บันเทิง

'ชูษี เชิญยิ้ม' อาศัยอยู่วัด จากคนกินเหล้า-เที่ยวหญิง ตอนนี้นั่งรอความตาย

'ชูษี เชิญยิ้ม' อาศัยอยู่วัด จากคนกินเหล้า-เที่ยวหญิง ตอนนี้นั่งรอความตาย

25 มี.ค. 2567

เปิดชีวิต ตลกดัง "ชูษี เชิญยิ้ม" ล่าสุดอาศัยอยู่ที่วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ กับหลวงพ่อสิ้นคิด จากคนกินเหล้าดูดบุหรี่เที่ยวหญิง เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

โดย  "ชูษี เชิญยิ้ม" บอกผ่านช่อง "เหลือเฟือชาเเนล" ว่า ที่มาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม ปี 2565 พร้อมเล่าย้อนว่าแท้จริงเป็นคนอยุธยา มีพี่น้อง 6 คน น้องตายไปแล้ว 3 คน (เป็นลูกติดของแม่) ตอนเด็กๆ ลำบาก พอโตมาก็ไม่ค่อยลำบาก เข้าวงการ 2516 อายุ 13 เข้ากรุงเทพฯ มาอยู่วงดนตรี เป็นนักร้อง จากการประกวด อยู่ตรงนั้นประมาณ 2 ปี แล้วย้ายวงไปอยู่ใต้ จากนั้นก็มาอยู่กับสายัณห์สัญญาก็โดนไล่ออกมาหลายครั้ง เพราะเมา จากนั้นก็ไปเล่นตลกกับวงศรชัย เมฆวิเชียร เล่นคาเฟ่เต็มตัวปี 2526 และมาอยู่เชิญยิ้มกับพี่เป็ดตอน 2529 แล้วก็ออกมาเป็นคณะชูษี ปี 2532 -2533 มาตั้งวงกับเท่งกับโหน่ง

ขอบคุณ เหลือเฟือชาเเนล

ทำไมมาอยู่ที่วัด จริงๆไม่ได้คิดมาอยู่ แต่หลวงตาถามกับผู้พิพากษา บอกจะเอาเราร้องไปเพลง จากนั้นก็ขึ้นมา กราบหลวงตาขอฝากตัวเป็นศิษย์ ตอนนั้นแค่อยากมาหา เพราะด้วยความที่อยากรู้ มานอนที่นี่ได้ 1 คืน วันรุ่งขึ้นกลับบ้าน จากนั้นแกถามว่าว่างไหม ถามว่ารับงานเท่าไหร่ เลยบอกว่าถ้าคนเดียวรับงาน 3 หมื่น ถ้าคณะก็ 6-7 หมื่น หลวงตาบอกจ้างคนเดียวให้ 5 หมื่น ออกค่าเครื่องบินให้ด้วย แต่ตอนนั้นเราติดงานไปไม่ได้ แต่สุดท้ายเราก็มาตัดสินใจมายอมทิ้งงานอีกที่ เพราะความรู้สึกอยากมา 

ขอบคุณ เหลือเฟือชาเเนล

จากนั้นก็ซึมซับ มาที 4-5 วัน มีครั้งนึงออกจากวัดร้องไห้โฮ หลวงตาบอกไม่รู้กูพูดอะไรไม่ได้ แล้วคำพูดแกมีนัยยะ แกบอกมันอยู่ที่บารมี (จากคนที่กินเหล้าดูดบุหรี่เที่ยวหญิง ทำไมเปลี่ยนขนาดนี้?) เพราะเราไม่ดีเราถึงมา คือเป็นคำพูดหลวงตา เราไม่มีปัญญาคิดคำเล่านี้ได้ บางคนได้ของ แต่เราไม่เคยได้ ที่เราโพสต์คือเราไม่ได้สอน แต่อยากเตือนเพื่อนศิลปินมากกว่า 

ขอบคุณ เหลือเฟือชาเเนล

ทุกวันนี้ตนก็ยังสูบบุหรี่ แต่ไม่กินเหล้า อยู่วัดก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็กวาด ขัดห้องน้ำ ตื่นเช้ามาก็บิณฑบาต ออกมาพูดเป็นกระบอกเสียงบ้าง ทุกวันนี้ก็ปักหลังอยู่ที่นี่ ถามว่ามีละครไหม ก็พูดกับหลวงตาว่าถ้าออกจากวัดต้องมี 5 หมื่น ต่อวัน งานอะไรก็ได้ มานั่งคิด 49 ปี ที่ใช้ชีวิตกินขี้ปี้นอนวนเวียนอย่างนี้เพราะอะไร เพราะเราไม่พอ เพราะกามราคะตัวนี้เลย

 

ตอนนี้มานั่งคิดข้าวมื้อนึงกูก็อิ่มแล้ว จะดิ้นรนทำไม ตอนนี้ 63 แล้ว ถ้าตายพรุ่งนี้ทำไง ที่มาที่วัดก็ทุกข์ คนเราจะมองไม่เห็นจนกว่ามานั่งปฏิบัติธรรม วันนึงเป็นชั่วโมง อยู่ที่ไหนก็ทำ ตอนนี้กำลังตัดความพอใจไม่พอใจ (ทำไมไม่บวช?) หลวงตาบอกนิสัยไม่เคยเป็นพระ หลายภพหลายชาติ แต่อยู่แบบนี้ได้ หลวงตาชอบพูดอะไรมีนัยยะ

ขอบคุณ เหลือเฟือชาเเนล

ชีวิตเราเคยพลาดตอน "อ๊อด ปากดี" โดนหาว่าเอาคนติ๊งต๊องมาหากิน มาชุบมือเปิบ ทั้งที่ตอนนี้มันมีรถมีบ้าน แต่เรามาอยู่วัด ใครจะว่าเราตกกระป๋อง หากินกับพระ เรายอมรับ จบที่เราเบาที่สุด ที่เห็นคนอื่นไม่ดี เพราะใจเราไม่ดี ด่าคนอื่นเหมือนด่าตัวเอง ทุกวันนี้ไม่ได้อะไร เหมือนมารอความตาย มาฝึกตาย อย่าสำคัญตนเพราะความคิด อย่ามัวแต่หาเงินจนลืมค้นหาใจตัวเอง 

ขอบคุณ เหลือเฟือชาเเนล