายสตรอง ละครแนวคอมเมดี้โรแมนติก ช่อง 3 จนหลายคนสงสัยว่า ในเรื่องวีนขนาดนี้แล้ว ถ้าชีวิตจริงลูกชายมีแฟน แล้วแม่ผัว อย่าง หน่อย บุษกร จะเป็นยังไง จะวีนแตก ฤทธิ์เยอะแบบในละครไหม
โดย "หน่อย บุษกร" เปิดใจกับ "คมชัดลึก" ขณะโปรโมทละคร สะใภ้สายสตรอง ที่ช่อง 3 ว่า "ลูกตอนนี้ 14 ลูกก็คงยังไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น ลูก 14 ก็ยังไม่มีแฟน เขายังไม่มีอะไรแบบนั้น เคยคิดเหมือนกันเราจะเป็นแบบไหน ถ้าเผื่อลูกเราบอกว่าจะมีแฟน เขาเคยเดินมาบอกนะ เหมือนแบบมีผู้หญิงมาบอกชอบเขา แล้วเขาก็คิดว่าเขาก็น่าจะชอบ อันนั้นใจหายนะ มีความรู้สึกว่า ฮะลูกเราถึงวันนั้นแล้วเหรอ เขาจะมีแฟนเหรอ แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่หว่า ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็น เขาก็บอกไม่คุยกันละเลิกกันละ คนโตๆ แต่เขาไม่เคยไปไหนอะ เขาชอบอยู่บ้าน แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าแฟนหรอกลูก
มีแอบคิดเตรียมใจไว้ก่อนนิดนึงไหม ก็ต้องเตรียมใจลูกเราผู้ชายนะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิงวันนึงเขาก็ต้องมีครอบครัว มีแฟน มีอะไรของเขา ก็ทำใจว่าเราคงต้องอยู่คนเดียว เพราะลูกผู้ชายทั้งคู่ด้วย (พอพูดเรื่องนี้ดูเศร้าลงมาเลย ?) ดราม่าเลยใช่มะ พูดแล้วน้ำตาจะไหล มองเห็นอนาคตตัวเอง ตายแล้วฉันจะอยู่บ้านพักคนชราไหมเนี่ย
ไม่ได้บอกว่าหวง โถ่ อนาคตแม่จะยังไงเนี่ย เด็กผู้ชายสองคนก็พูดเปรยๆ นางก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ไม่รู้เรื่อง แต่ยังบอกฝากความหวังไว้กับเพื่อนๆ ว่า เฮ้ย ยังไงเราต้องเกาะกลุ่มกันไว้นะ ลูกฉันก็ผู้ชายลูกแกก็ผู้ชาย คือเด็กผู้ชายเราจะไปหวังให้เขามาแบบไอ้นี่เราไม่ได้เนอะ เราต้องดูแลตัวเอง เตรียมของเราไว้ ตอนนี้เขามีคอนโดหมู่บ้านเราไปซื้ออยู่ด้วยกันไหม เราต้องศึกษานิดนึงนะ เราต้องเตรียมวางแผน ต้องคิดเผื่ออนาคตนิดนึง บางแผนไว้เบาๆ ไม่ได้จริงจัง มาดูตอนนี้แล้วแบบเวลาเราไม่สบาย ไม่เห็นมีใครสนใจฉันเลย วันที่พี่เป็นโควิดอันนั้นมันทำให้พี่รู้สึกว่า สุดท้ายกูต้องไปอยู่บ้านพักคนชราแน่เลย คือไม่มีใครสนใจเราเลยจริงๆ นะ เฮ้ย พี่ต้องโทรไปอยู่โรงพยาบาลดีกว่า ให้พยาบาลส่งข้าวส่งน้ำก็ยังดี
