ล้วงลึก 'เตนล์' เล่าทุกเรื่องครั้งแรก - ผ่าตัดขาหวิดเต้นไม่ได้
สัมภาษณ์เดี่ยวที่แรก "เตนล์ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล" หรือ "TEN WayV" เปิดทุกเรื่องผ่านรายการ WOODY FM ตั้งแต่เด็กฝึกผ่าตัดขา หวิดเต้นไม่ได้ จนประสบความเร็จทุกวันนี้ ยังคงพยายามทุกวัน
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินเกาหลีเชื้อสายไทยที่ประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเกาหลี อีกทั้งยังเป็นศิลปินไทยคนแรกของค่ายเพลง SM Entertainment "เตนล์ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล" หรือ "TEN WayV" ล่าสุด มาเปิดใจสัมภาษณ์เดี่ยวแบบ Exclusive ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมบอกเล่ามุมลับๆ ที่ยังไม่มีใครเคยรู้มาก่อน ตั้งแต่เริ่มต้นการเป็นเด็กฝึกหัดจนไปถึงเรื่องส่วนตัวแบบลึกที่สุด ในรายการ WOODY FM
(ตื่นเต้นไหมครับ เพราะพี่ไม่เคยเห็นคุณให้สัมภาษณ์ที่ไหนเท่าไหร่เลย เป็นเกียรติมากเลย?) เตนล์ : ตื่นเต้นครับ เพราะเป็นการสัมภาษณ์เดี่ยวครั้งแรก
(ชีวิตของคุณไปเป็นเด็กฝึกไอดอลเกาหลีตั้งแต่อายุยังน้อย ความท้าทาย กดดัน นึกถึงช่วงไหน?) เตนล์ : แต่ละช่วงไม่เหมือนกันครับ เตนล์รู้สึกว่าแต่ละช่วงที่เข้ามามันเป็นบทเรียนที่ทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น
(อะไรคืออุปสรรคของคุณ?) เตนล์ : หลังจากเดบิวต์เสร็จเตนล์มีการผ่าตัดขา เพราะว่าเต้นเยอะทำให้ขามีปัญหา ซึ่งเป็นช่วงที่แบบเราคิดว่าจะไปต่อยังไงดี ถ้าสมมุติขาไม่หายจะเต้นได้ไหม แต่ก็โชคดีที่ขาหายปกติ แต่ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่พลิกของเตนล์มากเหมือนกัน เพราะก่อนที่จะผ่าตัดขาซ้อมเต้นอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ซ้อมร้องเพลง แต่หลังจากมีการผ่าตัดที่ขา อยู่ดีๆ ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเลยเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าเต้นไม่ได้งั้นเราต้องร้องให้ได้ ช่วงนั้นก็เลยเป็นช่วงที่เรียนทั้งร้องทั้งเต้นทุกอย่าง เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดแต่เป็นช่วงที่ได้อะไรมาเยอะที่สุด
(ตอนที่เป็นเด็กฝึกคงเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในชีวิต?) เตนล์ : เหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมากหลังจากที่เตนล์ไปเกาหลีครับ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนิสัยด้วย เมื่อก่อนเป็นคนชิลล์ๆ ทุกอย่างสบายๆ แต่หลังไปเกาหลี ไม่ใช่เขาพยายามให้เราไม่มีอิสระนะครับ แต่คือการซ้อมมันต้องตรงเวลา ร้องเต้น ทุกอย่างไม่ต้องเพอร์เฟค แต่เราต้องมีความพยายาม
