'จูน กษมา' สุดยอดแม่และเมีย ขนาด 'เปิ้ล นาคร' รวย ยังทำงานหนัก หาเงินเลี้ยงลูก
เปิดใจ "จูน กษมา" ภรรยา "เปิ้ล นาคร" ปลื้มใจ ทำหน้าที่เมีย-หน้าที่แม่สำเร็จ ขนาดสามีรวย แต่ไม่อยู่เฉย ขอทำงานหาเงินช่วยสามี เพื่อเลี้ยงลูก 4 คน
เรียกว่าเป็นคุณแม่ลูกดกประจำวงการบันเทิงอีกหนึ่งคน สำหรับ "จูน-กษมา ศิลาชัย" ภรรยาคนสวยของนักแสดงอารมณ์ดี "เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย" นอกจากเจ้าตัวจะทำหน้าแม่ของลูกๆ ทั้ง 4 ออแล้ว (ออกัส ออก้า ออกู๊ส ออเกรซ) ได้อย่างดีแล้ว หน้าที่เมียก็ไม่ขาดตกบกพร่อง ดูแลสารทุกข์สุขดิบคุณสามีเป็นอย่างดี
มิหนำซ้ำบางคนอาจยังไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้หยุดแค่หน้าที่แม่ของลูก และเมียของเปิ้ล... แต่เจ้าตัวยังมีความมานะ อุตสาหะ ทำธุรกิจช่วยเหลือครอบครัวหลายตัว ถึงแม้จะมี "เปิ้ล-นาคร" เป็นฝ่ายซัพพอร์ตเงินทุน แต่น้อยคนจะรู้ว่า เธอคนนี้ต้องเรียนรู้ธุรกิจทุกอย่างด้วยตัวเอง ลงแรง ลงใจ ลงความคิด บริหารธุรกิจทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่การที่ต้องมานั่งไลฟ์สดขายของในออนไลน์
ถามว่าพอมาทำธุรกิจแล้วมีเวลาให้ลูกๆมั้ย?
ก็มีเวลานะ เพราะตรงนี้ก็มีหุ้นส่วนคอยช่วยดูแล เราก็มีเวลาให้เขาตามปกติ คือตอนนี้ เด็กๆ ก็โตกันหมดแล้วเนอะ ก็เลยคุยกันเข้าใจง่ายขึ้น แต่เราก็ช่วยกันดูลูก ทั้งจูน ทั้งพี่เปิ้ล อย่าง ออก้า ช่วงนี้พ่อเขาก็รับบทหนักหน่อย เพราะเขามุ่งไปด้านกีฬาเจ็ตสกี ก็เพิ่งไปคว้าแชมป์โลกรุ่นเยาวชนกลับมาเป็นปีที่ 2 (อันนี้แม่ปลื้มมากกก หัวเราะ) พอเด็กๆ โตขึ้น เขาก็ไปโรงเรียนกัน ชีวิตประจำวันเราก็จะมีเยอะขึ้น จูนก็เลยอยากหาอะไรทำเพิ่มเติม
ก็สงสารพี่เปิ้ลเขาแหละ ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวคนเดียว เราก็เลยมานั่งคิดว่า เราจะทำอะไรดี เพราะอย่างร้านอาหารตอนนี้ก็อยู่ตัวแล้ว ก็เลยมาคิดว่า จูนเอง ก็ทำเกี่ยวกับพวกสายบิวตี้มาก่อน ก็เลยมองว่าน่าจะหาอะไรที่เราเคยทำมา แล้วถนัดต่อยอดดีกว่า จนได้มาเจอกับเพื่อน แล้วเขาก็ชวนมาร่วมทุนใน The Touch Group ซึ่งเราก็มองว่า เอ้อมันเข้าทางของเรานะ น่าจะทำได้ดี ก็เลยปรึกษากับ พี่เปิ้ล แล้วก็มาลงทุนเพิ่ม ตอนนี้ก็ทำมาจะครบ 1 ปีแล้ว
และอีกหนึ่งธุรกิจที่ "แม่จูน" หมายมั่นปั้นมือมาตลอดระยะเวลา 1 ปี คือการไปร่วมทุน และนั่งแท่นบริหารธุรกิจ ศูนย์สุขภาพ และความงามครบวงจร The Touch Group ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นปี งานนี้เจ้าตัวไม่รอช้าตอบรับเทรนด์การดูแลสุขภาพ ด้วยการลงทุนควักกระเป๋า เปิดตัวผลิตภัณฑ์สกินแคร์เป็นการต่อยอดภายใต้ชื่อ Dr.Touchh โดยได้แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มานานกว่า 11ปี ร่วมคิดค้นขึ้นมา
ถามว่าควักกระเป๋าไปเท่าไหร่?
