ซีรีส์ 'สาธุ' ท้าความเชื่อ 'เจมส์ แอลลี่ พีช' ขายศรัทธา ปีนศาสนา สร้างเงิน
ภาพแรกของ 3 นักธุรกิจขายบุญรุ่นใหม่ไฟแรง และทีมงานคุณภาพ พนมมือรับบุญพร้อมกัน 'สาธุ' ซีรีส์ท้าทายความเชื่อ 27 มีนาคมนี้
ส่งภาพชุดแรกของ "สาธุ" ซีรีส์ท้าทายความเชื่อ พร้อมแล้วที่จะพาผู้ชมไปพบกับเส้นทางธุรกิจในโลกที่ศรัทธาเกิดได้ด้วยเงิน เตรียมมาร่วมอนุโมทนาและติดตามเส้นทางเศรษฐีของสามนักธุรกิจหน้าใหม่ที่จะมาสร้างเงินตราจากศรัทธาของสาธุชนได้ใน สาธุ 27 มีนาคมนี้ ที่ Netflix
"สาธุ" เล่าเรื่องราวของสามเพื่อนสนิทคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ต้องหาทางใช้หนี้ก้อนโตหลังสตาร์ทอัพของพวกเขาล้มไม่เป็นท่า จังหวะนั้นเองพวกเขาก็บังเอิญค้นพบโอกาสทาง "ธุรกิจ" ที่จะช่วยพวกเขาปลดหนี้ก้อนใหญ่โดยอาศัยช่องทางการหาเงินจากความศรัทธาในศาสนาของผู้คน
รู้จัก 3 นักธุรกิจ
- เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ รับบท "วิน" เด็กหนุ่มผู้เรียนไม่จบวิศวะคอม รับหน้าที่เป็นมันสมองของทีมในการวางแผนการตลาด
- แอลลี่ อชิรญา นิติพน รับบท เดียร์ ดีไซเนอร์สาวมากฝีมือผู้เชี่ยวชาญการทำกราฟฟิคและออแกไนซ์ เข้ามาดูแลในด้านพีอาร์
- พีช พชร จิราธิวัฒน์ รับบท เกม วัยรุ่นสร้างตัวฐานะร่ำรวยสายบู๊ที่พร้อมลุยทุกสถานะการณ์รับหน้าที่เป็นนายทุนคนสำคัญ ทั้งสามร่วมปลุกปั้นธุรกิจโมเดลใหม่ด้วยการเข้าไปพัฒนาวัดที่เคยเงียบเหงาอย่างวัดภุมราม ให้กลายเป็นแหล่งทำเงินแห่งใหม่
นอกจากนี้ สาธุ ยังมีตัวละครที่สำคัญอีกมากมาย
- พระดล รับบทโดย ปั๊บ พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข
- น้าแต๋ง รับบทโดย ติ๊ก ชาญณรงค์ ขันทีท้าว
- พระเอกชัย รับบทโดย เพชร เผ่าเพชร เจริญสุข
"วรรธนพงศ์ วงศ์วรรณ" ผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการสร้างซีรีส์เรื่อง สาธุ ไว้ว่า "ผมเติบโตและถูกเลี้ยงดูในครอบครัวที่นับถือศาสนาพุทธ อีกทั้งในช่วงวัยเด็กก็ได้เรียนวิชาพุทธศาสนา ซึ่งต้องมีการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญต่างๆ อยู่เป็นประจำ ได้ไป ได้เห็น วัดในหลายๆ ที่ หลายๆรูปแบบ ทำให้เราซึบซับมาเรื่อยๆ แต่พอเวลาเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน ความคิดเราก็ค่อยๆ เปลี่ยนและทำให้เราเกิดการตั้งคำถามกับสิ่งที่เราเห็น"
"จนเมื่อห้าปีที่แล้วผมได้เริ่มลองวางโครงเรื่องเรื่องนี้ และใช้เวลารีเสิร์ชอยู่นานมาก เพราะศาสนา ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว จริงๆแล้วมีอินไซด์ที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้ผมรู้สึกสนใจที่จะทำเรื่องนี้มากขึ้น ผมก็ค่อยๆ ลองเขียนบทและพัฒนาเรื่องมาเรื่อยๆ ซึ่งผมรู้สึกว่าตอนนี้สังคมเราเปิดกว้างทางความคิดมากขึ้น และคำถามที่เรามีกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในสังคม เลยคิดว่าน่าจะเป็นเวลาที่พอเหมาะที่จะถ่ายทอดเรื่องที่เราตั้งคำถามมาตั้งแต่เด็กๆครับ"