แต่อันนี้เป็นมาตรฐานของเตนล์ คิดว่าตอนที่ไปเตนล์จะไม่พูดว่าเหนื่อยแล้ว เพราะผมเป็นคนเลือกที่จะมา และตอนนั้นเราอุทิศตนว่าจะต้องเดบิวต์ ถ้าคุณตัดสินใจเหนื่อยไม่เหนื่อยคุณก็พุ่งไปอย่างเดียว
แต่เตนล์เป็นคนที่ถ้าตัดสินใจว่าจะทำ จะไม่มองย้อนกลับไป วิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวเลย แต่เตนล์ว่าอันนี้เป็นข้อที่ไม่ดี บางครั้งเราตัดสินใจจะไปข้างหน้าแล้ว ยังไงก็ต้องมองย้อนกลับไปบ้าง ไม่ควรที่จะวิ่งไปข้างหน้าตลอด ต้องครึ่งๆ เราวิ่งไปเสร็จแล้วก็กลับมาดู แล้วก็ค่อยวิ่งต่อ
(คุณมีความสำเร็จในทุกๆวัน ได้ตื่นมาและทำสิ่งเหล่านี้ มันน่าอัศจรรย์ คุณควรมีความสุขกับมันนะ?) เตนล์ : เตนล์มีความสุขครับ ดีใจที่ได้ทำ เพราะเป็นสิ่งที่เตนล์อยากจะทำอยู่แล้ว แต่ผมจะเป็นคนที่สนุกมากในช่วงเตรียมงาน ตอนซ้อม ถ่ายมิวสิควีดีโอ อัดเสียง เป็นช่วงที่เตนล์สนุกที่สุดเหมือนเราได้ทำสิ่งใหม่ๆ ได้ท้าทายตัวเองกับอะไรที่เราไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีหรือไม่ดี พยายามเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ครับ เพราะว่าชีวิตมีอะไรใหม่ๆเข้ามาตลอดเวลา
(ชอบการเต้นตั้งแต่เมื่อไหร่?) เตนล์ : ประมาณอายุ 13 ครับ ตอนเด็กๆ จะเป็นคนที่ไม่ชอบร้อง ไม่ชอบเต้น ไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง ตอนเด็กๆ แม่บอกว่าชอบถือไมค์ร้องเพลงให้กับครอบครัวฟังแต่หลังจากนั้นจำความได้ไม่ชอบเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยู่ในโทรทัศน์ แต่อยู่ดีๆ ก็ดูเรื่อง Step Up ดูเสร็จอาม่าก็ถามว่าอยากลองเต้นไหม ก็เลยลองไปเรียนเต้น ร้องเพลงตอนนั้นก็ยังขี้อายอยู่ แต่ไปๆมาๆ ก็ชอบการเต้นการร้องมากเลย
(ในตอนไหนที่รู้สึกว่าฉันอยากเป็นศิลปิน?) เตนล์ : มันสะสมไปเรื่อยๆ ครับ สมัยเด็กๆ ทุกคนอยากจะเป็นคนที่เท่ห์อยู่ในโรงเรียนคุณอยากที่จะโดดเด่น เตนล์ว่าเริ่มจากตรงนั้นมากกว่า เพราะตอนเด็กๆ ชอบเข้าสังคมมาก การเต้นเหมือนเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้จักคนมากขึ้นครับ