(เพราะลูกกลัวติดหรือเปล่า เลยไม่กล้าเข้าใกล้ ?) ก็ใช่แหละ แต่ว่าในจุดนั้นเราก็เหมือนแบบ ทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีใคร ทำไมเราเป็นที่รังเกลียดขนาดนั้น ตอนนั้นสถานการณ์คือพี่เคนก็ไปต่างจังหวัด พี่อยู่บ้าน พอพี่รู้ว่ามันขึ้นสองขีด พี่ก็โทรบอกน้องสาวให้มารับลูกออกจากบ้านไปเลย พอเด็กไปอยู่อีกบ้านนึง พี่ก็เหมือนอยู่คนเดียว พออยู่คนเดียวพี่ก็แบบ อืม โอเคงั้นฉันไปอยู่โรงพยาบาล โทรไปขอห้อง พอรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องกลับมาอยูบ้าน เพื่อจะกักตัว
ไอวันกักตัวมันเห็นไง วันนั้นเรายังไม่รู้สึกถึงความแบบ ไอวันกักตัวเรานึกในใจตรูหายแล้ว แล้วตรูก็ไม่ได้ไปไหน ตรูก็อยู่ของตรูคนเดียว แต่การที่เราสมมติว่า ลูกคนเล็กบอกอยากกินขนม สมมติว่าเป็นโดนัท ก็สั่งโดนัทมา เราก็หยิบไปอันนึง แล้วพี่เคนก็บอกใครให้หยิบก่อน หยิบก่อนแล้วใครจะกินต่อ คือขนาดอยู่ข้างนอก เรากักตัวของเราอยู่ตรงนี้แล้วเราหายแล้วด้วย เราอยู่ระเบียงบ้าน อืม ใครกินต่อไม่ได้ มันคือโดนัทจากการหยิบไม่ใช่เอาปากกัด แล้วเราล้างมือแล้ว นางก็แบบไม่ได้ต้องระวังก่อน อืม โทษแม่อีกแล้ว ตอนนั้นมันก็ดิ่งๆ เราก็เหมือนนั้นไงกูว่าแล้ว กูจุดนั้นแล้วล่ะ ว่าจะต้องไม่มีใครดูแลกูแน่เลย
ตรงนี้เล่าเหมือนตลก ณ ตอนนั้นมันไม่มีตลก น้ำตาตกใน ก็บอกเคน แต่แทบจะตีกันเลย เพราะเหตุการณ์อีกอันนึง พี่กักตัวอยู่ในห้องแล้วเขาจะใช้บริเวณข้างนอกได้ เขาจะเดินอยู่พี่ก็เปิดหน้าต่างออกไปอยากได้น้ำที่อยู่ในตู้เย็น นางกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็เดินไปหยิบน้ำมาให้ แล้วน้ำก็ขว้างน้ำเข้าหน้าต่าง เชื่อเปล่าว่านางขว้างเม่นมาก แหมะเข้าตรงลูกตาของพี่เขียว แล้วพี่ก็แบบฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอ ก็ปรี๊ดนิดนึง แต่เขาบอกไม่ได้ตั้งใจก็ไม่หลบเอง ฉันต้องหลบเหรอ ทำไมเธอขว้างขนาดนั้น แล้วทำไมเธอต้องกลัวฉันขนาดนั้น คือหายแล้วไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างเราก็พยายามดูแลตัวเอง ไม่ให้เป็นที่เดือดร้อนของทุกคน ตอนนี้ปกติแล้ว นี่คือเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลยเล่าให้ฟัง
เรื่องหวงลูก พี่ว่าก็แม่ทุกคนแหละ แม่มีลูกสาวก็ต้องหวงลูกสาว แต่ตอนนี้ถ้าถามว่าเขาจะมีมันก็เป็นเรื่องของเขาแล้วล่ะ เหมือนแค่ใจหายนิดนึงว่าแสดงว่าลูกเราโตแล้วสิเนอะ เขาจะไม่ใช่เด็กๆ ของเราอีกต่อไป เราจะเรียกเขามาฟัดมันก็ไม่ได้อีกแล้ว ถามว่าสนิทกับลูกไหม ก็เป็นอย่างนั้นแม้ว่าเขาจะโตแล้ว ก็เข้าใจนะเวลาเขาอยู่โรงเรียนเขาก็จะเก็กๆ คีฟคูล แต่พอเวลาอยู่ในรถ แม่ขอหอมหน่อยเขาก็จะยื่นหน้ามาให้ได้ อย่างเช่นคนเล็ก น้องจุน วันนึงพาเขาไปซื้อของ ขอจับแทนหน่อย เขาก็จะเอามือล้วงกระเป๋าบอก เขามือล้วงกระเป๋าอยู่ ก็จะอายๆ เพราะว่าเขาโตแล้ว
