'เบนซ์' ร่ำไห้ ปมอาหารเสริม 'มิค' ถูกเตือน อย่าให้เสียถึงนามสกุลพระราชทาน
“มิค บรมวุฒิ” ควง “เบนซ์ พรชิตา” ขอพิสูจน์ความจริงและความบริสุทธิ์ หลังถูกร้องเรียนโฆษณาอาหารเสริมเกินจริง งานนี้จะถูกใครดิสเครดิตหรือไม่? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
อยู่วงการมากี่ 20 เกือบ 30 ปี ไม่เคยที่ทั้งคู่จะมีข่าวเสียหายเลย แม้แต่ข่าวเดียว แต่ตอนนี้อยู่ๆ โดนข้อกล่าวหาสามีภรรยาโฆษณาอาหารเสริมเกินจริง?
มิค : วันนั้นมีทั้งนักข่าวและเพื่อนๆ ที่เป็นทนาย ส่งมาให้ดูว่า เห็นอันนี้หรือยัง ว่าพรุ่งนี้จะมีบุคคลท่านนึงไปแจ้งความเรา ผมก็บอกจริงเหรอ ใช่ผมกับเบนซ์เหรอ
ตอนคนบอกว่าเป็นสามีภรรยา อ่านแล้วคิดมั้ยว่าเขาพูดถึงเรา?
มิค : ตอนแรกไม่คิด แต่ทุกคนที่ส่งมาบอกว่าคือพี่ เราก็คิดว่าไม่น่าใช่นะ เดี๋ยวรอดูพรุ่งนี้แล้วกัน ปรากฏว่า 10 โมงเช้าวันต่อมา เป๊ะเลย เหมือนที่เขาเรียนๆ พี่ๆ สื่อมวลชน ก็ใช่เราจริงๆ ด้วย
ตอนแรกที่รู้ รู้สึกยังไง?
มิค : รู้สึกว่าทำไมหวยมาตกที่เรา มันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในตลาดค่อนข้างเยอะ แต่มาลงที่เรา เราก็เออ แปลกดีเนอะ
แสดงว่าคิดว่าสิ่งที่เรารับทำหน้าที่ผู้ใช้จริงบวกพรีเซ็นเตอร์ คิดว่าไม่ได้ทำอะไรตามข้อกล่าวหา?
เบนซ์ : ความคิดเบนซ์นะ เป็นไปได้สองทางว่าคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าตามที่เบนซ์เคยพูดเอาไว้ คือ 2 เดือน เบนซ์ลงได้ 10 กิโลจริงๆ แต่เวลามันเป็นข่าว มันคือ 2 เดือน 15 กิโล ซึ่งเราไม่เคยพูด ซึ่งเบนซ์ทำไม่ได้อยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังลดไม่ถึง 15 กิโล บางคนอาจคิดว่าจริงเหรอ 2 เดือน 10 กิโลเป็นไปได้เหรอ บางคนอาจไม่ได้ แต่สำหรับเรามันเกิดขึ้นจริง เราก็รู้สึกว่าทุกครั้งจะพูดอะไรออกจากปาก เบนซ์จะระวังมากเลยนะ เพราะทุกครั้งที่พูดออกไปมันต้องเป็นเรื่องจริง และสามารถอธิบายได้ว่าเราทำอะไร อย่างผลิตภัณฑ์อันนี้ เราตั้งใจกินมันจริงๆ พอเราพูดหรืออธิบาย ไปดูในไลฟ์หรือสัมภาษณ์อะไรก็แล้วแต่ เบนซ์พูดเหมือนเดิมตลอด เพราะเราทำแบบนั้น พอเราพูดเรื่องจริง กี่รอบเราก็พูดเหมือนเดิม หนูลดอาหารตรงนี้นะ ทำแบบนี้นะ แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นไปได้ยากสำหรับหลายๆ คน บางคนไม่เชื่อว่าเราทำจริง มันเลยเป็นข่าวได้
ต้องไปแสดงความบริสุทธิ์ใจใดๆ มั้ย?