ไม่ขอพูดถึงดีกว่า แต่พี่เปิ้ลนั่งทำใจอยู่นานเหมือนกัน (หัวเราะ) คือจูนเป็นคนชอบเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว เพราะเราก็เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางมาก่อน เยอะเหมือนกันนะ พอเราได้มาร่วมทำธุรกิจสุขภาพความงาม เราก็เอ้อ! รู้สึกว่ามันตรงกับสิ่งที่เราเคยทำมา แถมยังได้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิดค้นให้อีก จูนว่ามันน่าลอง ก็จะรู้ๆ กันอยู่ว่าจูนเป็นคนตรง (ด่าพี่เปิ้ลก็คือด่าจริง...หัวเราะ) ฉะนั้นพูดได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ทำขึ้นมาจูนลองเองมาหมดทุกตัว ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ตีกลับ ไม่ได้อยากเอาชื่อเสียงของตัวเองมาขายของนะ แต่มันเป็นความจริงใจมากกว่า สกินแคร์จูนได้ทดลองใช้กับตัวเองมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดฝ้า กระ จุดด่างดํา ลดการอักเสบของผิว เติมคอลลาเจน รวมไปถึงครีมกันแดดสะท้อนแสง หรือจะกระตุ้นคอลลาเจน ลดการสะสมของแบคทีเรีย มาแบบครบวงจร
ถามว่าทำงาน ทำธุรกิจเยอะขนาดนี้ จะรวยไปไหน?
เศรษฐกิจสมัยนี้มันน่ากลัว ขึ้นๆลงๆ ไม่นิ่ง ทำอะไรได้ก็ต้องทำเพราะธุรกิจคือโอกาส เลยอยากจะต่อยอดให้กับคนที่กำลังหาโอกาส ด้วยการเปิดตัวโปรเจ็ค Agent The Touch สมัยนี้ธุรกิจมันก็มีเยอะเนอะ เราก็เข้าใจ ก็ยังคุยกับพี่เปิ้ลบ่อยๆ ว่าจูนอยากช่วยเขาทำมาหากิน เพราะเราก็ต้องเลี้ยงเจ้า 4 อออ่ะเนอะ (หัวเราะ...) ก็เลยอยากทำตามความถนัดของตัวเอง
ส่วนตัวมองว่า ธุรกิจที่ทำ มันก็เป็นโอกาสส่วนหนึ่ง แต่เราก็อยากแบ่งปันโอกาสเหล่านี้ให้กับคนอื่นๆ ด้วย ก็เลยคิดกับผู้บริหารคนอื่นๆ ว่า เราน่าจะเปิดโอกาสรับตัวแทนมาช่วยกันทำมาหากินอีกแรงดีมั้ย? ตรงๆ คือ นอกจากเราจะได้แล้ว คนอื่นๆ ที่กำลังหางานทำ ว่างงาน เขาก็มีโอกาสได้ทำงานหาเงินไปด้วย ทุกคนแหละ อยากทำงาน อยากมีเงินใช้ ก็เลยคิดเรื่องของตัวแทน เพื่อมาช่วยกันทำมาหากิน ก็อารมณ์แบบครอบครัวนั่นแหละ เขาได้ เราได้