'ชมพู่ อารยา' ยอมถอยให้ 'เจ๊เกล' ไม่แน่ใจลูกไปโรงเรียน แม่จะร้องไหม
เปิดใจคุณแม่สุดฮอต “ชมพู่ อารยา” ถึงความปังของลูกสาวคนเล็ก “น้องแอบิเกล” หรือ “เจ๊เกล” ที่ตอนนี้แย่งซีนคุณแม่ไปแล้ว ทั้งดุ๊กดิ๊ก เต้นโยกก้นเก่งมาก
โดยคุณแม่ “ชมพู่ อารยา” เผยที่งาน L’Oreal Paris Worth It ว่า “ตอนนี้ต้องถอยให้ลูก (เป็นอันดับ 1 เอ็นเกตเมนต์ดีที่สุด?) แม่ต้องถอยให้ค่ะ”
คนรักทั้งประเทศเลย?
มันเร็วไปอะ รู้สึกว่า เฮ้ย! ทําไมโตเร็วจังเลย 2 ขวบกว่า แล้วก็ปีนี้ก็จะเป็นปีสุดท้ายที่แบบได้อยู่ด้วยกัน เพราะว่าเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนแล้ว
ในความรู้สึกที่บอกว่ามันเร็วคือ?
ก็คือเนื่องจากว่าเราอาจจะผ่านงานยากมาแล้ว เราผ่านเลี้ยงเด็กผู้ชายฝาแฝด อย่างตอนที่สายฟ้า-พายุเป็นเบบี๋ เราก็รู้สึกว่าแต่ละคืนกว่ามันจะผ่านไป 3 เดือนแรกมันคือแบบเมื่อไหร่มันจะผ่านไปสักทีว่ะไรเงี้ย ทุกคนบอกว่าเด็ก 3 เดือนแรกมันจะง่าย มันจะยากแล้วก็จะค่อยๆง่ายขึ้นไร แต่กลายเป็นว่าแบบพอมาเป็นพี่เกลเนี่ยก็คือทุกอย่างมันผ่านไปแบบเพราะว่าเรารู้สเต็ปรู้อะไรอย่างเงี้ยทุกอย่างแล้วก็เราก็รู้สึกว่าเออมันค่อนข้างเร็ว
กังวลในเรื่องความฮอตของเขาเวลาไปโรงเรียนไหม?
จริงๆไม่ค่อยกังวลนะคะเพราะว่าเวลาอยู่โรงเรียนเขาก็เป็นเด็กปกติ อย่างตอนพี่สายพี่พา ก็อยู่โรงเรียนเขาก็เป็นเด็กปกติ ที่โรงเรียนเขาก็ทรีตเด็กทุกคนเท่ากัน ยิ่งถ้าโรงเรียนอินเตอร์ก็ไม่ได้มีใครสนใจว่าใครเป็นใคร
กับเกลก่อนเข้าโรงเรียนเตรียมตัวยังไง?
จริงๆตอนที่พี่สายพี่พา 2 ขวบ ไปพรีเนอสเซอรี่ แต่ว่าคนนี้แม่ไม่ให้ไป ก็หนึ่งคือขี้เกียจรับส่ง 2 ที่ สองก็รู้สึกว่าเราผ่านมาแล้ว เราก็รู้ว่ามันต้องต้องอะไรประมาณไหน แล้วก็เขาก็ค่อนข้างที่จะพัฒนาการเร็วกว่าของพี่สายพี่พา เหมือนเป็นพ่อแม่มือใหม่ เราก็รู้สึกว่าโรงเรียนจะมีอะไรที่สามารถให้ได้มากกว่าที่พ่อแม่ ซึ่งถามว่ามันมีไหม มันก็มีฝึกเรื่องระเบียบวินัย เรื่องอะไรที่มันฝึกได้ดีกว่าอยู่ที่บ้าน แต่เกลก็รู้สึกว่ามันเร็วมาก ก็เลยอยากอยู่กับเขาอีกปีนึง แล้วเดี๋ยวค่อยให้ย้ายไปโรงเรียนเดียวกับพี่เลยปีหน้า จะได้ไม่ต้อง 2 ที่ ถ้าเขารับนะ ถ้า 3 ขวบถึงจะเข้าได้ ก็จะเป็นปีการศึกษาหน้า
เขารับรู้ไหมว่าเขาเป็นที่สนใจ?
จริงๆชมว่าเด็กเขาอาจจะไม่ได้รู้หรอกว่าเขาแบบเขาเป็นสตาร์นะ หรือว่าเขาเป็นแบบอะไรอย่างเงี้ย แต่คือเขารู้ว่าเขาได้ความรัก เพราะว่าภาษาของเขาอะคือเขา เขารู้แค่นั้น แต่ว่าเขาไม่ได้รู้หรอกว่าคนนี้ดูเขาในโทรศัพท์เขายังไม่รู้ แต่ว่าเขารู้ว่าเวลาเขาไปทํางานกับแม่ ทีมงานหรือว่าเพื่อนฝูงทุกคนช่วยกันเลี้ยงทุกคนรักเขา แบบว่าให้ความรักเขาอะ
ถ้าเขาเข้าโรงเรียนจะไม่ร้องเลยเหรอ?
ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะร้องหรือเปล่า แต่ว่าคิดว่าเจ๊ไม่ร้องมั้ง เพราะว่าทุกวันนี้เขาไปส่งพี่ที่โรงเรียน เขาก็จะเหมือนวิ่งตาม เขาจะอยากแบบไปโรงเรียน อยากสะพายกระเป๋า เวลาไปส่งพี่ก็คือเริ่มให้เล่นในสนามที่โรงเรียน แต่เขายังไม่รู้นะว่าเขารับเราหรือเปล่า แต่ว่าก็ให้คุ้นชินเอาไว้
พี่สองคนห่วงน้องบ้าง?
เขาก็รักน้อง เขาก็หวงน้อง แต่ว่าก็ตีกันทุกวัน ก็ตามประสาแหละ ถึงเวลารักก็รัก แต่ว่าถึงเวลาตีก็เต็มที่เหมือนกัน
แล้วแม่ห้ามยังไง?
ก็แล้วแต่สถานการณ์ คือบางทีก็จะบอกว่าให้ทนน้องหน่อย เดี๋ยวน้องก็โตแล้ว แต่ว่าบางทีก็จะต้องบอกน้องเหมือนกัน เพราะว่าเขาเริ่มที่จะรู้เรื่องแล้ว ก็เริ่มสอนเขาแล้วว่าเธอไปทําอย่างงี้กับพี่มันก็ไม่ถูก ก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็พูดซ้ำๆไป เขาก็วีน เขาเป็นดีว่าอยู่แล้ว เขาก็จะต้องมีตอบโต้มีอะไรอย่างเงี้ย ก็ไม่ใช่เด็กที่เรียกว่าจะว่านอนสอนง่ายขนาดนั้น ก็มีแบบมีฤทธิ์เหมือนกัน เราก็ต้องพูดซ้ำๆ พูดบ่อยๆ
มีงานติดต่อเยอะไหม?
ก็เอาที่เราแมเนจไหว ก็น่าจะเป็นของความเป็นไปได้ และ 2 ก็คือว่าผู้จ้างก็เข้าใจในเนเจอร์ของเด็ก ว่าเด็ก 2 ขวบ ข้อจํากัดเขาจะมีอะไรบ้าง จะทําอะไรได้บ้าง คือถ้าคาดหวังว่าจะทําได้แบบเหมือนแม่อะไรอย่างเงี้ย มันเป็นไปไม่ได้ ก็คือขอคนเข้าใจ จริงๆจะบอกว่าเอาเด็กไปงาน มันต้องเตรียมอะไรหลายๆอย่างหนึ่งคือมันต้องเป็นเวลาที่ เขาไม่ง่วงนอน เขาต้องกินอิ่มนอนหลับ ต้องจับเขานอนกลางวัน มาแบบ 2-3 ชั่วโมง ให้อารมณ์ดี สถานที่อย่างนี้ ก็คงไม่ไหว เพราะมันร้อนมาก ผู้ใหญ่ยังหงุดหงิดเลย เด็กมันก็ไม่ได้
เรื่องดุลูกมีประเด็นขึ้นมา?
เออคนเดียวเอง (เราวีนแรงจริงไหม?) แรงกว่านี้อีกค่ะ อยู่บ้าน (แม่ชมดุ?) ก็เรื่องจริง เพราะว่าพูดดีๆ 4-5 ครั้งแล้วมันก็ต้อง ก็แล้วสไตล์แหละค่ะ แล้วแต่แล้วแต่บ้านไรเงี้ยค่ะ แต่ว่าปกติเราก็พูดกันดีๆค่ะ แต่ว่ามันก็ตามเอเนอร์จีเด็ก (เป็นมนุษย์แม่ของแท้?) ใช่
ปีนี้ไปคานส์ไหม?
ปีนี้ก็ไปค่ะ ไปกลางเดือนนี้ค่ะ (ธีมของปีนี้จะเป็นยังไง?) สําหรับชมนะ คนอื่นว่ายังไงไม่รู้ แต่ชมว่าปีนี้ถูกใจตัวเอง แต่คนอื่นไม่ไม่ไม่รู้ยังไงเหมือนกัน แต่ว่าก็คิดว่าก็น่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง โจทย์ยากขึ้นทุกวันไหม คือด้วยความที่ว่ามันผ่านมาเป็น 10 ครั้งแล้ว คือถ้าจะคิดว่าต้องไม่ซ้ำไม่จําเจ หรือว่าต้องไม่ใส่สีนั้นไม่ใส่แบบนี้ ไม่ใส่ตัดฟูๆ คือชมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็คือขอเป็นอะไรที่มันตรงจริตเราตอนนี้ แล้วมันก็รู้สึกว่าใช่สําหรับเราตอนนี้เพราะว่ามันเป็นโมเมนต์นี้นาทีนี้