มิค : ไม่ต้องเลย เพราะวันนั้นเหมือนข่าวออกตอนเช้า เย็นนั้นเรามีงานเลโก้พอดี มีอีเวนต์อยู่แล้ว เลโก้ก็น่ารักมาก โทรมาถามว่าแคนเซิลมั้ย ยังจะมาอยู่มั้ย เราก็บอกว่าผมไม่มีอะไรปิดนี่ มันเป็นเรื่องจริงตามที่เราพูด เราสองคนพูดจากประสบการณ์ของเราจริงๆ ดังนั้นไม่มีปัญหา ผมไปเหมือนเดิมครับ แล้วไม่เคยคิดว่านักข่าวจะเยอะขนาดนั้น ต้องขอบคุณพี่ๆ นักข่าวที่มาให้กำลังใจและบอกว่าในฝ่ายของเราอยากพูดอะไรบ้างมั้ย เราก็เล่าให้ฟังว่าเรื่องเกิดมายังไง มีคนๆ นึงไปแจ้งความเราอย่างนี้ๆ เรื่องไปถึงไหนเราก็ไม่รู้จนทุกวันนี้ ตร.ก็ไม่ได้โทรมา อีกสักพักเขาอาจโทรมาฟังความฝั่งเราบ้างมั้ง
เรื่องยังไม่จบ เพราะมีภาพหลุดบอกว่าเบนซ์เคยไปดูดไขมันมา ไปตัดกระเพาะ สิ่งที่ทำให้หุ่นสเลนเดอร์ขึ้นเพราะแบบนี้ทำทุกอย่างแล้วมาหลอกลวงผู้บริโภค?
เบนซ์ : จริงๆ จะบอกว่าเคยทำมาหมดทุกอย่างแล้วเลย ในไลฟ์ก็พูด ทุกวิธีที่ลดน้ำหนักเราทำมาหมดแล้ว แต่เผอิญว่าหลังจากที่เรารับพรีเซ็นเตอร์ตัวนี้ ตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว ยังไม่เคยเข้าคลินิกอะไรที่เกี่ยวกับการลดน้ำหนักเลย
มิค : เบนซ์เคยทำเมื่อ 3 ปีกว่าที่แล้ว มันเกิน 3 ปีซะด้วยซ้ำ 3 ปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ มันกลับมาหมดไง กลับมาเยอะกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ สิ่งที่ท่านนั้นบอกว่าเขามีหลักฐานไม่น่าแปลก เพราะเราบอกกับพี่ๆ สื่อมวลชนว่าใช่ เบนซ์ทำจริง แต่หลายปีมาแล้ว ลองดูวันสิ
เบนซ์ : ถ้าพูดนี่คลินิกปิดเลยนะ (หัวเราะ) เพราะเราเสียตังค์เยอะ เราจ่ายเงินทุกที่ ไม่เคยทำฟรี ทำแล้วกลับมาหมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรอยู่จีรังเลย ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีอะไรก็ตาม ถ้าคุณยังกินเข้าไปเหมือนเดิม ไม่มีวันสวยแบบนี้ตลอดชาติ ไม่มีทาง เวลาเขาพูดว่ามีหลักฐานเราไปทำที่ไหน เอามาบอกได้นะคะ เบนซ์แค่รู้สึกว่าคนอยู่ใกล้ตัวเบนซ์ทุกคนจะเห็นตลอดพัฒนาการผอมอ้วนของฉันเป็นไงบ้าง เขาเห็นพัฒนาการตลอดเวลา
มิค : คนตัดกระเพาะจริงๆ ไม่สามารถกินได้แบบนี้ ถูกมั้ย
ถ้าทำ เบนซ์ออกมาทำงานไม่ได้ เพราะต้องมีเขียว มีอะไร?