(ช่วงที่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยนานมากช่วงโควิด ตอนคุณกลับมาแล้วเหมือนมีคลิปหนึ่งที่ขึ้นจอตรงสยาม แล้วคุณก็ล้มลงไปร้องไห้ ตอนนั้นคิดอะไรอยู่?) เตนล์ : ไม่ได้มาประเทศไทยนานไปอยู่แต่ต่างประเทศ แล้วเหมือนบางครั้งเตนล์เป็นคนที่แบบเข้มแข็ง และเป็นคนที่เก็บไว้กับตัวเองเยอะเหมือนกัน เป็นอะไรที่แปลกมาก กลับประเทศไทยทุกครั้งรู้สึกอ่อนไหว เหมือนมีกำแพงมาปกป้องเตนล์จากโลกภายนอก ไม่รู้เพราะอะไรแต่กับประเทศไทย ถ้ามีคนถามคำถามอะไรเกี่ยวกับครอบครัว หรือยินดีต้อนรับกลับบ้าน มันทำให้อยู่ดีๆ ก็อ่อนไหวทุกครั้งเลย ขอบคุณทุกคนมากที่สนับสนุนเตนล์
(นอกจากสนับสนุนเรื่องของงานเพลงแล้ว พวกเขาให้อะไรกับคุณบ้าง?) เตนล์ : ความผลักดันที่อยากให้เตนล์แสดงมากขึ้น ความรัก ทุกครั้งเตนล์รู้สึกขอบคุณมาก แต่อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณมากคือแฟนคลับเขาจะเป็นแบบอยากทำอะไรทำเลย เราจะสนับสนุนเตนล์เอง เราจะอยู่ข้างหลังเตนล์เพื่อสนับสนุนทุกครั้ง เพราะฉะนั้นเตนล์ไม่ต้องกลัว เหมือนให้ความมั่นใจและความกล้าที่จะทำอะไรที่เรากลัว
(ตอนนี้มั่นใจไหมเวลาที่ต้องถ่าย เวลาที่ต้องร้องหรือยังมีความตื่นเต้นทุกครั้ง?) เตนล์ : ตื่นเต้นทุกครั้งครับ เพราะเตนล์ไม่อยากคุ้นเคยกับหน้ากล้องมาก เพราะถ้าคุณคุ้นเคยกับหน้ากล้องมาก คุณจะคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดา แต่ถ้าสมมติคุณยังมีความตื่นเต้นอยู่ แปลว่าคุณอยากจะทำอะไรที่ใหม่ๆ ให้คนดูครับ
(ชีวิตของคุณก็มีมุมที่คนเห็นกับมุมที่คนไม่เห็น มุมที่คนยังไม่เคยเห็นของ เตนล์ ชิตพล ชอบทำอะไร?) เตนล์ : ช่วงนี้ถ้ามีน้องแมว ก็จะเล่นกับน้องแมว ดูหนัง เอาจริงๆ เตนล์เป็นคนที่ถ้าไม่มีตารางงาน จะเป็นคนที่ขี้เกียจมาก ชิลล์เลย อยากจะออกไปชิลล์ข้างนอกแต่เตนล์ขี้เกียจเกินกว่าจะออกไปไหน แต่ถ้าไปห้องซ้อมไปครับ บางครั้งจะเป็นแค่จะอยู่บ้านหรือไม่ก็ไปค่ายเพื่อไปซ้อม
(ไม่แน่ครั้งหน้าถ้าคุณกลับมาพี่จะเชิญคุณมาที่บ้านแล้วดื่มไวน์กัน พี่ได้ยินมาว่าคุณชอบไวน์?) เตนล์ : ผมชอบไวน์ ตอนแรกๆ ไม่ได้เป็นคนชอบไวน์เลย ทำไมเห็นทุกคนชอบดื่ม แล้วมีเพื่อนสมาชิกคนหนึ่ง เขาเป็นคนชอบไวน์มาก่อน เขาก็ดื่มอยู่คนเดียว เตนล์ก็แบบเราลองแก้วหนึ่ง เขาบอกว่าถ้าเตนล์ลองแก้วหนึ่งจะกลายเป็นคนชอบไวน์แบบเขาเหมือนกัน เตนล์แบบ เหรอ? โอเค ก็ลอง เตนล์ว่ารสชาติมันก็อร่อยเหมือนกัน แต่ที่ชอบตอนนั้นคือชิลล์ ผ่อนคลาย แล้วก็ดูหนัง ดื่มไวน์ มันทำให้รู้สึกสงบมาก
(เข้าใจว่าคุณชอบน้ำผลไม้ แต่แปลกที่เตนล์ไม่ชอบกินผลไม้?) เตนล์ : ไม่กินผลไม้ครับ อาจเป็นเพราะเราไม่ชอบเนื้อสัมผัสของผลไม้ การกินของผลไม้ เตนล์ไม่ชอบผลไม้ที่มีน้ำเยอะเกิน
