'หนุ่ม คงกระพัน' เปิดใจ 'เมฆ วินัย' ขอขมากรรม จัดคอนเสิร์ตต่อ หนี้สินหลักล้าน
'หนุ่ม คงกระพัน' สุดอาลัย 'เมฆ วินัย ไกรบุตร' ไม่คิดว่าจะจากไปเร็ว เปิดใจเรื่องขอขมากรรม ปมหนี้สิ้นหลักล้าน รำลึก คอนเสิร์ต เดินหน้าจัดต่อ มอบเงินให้ครอบครัวไม่หักค่าใช้จ่าย
เรื่องราวช็อกวงการบันเทิง การจากไปของ "เมฆ วินัย ไกรบุตร" พระเอกระดับตำนานหลังจากป่วยมานานกว่า 5 ปี ได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยจัดพิธีทางศาสนาที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ศาลา 10 ซอยวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ก.ท.ม. สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมศพในวันที่ 21-24 มีนาคม 2567 เวลา 16.00 น. เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป และพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 25 มีนาคม 2567 เวลา 17.00 น.
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางด้านของ "หนุ่ม คงกระพัน แสงสุริยะ" หนึ่งในเพื่อนสนิท เมฆ วินัย ได้ระบุข้อความไว้อาลัยผ่านเฟซบุ๊กว่า "เป็นอีกวันหนึ่งที่ยากเย็น…ผมอาจเสียใจแต่ก็เข้มแข็งครับ..และพยายามที่จะไม่คิดมากหรือเสียใจ….เพราะเข้าใจและยอมรับในกฏเกณฑ์ของธรรมชาติข้อนี้ดี…สิ่งที่ทำได้คือ …ตั้งสติและพยายามทำหน้าที่ในชีวิตของเราต่อไปให้ดีที่สุด…"
นอกจากนี้แล้ว "หนุ่ม คงกระพัน" ได้เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ และเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงวินาที่ที่รับทราบการจากของ เมฆ วินัย เล่าว่า "ก่อนเสียชีวิตมีโอกาสได้คุย กว่าสัปดาห์แล้ว เพราะรอบล่าสุดที่เข้าโรงพยาบาลอาการค่อนข้างหนัก แต่ไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้ ตอนนั้นมีอาการไม่รู้สึกตัว ความดันตก อยู่ในห้อง ICU จนเมื่อคืน รู้สึกนอนไม่ค่อยหลับ ตั้งแต่ก่อนเมื่อคืนวานด้วยซ้ำ จนเวลาเที่ยงคืนได้รับสายโทรศัพท์ รู้เลยว่าเป็นอะไรที่ไม่ดีแน่ และก็ทราบว่า เสียชิวิตแล้ว"
สาเหตุที่จัดพิธีแบบศาสนาพุทธ? : พิธีศพ อยากทำเป็นแบบคนพุทธ เพราะเคยคุยกันตั้งแต่ก่อนเสียชีวิตแล้ว ถ้าทำเป็นแบบนี้คนที่รักพี่เมฆจะมีโอกาสได้มาร่วมงาน เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ มีขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวดี ไม่ดีมาเป็นปีแล้ว ครั้งล่าสุด เหมือนจะดีขึ้น แต่ก็เข้าโรงพยาบาล เพราะเกล็ดเลือดไม่ดี ก็จะกังวลนิดนึง เราก็จะทำคอนเสิร์ตให้วันที่ 26 มีนาคม ยังคุยว่าจะผ่านคอนเสิร์ตไหวไหม
