ช็อก "เจมี่ บูเฮอร์" แจงปมฉาว ถูกใส่ร้ายขายตัวจนออกจากวงการ
เป็นประเด็นช็อกวงการเมื่อไม่นานมานี้กรณี "เจมี่ บูเฮอร์" ล่าสุดขอออกมาแจงปมฉาว ถูกใส่ร้ายขายตัวจนออกจากวงการ สงสาร “หนิง ปณิตา” โดนโยงเอี่ยว
ห่างหายออกจากวงการไปนานกว่า 10 ปี สำหรับอดีตนักแสดงสาว “เจมี่ บูเฮอร์” และเธอกลับมาโด่งดังอีกครั้ง จากคลิปที่เป็นไวรัล ตอบคำถามแฟนคลับว่าทำไมถึงเลิกเล่นละคร
ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจในรายการโต๊ะหนูแหม่มกับพิธีกรตัวแม่ “หนูแหม่ม สุริวิภา” พร้อมขอโทษไปถึง “หนิง ปณิตา” ที่ถูกโยงเอี่ยว กับประเด็นถูกใส่ร้าย ขายบริการจนต้องออกจากวงการ
หายไปไหนมาไปอยู่ที่ไหน?
หายจากวงการไปนานพอสมควรเกิน 10 ปี เราก็อยากให้น้องรุ่นใหม่ได้เกิดบ้าง เราก็ไปทำธุรกิจบ้างและตอนนี้ก็เป็นไลฟ์โค้ช ด้วยความที่เราเป็นคนชอบสนใจเรื่องของการสอนตั้งแต่เราอยู่ในกองถ่าย แล้วซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่เราก็เข้าไปคุยให้คำปรึกษาในเรื่องของความรัก ในวันนั้นคุณอาจจะมองว่าเผือกแต่วันนี้มันก็เป็นเหมือนการโค้ชคนอื่นมากกว่า
ถามถึงคลิปที่ถูกพูดถึงว่าทำไมเราถึงเลิกเล่นละคร?
คือเราก็พูดในช่องของโซเชียลตัวเองต้องเข้าใจว่าโลกโซเชียลกับทีวีมันสวนทางกัน อย่างทีวีเราต้องพูดอะไรที่มันค่อนข้างระมัดระวัง แต่พอโลกโซเชียลมันต้องเผ็ดนิดนึงและต้องตรงไปตรงมา ซึ่งเราไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นไวรัลขนาดนี้ จริงๆ แล้วส่วนตัวเราเป็นคนไม่ชอบดราม่าอะไรอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่เราร่วมงานด้วยก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไวรัลเยอะขนาดนี้ ถ้าเรารู้เราจะแต่งตัวให้สวยเลย
เราอยากจะสื่อความรู้สึกในตอนนั้นยังไง?
มันเป็นความสงสัยที่คาใจมานาน แล้วเราเป็นคนเก็บ รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เยอะมาก เพราะก่อนหน้านั้นเราจะไลฟ์สดแล้วก็จะมีคำถามพวกนี้ออกมาเยอะมาก ซึ่งเรารู้สึกว่าไม่อยากพูด และเราก็ไม่อยากจะโดนถามคำถามแบบนี้ ซึ่งมันเป็นคำถามที่ค่อนข้างสะเทือนใจมาก มันเป็นการทำร้ายความรู้สึกของเราอย่างรุนแรง หนูก็เลยตอบคอมเม้นต์นั้นแค่ในโลกโซเชียลของหนู
หลายคนถูกโยงเยอะมาก?
สงสาร “หนิง ปณิตา” มาก ซึ่งเราก็รู้จักเขาอยู่แล้ว เค้าก็ค่อนข้างเป็นพี่สาวคนนึงที่น่ารักมาก และตอนสมัยเล่นละครพี่หนิงยังไม่ได้เป็นผู้จัด เค้าก็เป็นคนที่น่ารักมาก ซึ่งอยากบอกทุกคนว่าอย่าไปตามหาเลยเพราะบริษัทนี้ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการแล้วอะไร ซึ่งตอนนี้คลิปนั้นถูกซ่อนเอาไว้แล้วอยากให้มันจบไปดีกว่า
ซ่อนคลิปทำไม?
รตั้งแต่เกิดดราม่ามา เราไม่คิดว่ามันจะเป็นไวรัลขนาดนี้ พอมันเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วเราอยู่กับเรื่องแบบนี้เราไม่สบายใจเลย หลายคนอาจจะคิดว่ากระแสมันมาที่เรา และแล้วน่าจะดีใจ หนูเครียดอยู่ทุกวันจนนอนไม่หลับ มันเป็นอะไรที่มีคนได้รับผลกระทบเยอะมาก และเราก็กำลังรู้สึกเสียใจและไม่สบายใจอยู่ หนูก็เลยไปทำบุญ แล้วก็พยายามจะให้อภัยเขาให้เรื่องนี้มันจบไป
บางกระแสบอกว่าเราอยากกลับมาในวงการ?
มันก็ต้องมีอยู่แล้วคำถามแบบนี้ ถ้าหนูคิดว่าคลิปนี้จะกลับมาได้หนูจะตีผมฟาร่าเหมือนอย่างวันนี้ หนูก็รับงานอยู่แล้วหนูก็ยินดีที่จะร่วมงานกับทุกท่าน เราก็เปิดรับงานอยู่เสมออยู่แล้ว ส่วนละครเราต้องดูความเหมาะสมด้วยเราผู้ผลิตต้องเป็นคนเลือก ช่วงที่เราออกไปก็เพราะว่าอยากพักผ่อนซึ่งเราก็ไปปฎิบัติธรรม และอะไรหลายๆ อย่างได้ไปมีชีวิตอีกช่วงหนึ่งที่มันมีความหมายกับเรามาก