(อาบน้ำนานไหมครับ?) เตนล์ : อาบนานครับ ถ้านานสุดประมาณชั่วโมงครึ่ง การอาบน้ำเป็นการที่ผมรู้สึกว่า มันรีแลกซ์ผ่อนคลาย พอเราอยู่ตัวคนเดียว เลยรู้สึกว่าการอาบน้ำเป็นอะไรที่เป็นตัวเราจริงๆ แล้วรู้สึกเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเตนล์
(WayV สมาชิกมีหลายคนและ International มาก เวลาคุยกันใช้ภาษายังไง?) เตนล์ : ก่อนอื่นทุกคนจะพูดภาษาเกาหลีก่อน แต่ในกลุ่มก็จะมี คนจีน คนอเมริกา แคนนาดา ด้วย แล้วมันก็จะกลายเป็นอะไรที่แบบ แต่ละคนก็จะเริ่มพูดภาษาแม่ของตัวเองโดยธรรมชาติ ถ้าคนจีนอยู่ด้วยกันก็จะพูดภาษาจีน ถ้ามีคนเกาหลีเข้ามาก็พูดภาษาเกาหลี
(แต่ไม่มีใครพูดไทยกับคุณ?) เตนล์ : (หัวเราะ) ยังไม่มีครับ
(วงการนี้เขาเล็งเมืองไทยเยอะมาก?) เตนล์ : เตนล์ว่าเด็กไทยก็มีความสามารถกันเยอะ แต่ละคนที่เดบิวต์มาทุกคนเก่งมากเลย
(เห็นด้วยครับและมั่นใจว่ามีหลายคนที่ดูอยู่ตอนนี้เขาก็คงฝันแบบคุณที่อยากจะไป มีอะไรอยากจะบอกพวกเขา?) เตนล์ : เตนล์ว่าถ้าใจสู้แล้ว ชีวิตมีอยู่แค่ชีวิตเดียว คุณลองทำไปก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้เริ่ม ถ้าออดิชั่นก็เสียเวลาเขาคงไม่เลือกหรอก ไม่ควรคิดอย่างงั้น ลองไปก่อนถ้าได้ก็คือได้ ถ้าไม่ได้ก็คือโอเคเราควรจะซ้อมต่อไหมหรือทางนี้มันใช่ทางเราหรือเปล่า ซึ่งมันมีทางเยอะมากเลย แต่ก่อนที่จะบอกว่าไม่ได้ควรลองไปก่อน
(พี่เห็นว่าใครก็ตามที่ผลักดันตัวเองอย่างเต็มที่ทุกวันมันไปถึงเส้นชัยแน่นอน?) เตนล์ : เตนล์เป็นคนเชื่อว่าถ้าคุณไม่เก่งอะไร คุณซ้อมไว้เลย ซ้อมเต็มที่เลย ยังไงก็ต้องดีขึ้นครับ การกระทำมีผลมากกว่าพรสวรรค์ครับ
(WayV ตอนนี้ซิงเกิ้ลเป็นยังไง?) เตนล์ : รอบนี้ WayVเพิ่งออกมินิอัลบั้มครั้งที่ 4 ชื่อว่า Phantom เพื่อน WayV ทุกคนชอบประเทศไทยมาก ชอบอาหารไทย ชอบพลังงานของแฟนชาวไทยมากๆ เลย รอบนี้ก็เลยลองมาโปรโมทประเทศไทยกันดู เตนล์ว่าประเทศไทยมีแพชชั่นมากๆ เลย ทุกประเทศแพชชั่นเหมือนกัน แต่คือเสียงของแฟนๆ ชาวไทยดังมาก สุดมากๆ คนไทยน่ารักและตลก ปีนี้จะมาไทยบ่อยมากครับ ช่วงนี้เราทำแฟนมิตติ้งกันอยู่ก็จะมีไปทัวร์หลายๆ ประเทศ
(ความฝันต่อไปของคุณคืออะไร?) เตนล์ : เป้าหมายเตนล์ที่อยากจะทำอยู่อีกหลายอย่างเลยครับ ทุกคนจะมีเป้าหมายใหม่ๆ ของตัวเองเสมอ ตอนนี้อยากจะเอาความเป็นตัวเองออกมาให้มากกว่านี้ ผ่านดนตรี ผ่านหนังสืออะไรก็ได้ อยากโชว์ด้านนั้นมากกว่า