'เจมส์ จิรายุ' เปิดใจ เป็นหมอไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้งแรกละครไทย ใน 'มาตาลดา'
สัมภาษณ์สุดพิเศษ เปิดใจ 'เจมส์ จิรายุ' รับบทคุณหมอหัวใจสุดจริงจัง ในละคร 'มาตาลดา' หวนประกบคู่เจอ 'เต้ย จรินทร์พร' ในรอบ 9 ปี เผย ไม่ทิ้งความฝัน อยากเป็นนักร้อง
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ลงจอออนแอร์เป็นที่เรียบร้อย สำหรับตอนแรกของ 'มาตาลดา' จากนิยายสุดปัง สู่ละครโทรทัศน์ ผลงานโดยผู้จัดมากฝีมือ "จ๋า ยศสินี" ที่คว้า คู่พระนางเคมีใหม่อย่าง 'เจมส์ จิรายุ' ประกบคู่ 'เต้ย จรินทร์พร' โดยเรื่องราวของ "มาตาลดา" หญิงสาวแสนซื่อมองโลกในแง่ดี และหลายคนคิดว่าเธอเพี้ยน กับเขา "คุณหมอปุริม" ผู้ที่สังคมมองว่าแสนเพียบพร้อม ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาอาจขาดมากกว่าใครหลายๆ คนเธอและเขาจึงต่างเข้ามาเติมเต็มหัวใจให้กัน
นอกจากความสนุกสุดละมุนที่แฟนๆ ละครจะได้เห็นผ่านหน้าจอแล้ว เจมส์ จิรายุ เปิดใจ ในสัมภาษณ์พิเศษ กับการรับบท "หมอปุริม" ที่ทั้งโหดหิน ท้าทาย และจริงจังกว่าที่เคยเล่นมา ซึ่งเจ้าตัวเคลมว่า ถือเป็นมิติใหม่ของบทบาทที่ไม่เคยเห็นในละครไทยมาก่อน
บทบาทในละครเรื่อง มาตาลดา ?
"รับบทเป็น คุณหมอปุริม ครับ เป็นศัลยแพทท์หัวใจ เล่าไปถึงตอนพีคก่อนแล้วกัน คือเขาบอกว่าให้ไปเวิร์กช็อปไม่คาดคิดว่าเขาจะให้เข้าไปดูตอนที่เขากำลังผ่าบายพาส เป็นเคสจริง แต่ได้รับการอนุญาตจากคนไข้ก่อน คุณหมอ และก็โรงพยาบาล ได้รับการอนุเคราะห์ให้เข้าไปดู ในห้องผ่านตัดจริงๆ แล้วเป็นยังไงบรรยายโดยรวม เหมือนที่เราคิดไว้ไหม และดูวิธีการ หลังจากนั้นก็ไปเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ ของการใช้ เขาใช้ยังไง ขั้นตอนการผ่าตัดหัวใจต้องทำอะไรก่อน วิธีการพูด วิธีการจับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งดีเทลเยอะมาก"
เห็นการผ่าตัดจริง เป็นอย่างไรบ้าง?
"ตอนแรกก็ไม่ได้เสียวมากครับ ก็มีโอกาสได้ไปดูใกล้ๆ ด้วย ไม่ถึงกับเข่าอ่อน ด้วยความที่ฟีลงานเวลาทำจริงๆ เขาก็จะปิดเหลือแค่ช่องที่เขาต้องการทำงาน เราก็จะเห็นแค่เฉพาะส่วน ถามว่าเลือดเหมือนที่เราคิดไหม จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นครับ เขาจะมีคนดูดเลือดออกตลอดเวลา เขาต้องทำความสะอาดให้ร่างกายคนไข้สะอาดที่สุด"
ไม่ใช่การเล่นบทหมอครั้งแรก เรื่องนี้จริงจังกว่ามาก ?
"จริงมากๆ ถ้าพูดถึงพาร์ตของหมอจริงจัง ผมว่าเรื่องมาตาลดาจริงจังที่สุดเลยครับ คุณหมอทุกคนอยากทำให้ภาพที่ออกมาในละครดูสมจริง และดูเป็นหมอจริงๆ มากที่สุด เพราะปกติเราไม่ค่อยได้เห็นการผ่าตัดหัวใจในละคร หรือในหนังไทยสักเท่าไหร่ ซึ่งเขาอยากทำให้เต็มที่ ถ้าดูในละคร ทุกคนเป็นหมอจริงหมดเลยครับ มีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ใช่หมอ เป็นคุณหมอจริงๆ ที่อยู่รายล้อมทั้งหมดเลย"
การถ่ายทำซีนหมอต้องละเอียดมาก ?
"เป็นพาร์ตหมอที่สมจริงสมจังมาก คุณหมอให้ความร่วมมือดีขนาดที่ว่าเขาคิดช็อตให้เลยนะ เราจะผ่าอันนี้ต้องไล่เรียงแบบนี้นะ มันถึงจะถูกต้อง เพราะว่าขั้นตอนทางการแพทย์จริงๆ คนนอกอาจจะไม่ได้รู้มาก ถ้าเกิดไม่ได้เรียนโดยตรงมา คุณหมอเขาจะคอยบอกวิธีจับอุปกรณ์ เช่น แบบนี้ไม่ได้นะ พูดคำนี้ผิด พูดคำเกินไม่ได้ คุณหมอเขาตั้งใจมากๆ ที่จะทำให้ออกมาสมจริง"
กดดันกับการถ่ายทอดความเป็นหมอให้สมจริงไหม ?