มิค : แม้แต่วันนั้นที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวกับคนที่ตอบโต้เวลาดูเราไลฟ์ เขาบอกว่าลองกลับไปดูรายการสดอย่างคุยแซ่บโชว์ที่เบนซ์ออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต.ค. จนถึงตอนนี้ดูสิ จะเห็นเลยว่าเขาค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ ซึ่งน่ารักมาก นี่คือแฟนๆ เราบอกว่าไปเอาคลิปนี้ซึ่งเป็นรายการสดตลอดเวลา เอาไปให้ทุกคนดูได้เลย น่ารักมาก
เห็นถึงความพยายามพี่เบนซ์ พี่บอกเลยว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจเลย?
มิค : คุณกินยังไงก็หุ่นอย่างนั้น
พอมีข่าวออกมามีผลกระทบอะไรบ้างมั้ย?
เบนซ์ : เฮ้อ (ถอนใจ) เบนซ์ซีเรียสมากๆ
มิค : เราเป็นครอบครัว เรามีลูก คนจะมองลูกๆ เราอีก พ่อแม่โกหกเหรอ ทั้งที่เราไม่เคยโกหก เราพูดแต่ความจริง แล้วเชื่อมั้ยเราเกิดมา 40 กว่าปี ไม่เคยโดนญาติผู้ใหญ่โทรมาหา บอกว่ามิคลูก ย่ารู้ว่ามิคไม่ได้ทำ แต่อย่าให้เสียถึงนามสกุลเรานะ นามสกุลเรารัชกาลที่ 6 พระราชทานให้นะ ทั้งชีวิตผมไม่เคยทำอะไรให้ต้องเสียอย่างนั้น แต่ประเด็นคือแค่บุคคลท่านนึง ผมต้องคอยมานั่งฟังผู้ใหญ่ในครอบครัวมาตักเตือน จริงๆ มันไม่ค่อยแฟร์นะครับ
ห่วงความรู้สึกลูก?
เบนซ์ : ใช่ จริงๆ แม่ๆ ที่โรงเรียนเราไปส่งลูกทุกวัน เขาเจอเราทุกวัน เบนซ์ไม่ห่วงแม่ๆ ที่โรงเรียนเลยนะ เพราะเขาเห็นเบนซ์เดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอม เห็นทุกพัฒนาการของเรา จนเราค่อยๆ ตัวเล็กลง เขาเห็นหมด ตรงนี้เบนซ์ไม่ห่วง เพราะเขารู้ว่าเบนซ์เป็นคนพูดตรง อันไหนดีก็บอกว่าซื้อ ไม่ดีก็อย่าซื้อ แต่ข้างนอกเอาตรงๆ เลยนะ พอมาอยู่ตรงนี้ จะบอกว่าโกรธไม่โกรธ แต่เบนซ์โคตรเสียใจ การทำงานตรงนี้ ทำให้ชื่อเสียงมันไม่โอเค
มิค : เราสองคนพยายามทุกวิถีทางให้มันอยู่ได้นานที่สุด เพราะเรารัก และเราไม่เคยโกหกใคร ถ้าดีจริงเราจะบอกต่อ แต่ถ้าไม่ดีจริงเราก็พูดตรงๆ วันนั้นวันเกิดเหตุ มิคลองไลฟ์คุยเลย เชื่อมั้ย100 เปอร์เซ็นต์เข้ามาให้กำลังใจ ไม่มีใครเชื่อเลยกับสิ่งที่เป็นข่าวออกไป ทำให้รู้สึกขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเราสองคน และฝากบอกเบนซ์ให้สู้ๆ เพราะวันนั้นเบนซ์บอกว่าขอนอนก่อน ขอนอนกอดลูกก่อนได้มั้ย