พี่ถึงได้บอกว่าวัยรุ่นมันเป็นวัยที่น่าเป็นห่วง นอกจากวัยเด็กแล้ว เราคุยกับเพื่อนๆหลายๆคนแล้ว เลี้ยงลูกวัยรุ่นมันเป็นวัยที่สามารถเพลิดเพลินไปกับอย่างอื่นได้ถ้าจะติดเพื่อนไปเลยก็ได้ เราก็จะต้องอยู่กับเขาแบบเป็นเพื่อน ดุมากก็ไม่ได้ ปล่อยมากก็ไม่ดี แต่พอเราเล่นเราดุมาก เขาก็จะไม่ค่อยเข้าหาเรา ส่วนพี่เคนเขาก็จะพยายามเลี้ยงให้เป็นเพื่อน เขาจะชอบเล่นเป็นเพื่อนกับลูก ลูกมีอะไรก็เล่าให้เขาฟัง อย่างเขาก็จะมาบอกว่าแม่ว่าเวลาที่ลูกมาเล่าอะไรให้ฟังเราอย่าพึ่งไปบอกว่าไม่นะ เรารอให้เขาเล่าให้ฟังให้จบก่อนอย่าไปดุเขา เดี๋ยวเขาจะไม่เล่าอะไรให้เราฟังอีก
บ้านเรามีหลักการตายตัวไหมว่าจะต้องเลี้ยงลูกยังไง จริงๆก็เคยคุยว่าจะเลี้ยงแบบนี้แหละว่าจะแบบปล่อยๆเลี้ยงมาเป็นเพื่อน คือพี่จะเป็นฝ่ายที่ดุสม่ำเสมอดุตลอดนะคะ แต่พี่เคนเขาจะเหมือนเล่นๆนะแต่ว่าวันไหนที่เขาดุลูกจะกลัวเขา เขาก็จะเลี้ยงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วเวลาไปไหนเขาก็จะพาลูกไปเล่น เวลาไปข้างนอก นี่ก็จะไปเดิน Shopping แม่ก็จะอยู่คนเดียว ตอนนี้ก็จะเหมือนไปช่วยแม่ถือของเขาก็จะโตได้เรียนรู้ ตอนเนี่ยคนเล็กก็เริ่มโต เมื่อก่อนนี้คนเล็กก็เหมือนติดแม่เกาะแขน แต่ตอนนี้เขาอายุ 12 เขาก็จะค่อนข้างเขินอายทิ้งห่างแม่ แต่พออยู่ในห้องก็ยังเป็นลูกคนเล็ก
ลูกมีเรื่องให้ปวดหัวไหม ไม่นะ เอาจริงๆพี่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะเรียนเก่ง จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง พี่จะเป็นสายบอกว่าถ้าลูกอยากเรียนอะไรเพิ่มเติมก็บอกนะ บางทีตัวเล็กชอบดูติ๊กต๊อกบ่อยๆ เราก็ทักว่าวิธีการพูดทำไมมันเหมือนเสียงในติ๊กต็อกเลย บางทีมันเป็นไปแบบไม่รู้ เราก็จะบอกเขาว่าน้องเริ่มพูดแบบในติ๊กต็อกแล้วนะ ก็บอกนะว่าถ้าลูกไปกดสนใจอะไรมันก็จะขึ้นมาแบบนั้น เขาก็รู้แหละ พี่เคนจะให้เวลาว่าถ้าตอนเนี่ยอยู่กับโทรศัพท์เยอะไป ถ้าอยากจะดูแบบทั้งวันก็ให้วันเดียวในหนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้าจะเป็นเวลาทีละนิดก็จะกระจาย แต่ถ้าวันธรรมดาจะไม่ให้เลยจะให้ดูแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เขาก็จะหากิจกรรมให้ลูกพาลูกไปเอ้าท์ดอร์
ด้วยความที่เราทั้งคู่มีชื่อเสียง ก็ไม่ได้จำกัด ว่าลูกจะเป็นยังไง เราก็สอนแค่ว่าการมีน้ำใจซื่อสัตย์และเป็นคนดี ให้มันเป็นพื้นฐานไม่ได้จะต้องบอกว่าระวังให้พ่อแม่ด้วยนะ ก็สอนลูกว่าให้ไปเป็นไปตามกฎกติกา เราไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใดใด การเดินทางบ่อยก็จะช่วยได้ เพราะมันจะเป็นไปตามกฎระเบียบของแต่ละประเทศ เพราะว่าเขาตั้งกฎยังไงเราก็จะต้องทำตามกฎเขา