"กดดันตอนถ่ายมากครับ เพราะคุณหมอมานั่งดูด้วยนะครับ คุณหมอมานั่งอยู่หลังมอนิเตอร์ บอกว่า คำนี้ไม่ได้ คำนี้ผิดนะ อะไรแบบนี้ ถ้าเกิดว่าอะไรที่เป็นทางการแพทย์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กดดันมาก เราจะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด คือผมชอบนะครับ กระบวนการพวกนี้ มันจะทำให้งานที่เราทำออกมามันสมจริงที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้"
กลับมาร่วมงานกับ เต้ย จรินทร์พร ในรอบ 9 ปี ?
"พี่เต้ยน่ารักมากครับ เจอกันตอนภาพยนตร์ ไทม์ไลน์ ได้กลับมาเจอกันอีก อันนี้เป็นละครเรื่องแรกด้วยครับ"
ทำไมเรียก เต้ย จรินทร์พร ว่าจารย์เต้ย ?
"เพราะว่าตอนนั้นเล่นไทม์ไลน์ผมยังละอ่อนมากๆ ยังเด็กน้อยมากแล้วได้เจอจารย์เต้ย แล้วจารย์เต้ยเขาเล่นเก่งมาก ผมก็งงว่าทำไมเขาแสดงหนังเก่งจัง ก็เลยพยายามเรียกจารย์เต้ยแล้วก็ขอความรู้เขา จนระยะเวลาผ่านไป มันไม่ได้ทำงานด้วยกัน แต่ว่ายังคงสนิทกันด้วยการเจอไปเที่ยวด้วยกัน ก็ยังได้เจอได้พูดคุยกันตลอดจนสนิทกันมาก พอมาเจอกันอีกที ครั้งแรกที่จะเล่นด้วยกันมานั่งคุยกัน จะเล่นได้ไหม กลัวขำกัน มันสนิทกันมากเกินไป กลัวเราจะตลกกันเองไหม ตอนแรกก็มีความกังวล แต่สุดท้ายก็ขำอยู่ดี"
พูดถึงบทบาทที่ได้รับ และเล่นปะกบคู่กับสาวเต้ย เป็นยังไงบ้าง ?
"หมอปุริมเป็นตัวละครที่ค่อนข้างนิ่งมากๆ เก็บความรู้สึกไว้ข้างในใจ ไม่แสดงออก แต่ตัวมาตาลดาของจารย์เต้ย จะเป็นคนที่สดใส และเข้ามาเป็นแรงปะทะในชีวิตตลอด ตัวละครอื่นๆ ก็สนุกสดใสมาก ในใจผมลุกเป็นไฟเลย อยากไปเล่นด้วยเวลาเห็นเขาเล่นกัน จังหวะโบ๊ะบ๊ะ แต่ก็มีความท้าทาย ได้เห็นความน่ารักในความสัมพันธ์ของตัวละครทั้ง 2 ที่พัฒนา เติบโตไปเรื่อยๆ"
ได้ร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้ด้วย ?
"ได้ร้องเพลงเดียวครับ มันอยู่ในแผนการครับ เราก็พยายามร้องให้เขาฟังบ่อยๆ ถ้าเกิดผู้จัดมาเราก็พยายามร้องใกล้ๆ ตรงนั้น ถ้าผู้จัดยังไม่มาเราก็ไปร้องให้ทีมงานหรือไม่ก็ผู้กำกับฟัง เพราะว่าเวลาเขาคิดทำเพลง เขาจะได้นึกผมคนแรก ถามถึงความยากของเพลง จริงๆ เพลงนี้ยากนะครับ เสียงสูงด้วย คือพี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์ ด้วยความที่เราได้รับสัมปทานในการร้องเพลงมา แล้วพี่หนึ่งก็เบื่อกับวิธีการร้อง เขาก็บอกว่าพี่ขอเปลี่ยนได้ไหม เพลงนี้ก็เลยยากขึ้นไปอีกระดับ"
อยากกลับมาจริงจังกับงานเพลงอีกจะครั้งไหม ?
"ถ้าเอาแบบซีเรียสมากๆ ผมยังอยากทำเพลงอยู่ แต่ว่ามันยังหาสไตล์ที่เป็นตัวเองไม่เจอ พยายามลองค้นหาสไตล์ไปเรื่อยๆ แต่ผมว่ามันหายาก หมายถึงว่าด้วยความยิ่งงานหลัก ไม่ใช่งานร้องเพลง แล้วเราก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ ทำให้เราไม่รู้ว่า สรุปเนื้อเสียงจริงๆ ตอนที่เราอยู่บนเวทีเป็นยังไง หรือว่าความสามารถในการร้องเพลงเราไม่ได้ร้องบ่อยขนาดนักร้อง เราก็ไม่กล้าข้ามไป แต่ไม่ทิ้งงานร้องเพลงครับ ยังเป็นความฝันอยู่ อยากมีเพลงในวิทยุ (หัวเราะ)"
อยากมีผลงานแบบไหนในอนาคต ?
"อยากมีเพลง งานแสดงที่ท้าทายใหม่ๆ ซึ่งจริงๆ ละครเรื่องนี้ก็เป็นความท้าทาย มันดูเหมือนง่าย ด้วยความที่ตัวละครของผมดูเป็นคนเก็บกด นิ่ง แต่การที่จะเล่นให้มันดูมีอะไร มันต้องอาศัยการทำการบ้านเยอะ จริงๆ อยากลองเล่นละครแนวคอมดี้แบบจริงจังด้วยครับ"
สามารถติดตามชมละครเรื่อง "มาตาลดา" ของหนุ่มเจมส์ จิรายุ ในบทบาท "หมอปุริม" ได้ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 เริ่มตอนแรกวันอังคารที่ 6 มิ.ย. นี้