เบนซ์ : (ร้องไห้) เบนซ์รู้สึกว่าเราไม่เคยทำร้ายใครเลย เบนซ์ไม่ชอบเวลาที่รู้สึกว่าเราโดนรังแก บางครั้งเวลาเราทำดี หรือเราพยายามจะไม่ทะเลาะกับใครเลย พอเราเหมือนโดนรังแก เราคิดอย่างเดียวเลยว่าเวรกรรมมีจริงนะ รู้เปล่า (ร้องไห้) ไม่รู้จะพูดยังไง เราพูดไปก็เหมือนแก้ตัว แต่เราแค่รู้สึกว่าทำอะไรคุณจะได้แบบนั้นเลย ไม่ชอบการโดนรังแก
มิค : จากผมไม่ค่อยโกรธมาก ยิ่งเห็นเขาเป็นแบบนี้ ผมโกรธหนักกว่าเดิม ผมยังไม่เคยทำให้เขาร้องไห้เลย แล้วคุณเป็นใคร มาทำให้ภรรยาผมร้องไห้ ถ้าภรรยาผมผิด ผมเป็นคนแฟร์พอนะ ผมเป็นคนด่าเองซะด้วยซ้ำ แต่ตลอด 20 ปีที่คบกันมา ผมยังไม่เคยทำเขาร้องไห้เลย คุณเป็นใคร
บอกให้เปิดหลักฐานโชว์ไปเลยว่ามีแผลอะไรในตัวบ้าง เบนซ์บอกไม่จำเป็นต้องเปิดหรอก ถ้าคนจะเชื่อเขาก็จะเชื่อเรา แต่ถ้าคนคิดจะแกล้ง เราพูดไปเขาก็หาว่าเราแก้ตัว?
มิค : สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมาก คือเรายังมีความสุขได้ในทุกๆ วัน เพราะกำลังใจจากทุกๆ คนที่หนาแน่นเหมือนเดิม ทำให้รู้ว่าคนที่คล้อยตามที่เป็นข่าว เขาไม่ได้รู้จักเรา และนั่นเป็นคนส่วนน้อย จริงๆ เขาไม่ผิดนะ เต็มที่เลย แต่ถ้าวันนึงคุณรู้ความจริง คุณไม่ต้องขอโทษด้วย แค่คุณเปลี่ยนใจว่าเราสองคนพูดเรื่องจริง ขอแค่คุณคิดแค่นั้นพอ
คนๆ เดียว มาทำร้ายความรู้สึกของคนดีๆ แบบนี้ ทำได้ยังไง?
เบนซ์ : พูดตรงๆ เบนซ์เป็นคนซื่อสัตย์มากนะ ทุกอย่างที่พูดออกไปเบนซ์คิดทุกครั้ง เพราะเบนซ์รู้ว่ามันจะอยู่กับเราตลอดไป แล้วภาพที่ออกไปแล้ว คุณลบให้เราด้วยนะ ถ้าเราไม่ผิด เบนซ์ไม่อยากโกรธเลยนะ มันจริงไม่จริงไม่มีใครรู้เลย แต่พอเปิดไปแล้ว คนครึ่งนึงก็ต้องเชื่อแล้วว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะพอพาดหัวมันพาดแค่นิดเดียว แต่อาจไม่ได้อ่านข้างใน อาจไม่มีใครรู้ความจริงด้วยซ้ำว่าสรุปฉันทำหรือเปล่า ฉะนั้นเบนซ์แค่รู้สึกว่า อย่างที่เบนซ์พูด เวรกรรมมีจริง ขอพูดอีกหลายๆ รอบ ใครคิดไม่ดีหรือคิดจะทำร้ายกัน หรือคุณไม่มีปัญญาทำอะไรที่สู้กันได้ ก็หาวิธีอื่นดีมั้ย ถ้าจะทำแบบนี้ ทำอะไรก็ได้แบบนั้นเลยนะ
เคยมีปัญหาหรือข้อขัดแย้งอะไรกันหรือเปล่า?
เบนซ์ : ไม่เคยทะเลาะกับใครเลย ให้ตายเหอะ
มิค : ไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จัก เราไม่ชอบทะเลาะกับใคร
คนเชื่อก็มี คนไม่เชื่อก็มี แล้วจะจัดการกับเขายังไง จะฟ้องมั้ย?