เราไม่ได้มีอภิสิทธิ์ แต่เราก็โชคดีนะ เพราะครูเคยเล่าให้ฟังว่า คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงมาดีจังเลย พาน้องไปทัศนศึกษา น้องไม่ใช้เงิน ครูบอกให้ลองเลือกของชิ้นหนึ่ง ไปทัศนศึกษาจะได้เก็บมาไว้เป็นที่ระลึก แต่เขาก็บอกว่าไม่เอาไม่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็จะไม่ซื้อ อ๋อ อันนั้นน่าจะได้จากพ่อ ไม่น่าจะได้จาก จริงๆไม่ได้สอนขนาดนั้น แต่ว่าเด็กมันก็รู้ว่าอาจจะเป็นนิสัยติดมาด้วย ถ้าน้องไม่ชอบก็คงไม่ชอบอะไรแบบนั้น เพราะครูบอกให้ซื้อสักชิ้นน้องก็บอกว่าไม่ชอบเลยสักชิ้น เขาจะรู้ว่าถ้าซื้อมาเขาก็จะไม่ได้ใช้ คือเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องเหมือนใคร เขาก็จะรู้สึกว่าเพื่อนมี เขาไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องมีเหมือนกันทุกคน เขาจะรู้ตัวเขาเองว่าเขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
พี่ว่าคนโตนิสัยเหมือนพี่เคนเขาจะมีโลกส่วนตัว เขาก็อยู่ของเขาไม่ค่อยพูด หลายๆคนก็จะชอบถามว่าทำไมน้องคุณ ไม่ออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อนคือเขาจะเป็นแบบนี้ ไปได้นะแต่เขาจะไปนั่งอยู่คนเดียวไปอยู่ของเขา แต่คนเล็กก็จะเหมือนพี่น่ะเขาจะสามารถไปเบนกับทุกคน แต่น้องคุณเขาก็มีเพื่อนสนิท แต่เขาไม่ใช่เป็นคนที่แบบไปเจอสังคมไปอยู่กับคนเยอะๆ แต่ในขณะที่ตัวเล็กเขาสามารถ อนาคตก็ให้เขาเรียนไปตามที่เขาอยากจะเรียน อยากจะทำไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงนะ แต่อยากจะให้เขาใช้ชีวิตแฮปปี้มีความสุข ไม่ได้จะคาดหวังว่าลูกจะต้องเก่งที่สุดดีที่สุดหรือทำอะไรให้มันที่สุดที่สุด เอาให้เขามีความสุขในสิ่งที่เขาทำแค่นั้นแหละ ในขณะเดียวกันก็คือจะต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่นด้วยนะไม่ใช่ว่าจะไปเอารัดเอาเปรียบคนอื่นเขา
แต่ละคนฉายแววไปทางไหน คือเขาจะค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะ แต่คุณจะเป็นคนที่ชอบกีฬากีฬาทุกชนิดเขาสามารถที่จะไปเล่นได้ ส่วนตัวเล็กน่องจุนจะเป็นคนชอบดูชอบก๊อปปี้ ก๊อปปี้ท่าทางคนโน้นคนนี้ (อาจจะมาสายละคร?) ก๊อปปี้ท่าเต้นแต่เวลาให้ทำจะไม่ทำนะจะอาย แต่ถ้าน้องๆอยากเข้าวงการก็จะสนับสนุน ก็เข้าได้ไม่กีดกัน ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่อยากทำก็ทำได้ พร้อมซัพพอร์ตทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำเพราะว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นสิ่งที่เขาเลือก