ครั้งล่าสุดที่คุยกัน? : "กับพี่เมฆคุยกันตั้งแต่หลายสัปดาห์แล้ว ปกติไม่ได้คุยด้วยกัน เขาเป้นคนเข้มแข็ง ต่อให้ไม่ไหวก็จะเข้มแข็ง เราเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้คุยทุกวัน ตอนหลังที่ป่วยมากๆ ก็ไม่ได้คุย จะถามผ่านเอ๋ แต่ไม่เคยนึกว่าจะไปเร็ว แต่ทราบว่าเป็นหนัก และเหนื่อย คือจริงๆ พี่เมฆเป็นคนที่ดูเหมือนจะโผงผางตรงไปตรงมา เหมือนนักรบบางระจัน ปากร้ายใจดี บางที่พูดไปไม่คิดอะไร แต่ที่จริงเขาเป็นคนที่อ่อนไหวมาก ขี้น้อยใจ ตั้งแต่ป่วย กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมาก เพราะเขาคือเสาหลักของครอบครัว แต่นี่คงจะสู้ไม่ไหวจริงๆ แต่ตลอดที่ป่วยมา 5 ปีที่ผ่านมา จากคนเป็นนักกีฬา ทำงาน ออกกำลังกายตลอด กลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งทำให้เขาเครียด"
ก่อนหน้านี้ที่ปรากฏภาพขอขมากรรม? : เรื่องการขอขมากรรม เป็นสิ่งที่เราพยายามหาวิธี เราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น มองว่า ทำบุญขอพร ไม่ได้เสียหลายอะไร ถ้าเรื่องหมดกรรมเป็นจริง ก็มีเหตุการณ์นี้อยู่ด้วย ไปเลย หมดกรรมไป แต่เรื่องนี้เราก็ไม่มีความรู้พอที่จะตอบได้ขนาดนั้น แต่ตอนนั้นเราก็โทรหาอาจารย์ไพศาลนะ ก็แนะนำให้ญาติพี่น้องไปปล่อยปลาทำบุญ ถ้าคนที่เชื่อเรื่องนี้จะเชื่อเรื่องการมีหลายภพชาติด้วยนะ นี่คงอาจจะหมดกรรมแล้วไปสบาย พวกเราที่เหลือทำบุญให้เขา เขาไม่ใช่คนที่ชอบดราม่า หรือต้องมาเศร้าเสียใจ และแย่มากขึ้น พยายามตั้งสติและใช้ชีวิตทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ตั้งแต่เขาป่วยมา เราก็มีความคิดว่า จะไหวไหมนะ ไม่ใช่ว่าทำใจไม่ได้ เผื่อใจไว้ตลอด (เสียงสะอื้น)"
คอนเสิร์ต เพื่อนมีไว้ทำไม ยังคงมีเหมือนเดิม ? : "26 มีนาคมนี้เป็นคอนเสิร์ตที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี เพื่อที่จะหารายได้ช่วยเหลือครอบครัวของพี่เมฆ และพี่เมฆ แต่พอมาเกิดเรื่องนี้ คอนเสิร์ตยังคงจะมีต่อไป ครอบครัวยังคงอยู่ และเชื่อว่ารายได้ทั้งหมดที่เราไม่หักค่าใช้จ่ายก็จะได้นำมาช่วยเหลือพี่เมฆยังเต็มที่ ที่เหลือก็เป็นศิลปินท่านอื่นๆที่มาช่วยกันคนละ 2-3 เพลง ชื่อ คอนเสิร์ต เพื่อนมีไว้ทำไม เพื่อรำลึก แต่มองว่าไม่อยากให้เศร้าโศกมาก เพราะเท่าที่รู้จักเขาไม่ใช่คนที่อยากจะให้ต้องมาอำลาเสียใจ เงินรายได้ทั้งหมดนำไปช่วยครอบครัว เมื่อกี้เราเข้าไปเจอเขา สะเทือนใจที่สุดคือเห็นลูกๆ เพราะเราก็มีลูก ตอนนี้เอ๋ก็จะเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว เอ๋เป็นผู้หญิงที่เก่งมาก และทำหน้าที่ภรรยาสมบูรณ์แบบมากๆ"
เรื่องหนี้สินของ เมฆ วินัย? : "ไม่เคยถาม เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว รู้ว่ามีเยอะ เพราะตลอดที่ผ่านมา ไปโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่าย และมีลูกสามคนที่ต้องดูแล ถ้าใครติดตามในโซเชียลจะรู้ว่าเขาพูดบ่อยๆ ก็เยอะนะหลักล้าน เรื่องคอนเสิร์ตใครว่างก็มา ทำตามกำลัง ศิลปินท่านอื่นๆก็มีโทรมาว่ายังจัดไหม ก็นั่นแหละ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เมื่อกี้เราเห็นภรรยาเขาก็รู้สึกภูมิใจ เข้มแข็งมาก พี่เมฆทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น"