มิค : ตอนแรกไม่อยากทำอะไรเลย อยากอยู่ของเราเฉยๆ ให้เรื่องนี้จบไปแล้วมันเงียบ แต่ทีนี้มันไม่จบ เขาก็ยังต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ฟ้องไม่ฟ้อง มิคขอไปปรึกษาทนายอีกทีดีกว่าว่าจะเอายังไง เราไม่อยากทะเลาะกับใครเลย แต่การที่คุณมาทำให้คนที่เรารักต้องมานั่งเสียน้ำตา ทำให้คนที่รักเรา เริ่มมีข้อสงสัยหรืออะไรกับครอบครัวของเรา แล้วมันอาจลามไปถึงลูกๆ ผม ผมก็ไม่รู้ ขอปรึกษาทนายผมก่อน
มีผลกระทบกับเรื่องงานมั้ย?
มิค : มีอันนึง ผมกำลังจะไปทำพิธีกรที่ญี่ปุ่น ผมทำพิธีกรโปรโมตเมืองให้ญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้ว หลายปีด้วย ผมกำลังจะไปสิ้นเดือน หลังเกิดเหตุ รัฐบาลญี่ปุ่นโทรมาหาที่เมืองไทยเลยว่า เกิดอะไรขึ้น เปลี่ยนคนทันมั้ย แต่ดีกว่านั้น คนญี่ปุ่นเองรวมถึงคนที่ดูแลโปรเจกต์นี้ ร่วมด้วยช่วยกัน โดยการโทรมาคุยกับผมตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น พอผมอธิบายทุกอย่าง เขาบอกว่าโอเคขอเวลาแป๊บนึง ขอกลับไปอธิบายทางการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นก่อน อธิบายปุ๊บ 5 นาทีกลับมา บอกว่าโอเค ไฟเขียวทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะเขาบอกว่าตลอดหลายปีที่เราทำงานให้ประเทศญี่ปุ่นมา เราไม่เคยมีข่าวเสียหาย แล้วเขาก็คงให้คนญี่ปุ่นที่อยู่ฝั่งเมืองไทยเช็กข่าวแล้ว ทางนี้ก็ยืนยันว่าทางเราไม่มีอะไรเสียหาย เป็นการถูกกล่าวหาเบื้องต้นเฉยๆ เขาเลยบอกไม่เป็นไร บินมาทำงานเหมือนเดิม
อยากบอกอะไรคนคอยซัพพอร์ต?
เบนซ์ : จริงๆ ต้องขอบคุณ พอมีเรื่องเราก็ไปไลฟ์ 99 เปอร์เซ็นต์ดีกว่า ให้กำลังใจ และบอกว่ายังเชื่ออยู่นะ เขารู้ว่าเราพูดจริงๆ นะ ถ้าไม่ดีก็จะบอกว่าไม่โอเค อย่าทำเลย อันนี้ดีกว่า อันนี้ไม่คุ้ม เราก็พูดตรงๆ ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม แค่นี้ก็ดีใจมากๆ แล้ว ขอบคุณมากๆ นะทุกคน
มิค : ตอนแรกที่ออกข่าว ไลน์เครื่องเดียวของมิค 6 พันกว่าข้อความ ทุกคนส่งมาแบบไม่เชื่อ มีอะไรให้ช่วยบอก ที่เราเคยเป็นทหาร ตำรวจ เขาก็ติดต่อมาหมดทุกคนจริงๆ ก็ขอบคุณบูมพี่หนิง เพื่อนๆ ทุกคนที่เข้าใจเรา และรู้จักเรา ขอบคุณทุกคนมากกว่าที่ไม่ได้เชื่อทางโน้น เชื่อเราเหมือนเดิม
เบนซ์ : คนที่ไม่เชื่อเบนซ์ก็ไม่ได้อะไรนะ เบนซ์ว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเราเป็นคนยังไง ที่พูดไปมันจริงหรือเปล่า