ความรักของของเราก็ 22 - 23 ปี เวลาครบรอบต่างๆ เห็นลงรูปเก่าๆกันเยอะ มันเป็นตอนย้ายบ้านก็จะเจอรูปเก่าๆสมัยที่เขากำลังฮิตฟิล์มเรามีมาแล้ว โพลารอยด์เรามีมาแล้ว (หัวเราะ) เราทำมาก่อนแล้วหมดแล้ว เห็นแล้วก็มาลงมันตลกดี ก็คิดถึง 22 ปีรักหวานชื่นเหมือนเดิมไหม มันก็เป็นเรื่องปกติ ตีกันก็มี องค์ลงก็มี แต่มันอยู่บ้านเดียวกันน่ะ มันก็..(ก็เข้าใจกันทุกอย่างแล้ว?) ใช่ สุดท้ายก็อยู่กันไป มันก็เป็นเพื่อนกันไปแล้วแหละตอนเนี่ย มันก็เป็นคนที่ไว้ใจที่สุด มันก็เป็นเหมือนเพื่อนน่ะ เพื่อนกันมันก็ตีกัน พี่น้องก็ตีกัน พ่อแม่ยังทะเลาะกันเลย เป็นรสชาติชีวิต ดีไปหมดมันก็ไม่ใช่ ต้องมีให้เราครบรส
ทะเลาะกันแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือกัน ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้แหละ คือคนเรามันก็ไม่ได้จะเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ จริงๆต่อให้ไม่ว่าคนไหนจะดีที่สุดแล้ว มันก็จะมีมุมให้แบบ..นั้นคือบางทีอ่ะมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา แต่ในมุมเรา เราอยากจะหยุมหัว พี่ก็เลยคิดว่า อย่าเอาอารมณ์ของเราไปตัดสิน ปล่อยเขาไป ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไร้สาระมากกว่า ไม่ค่อยมีที่ต้องมานั่งตัดสินใจ
เคนเขาเลี้ยงเด็ก เขาชอบเล่นกับเด็กชอบเล่นกับลูก หลายคนก็จะบอกว่าดีจังเลยเขาเล่นกับลูก แล้วเขาก็เป็นคนที่จัดกระเป๋าเอง เขาดูแลเองพี่ไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างเช่นเวลาที่เราไปเดินทาง พี่เคนจะดูแลตัวเอง เขาจะใส่อะไรจัดอะไร เขาก็จะบอกลูกว่าลูกไปจัดกระเป๋าเองเลยนะ จะเอาอะไรไปใส่อะไรจัดของตัวเองให้ดีแต่บางคนก็จะบอกว่าที่บ้านเรา เราต้องจัดให้ทุกคนเลย แล้วต้องบอกอีกนะว่าเสื้ออยู่ตรงนั้นตรงนี้ แต่พี่ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย พี่ก็เอ้าเหรอนี่มันมุมดีเหรอเพิ่งรู้นะเนี่ย
ในละครเรื่องนี้เป็นแม่สะใภ้ที่โหด เรามองออกไหมถ้าเกิดในอนาคตลูกเราจะมีครอบครัว เราจะเป็นแม่สามีแบบไหน จริงๆแล้วพี่อ่ะเป็นคนยอมคนที่สุดแล้ว พี่เป็นคนที่อะไรก็ได้ ก็หวังว่าความดีของเราจะทำให้เราเจอคนดีๆ มีลูกสะใภ้ในฝันไหม ไม่มีเอาคนที่ลูกเราแฮปปี้ที่จะอยู่ด้วยก็โอเคแล้วเขาเลือกแล้วคนไหน มันก็ต้องเป็นคนนั้นแค่นั้นเอง อย่างน้อยเราก็เคยเป็นลูกสะใภ้มาก่อน เพราะฉะนั้นเวลาเราเป็นแม่ผัวเราก็ต้องเป็นแม่ผัวที่ดีค่ะ (หัวเราะ)"