เรื่องย่อ 'DOIBOY' หนังไทย Netflix กล้าเล่าเรื่องบุคคลไร้ตัวตน | คมชัดลึก

เรื่องราวสุดเข้มข้นที่น้อยคนนักจะกล้าเล่า "DOIBOY (ดอยบอย)" ในภาพยนตร์ฝีมือคนไทยโดย Netflix (เน็ตฟลิกซ์) ร่วมมือกับ "เนรมิตรหนังฟิล์ม" พร้อมอวดโฉมให้ผู้ชมทั่วโลกลุ้นเดินทางไปกับชีวิตที่ทั้ง เลือกไม่ได้ และไม่ได้เลือก เข้าฉายทางเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2024 

เรื่องย่อ DOI BOY : เล่าเรื่องราวของ "ศร" (อัด อวัช) เด็กหนุ่มที่ลี้ภัยเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และทำงานค้าประเวณีในบาร์เกย์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ชีวิตของเขาเริ่มสั่นคลอนเมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 บาร์ที่เขาทำงานประจำจึงต้องปิดตัวลง ศรต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนหารายได้ทางอื่นเพิ่มท่ามกลางอุปสรรคนานัปการ หนึ่งในนั้นคือการที่เขาไม่มีพาสปอร์ตเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย ทำให้ศรแทบหางานทำเพื่อประทังชีวิตไม่ได้

ขณะที่เงินเก็บก็เริ่มร่อยหรอลงทุกที หากแต่จุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อ "จิ" (เป้ อารักษ์) ลูกค้าประจำของศร ออกปากให้ศรช่วยทำภารกิจหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ "วุธ" (เอม ถาวรศิริ) นักกิจกรรมที่ทางการกำลังตามล่าตัว ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองอันแสนระอุที่ก่อตัวขึ้นในประเทศ ตลอดจนข่าวคราวการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักกิจกรรมคนอื่นๆ ชีวิตที่เลือกไม่ได้ บีบให้ศรไม่มีทางเลือกอีกครั้ง และการตัดสินใจในครั้งนี้ยังส่งผลให้ชีวิตของคนทั้งสามพลิกผันไปตลอดกาล

"DOI BOY" ผลงานของผู้กำกับชื่อดัง "นนทวัฒน์ นำเบญจพล" ที่มาลิ้มลองกำกับ และเขียนบทภาพยนตร์เองเป็นครั้งแรก หลังประสบความสำเร็จนำภาพยนตร์สารคดีหลายเรื่องไปคว้ารางวัลในระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย อาทิ ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง (Boundary) สายน้ำติดเชื้อ (By the River) และ ดินไร้แดน (Soil Without Land) จนได้รับแรงบันดาลใจมาสร้างผลงานในรูปแบบภาพยนตร์เรื่องแต่งครั้งแรก เพื่อล้วงลึกไปถึงประเด็นต่างๆ ในสังคมที่เขามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษจากการทำงานด้านสารคดี พร้อมทีมนักแสดงที่ทุ่มสุดตัวเพื่อบทบาทสุดท้าทาย นำโดย "เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ , อัด อวัช รัตนปิณฑะ , เอม ถาวรศิริ" สร้างความกลมกล่อม ชวนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวละครที่ไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮา และได้รับการพูดถึงอย่างมากในรอบ World Premiere ของ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน (BUSAN International Film Festival) ประเทศเกาหลีใต้ ทำสถิติขายบัตรชมภาพยนตร์หมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที พร้อมส่งให้ "อัด อวัช รัตนปิณฑะ" นักแสดงนำ คว้ารางวัล Rising Star Award ในงานประกาศรางวัล Marie Claire with BIFF Asia Star Awards 2023 มาครองเป็นรางวัลแรกในชีวิต

"นนทวัฒน์ นำเบญจพล" ผู้กำกับ เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ตอนทำงานในโปรเจกต์ที่เจาะลึกถึงชีวิตของทหารชาวไทใหญ่ อย่าง ดินไร้แดน (Soil Without Land) เราพบว่า คนไทใหญ่หลายคนไม่มีความฝัน และไม่รู้ว่าคนเราสามารถวาดฝันได้ด้วย สิ่งหนึ่งที่พวกเขาพอจะฝันได้คือการย้ายมาอยู่เชียงใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเป็นความฝันเดียวที่พอเป็นไปได้ แต่ก็มีอุปสรรคใหญ่คือการไม่มีเอกสารรับรอง ทำให้หลายๆ คนจบความฝันของตัวเองด้วยการทำงานในบาร์เกย์ เพื่อรับค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้อ" นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบวิธีการทำงานระหว่างภาพยนตร์สารคดีกับภาพยนตร์ขนาดยาวให้ฟังว่า "เวลากำกับภาพยนตร์สารคดี ผมจะใช้วิธีกำหนดประเด็นและให้เจ้าของเรื่องเป็นผู้นำในการเล่า พอยังไม่เคยกำกับภาพยนตร์ที่นักแสดงเป็นคนทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว ก็เลยยังไม่เคยมีประสบการณ์กำกับนักแสดงมาก่อน ผมจึงลองให้นักแสดงพัฒนาบทเองโดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ ของเรื่อง ซึ่งพวกเขาก็ทำให้ตัวละครมีมิติเพิ่มขึ้นมากครับ"

การรับบทเป็นผู้ลี้ภัยชาวไทใหญ่ที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ตัวตนในสังคม ทำให้ "อัด อวัช รัตนปิณฑะ" ที่เกือบจะละทิ้งการเป็นนักแสดง ค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ จนทุ่มเทศึกษาชีวิตของชาวไทใหญ่และธุรกิจการค้าประเวณี ซึ่งเขาได้พูดคุยกับผู้ที่ทำงานในบาร์เกย์ตัวจริง รวมถึงได้ฝึกพูดภาษาไทใหญ่ให้คล่อง เพื่อพาชีวิตในมุมมืดของศรออกมาให้ผู้ชมเห็นชัดมากที่สุด "ศร สามารถพูดได้ทั้งภาษาไทใหญ่และภาษาไทย เพราะอยู่เชียงใหม่มานาน แต่เวลาที่พูดไทยก็จะยังติดสำเนียงไทใหญ่อยู่ ผมฝึกพูดภาษาไทใหญ่โดยใช้วิธีอัดเสียงที่คุณครูสอนพูดไดอะล็อกต่างๆ แล้วพยายามจำแต่ละคำและดูวิธีการออกเสียง สำหรับการพูดภาษาไทยสำเนียงไทใหญ่ ผมจะฝึกผ่านการดูวิดีโอของยูทูปเบอร์ชาวไทใหญ่ที่มาอยู่ประเทศไทย แล้วเลียนแบบท่าทางและวิธีการพูด ผมฝึกด้วยตัวเองวันละหลายชั่วโมง ตื่นเช้ามาผมก็จะฝึกพูด จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ทำให้หลังถ่ายทำจบ ผมต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน กว่าจะกลับมาพูดภาษาไทยได้ชัดเจนเหมือนเดิม ทั้งหมดเป็นเพราะผมอยากเป็นตัวแทนของเหล่าผู้ลี้ภัยและทำให้คนได้รับรู้เรื่องราวของพวกเขาครับ"