"แอน มรกต" เผยสัมพันธ์ "หนู เชิญยิ้ม" บอกเหตุผลผ่านมา 20 ปีทำไมเพิ่งออกมาพูด!
อดีตเซ็กซี่ตัวแม่ "แอน มรกต" สร้างความตกใจให้แฟนๆ อีกครั้ง เมื่อออกมาเคลียร์ความสัมพันธ์กับอดีตตลกดังผู้ล่วงลับ "หนู เชิญยิ้ม" ครั้งแรก หลังผ่านมา 20 ปี
กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก เมื่อ "แอน มรกต มณีฉาย" เซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ของวงการบันเทิงไทย ได้ไปออกรายการ "คุยแซ่บshow" แล้วเฉลยความสัมพันธ์กับ "หนู เชิญยิ้ม" ตลกผู้ล่วงลับ หลังเวลาผ่านมา 20 ปี
ช่วงนี้มีความเดือด เห็นว่ามีบางสื่อเอารูปเราไปลงแล้วเกรียนคีย์บอร์ดมันก็ถล่มเราเกิดอะไรขึ้น?
"ปกติพี่ไม่ค่อยเล่นโซเชียล เล่นน้อยมาก บังเอิญมีอยู่วันนึงเพื่อนเห็นภาพของแอนลงในโซเชียล เขาก็เลยแชร์มาให้ บอกให้แอนลองไปอ่านคอมเมนต์ดู เปิดเข้าไปอ่าน มันมีคอมเมนต์เยอะไปในทิศทางที่ดีแล้วก็บวก แต่ก็มีบางคอมเมนต์ที่รู้สึกว่าแรงสำหรับแอน เรารับไม่ได้ เห็นครั้งแรก บอกตรงๆ ว่าขึ้นเลย คือโกรธมาก"
เป็นคอมเมนต์ประมาณไหน?
"แอนรู้สึกว่ามันเหยียด เราคิดว่าการที่เขาคอมเมนต์แบบนี้ เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของแอน แอนรู้สึกว่าทำไมเขาวิจารณ์เราแรง จริงๆ เขาคอมเมนต์เรื่องของแอนกับพี่หนู ว่าแบบเมียเก่าตลกของหนู เชิญยิ้ม หรือว่า เสียของ เสร็จหนู เชิญยิ้มไปแล้ว"
อันนี้แหละที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเค?
"ปรี๊ดมาก ต้องลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง"
ประโยคพวกนี้ ที่เกี่ยวข้องกับพี่หนู เสียของ หรืออะไรก็ตาม ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเราถูกเหยียด?
"แอนรู้สึกว่าคนที่เข้ามาคอมเมนต์ส่วนใหญ่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ผู้หญิงจะเป็นคอมเมนต์ที่น่ารักมาก แต่พอคอมเมนต์ผู้ชายบางคอมเมนต์ แบบเมียตลก เสร็จหนูไปแล้ว เสียดายของ มันมีความรู้สึกว่าเป็นการเหยียดเรา วิจารณ์เราแรง จะบอกว่าวิจารณ์ได้แต่จะต้องไม่ทำให้เราเสียหาย แบบนี้มันทำให้เราเสียหาย เพราะเรารู้สึกว่าคุณไม่ได้พูดความจริง และสิ่งที่คุณกำลังทำขณะนี้ มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของแอน และที่สำคัญคุณนำข้อความอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาควรจะทราบว่ามันผิดกฎหมายอยู่แล้ว และแอนก็คิดว่าแอนควรปกป้องตัวเองเหมือนกัน และสิ่งที่เขาคอมเมนต์มันไม่ให้เกียรติแอน และไม่ให้เกียรติตัวพี่หนูด้วย เพราะเขาเสียชีวิตไปแล้ว เขาไม่มีโอกาสที่จะมาชี้แจง แอนอยากให้เขาให้เกียรติคนที่เสียชีวิตไปแล้ว"
ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ ก็เลยรู้สึกว่าเราโดนดูถูก ดูแคลน มาทั้งชีวิต ?
"มันก็มีบ้าง แล้วแต่คนจะคิด ด้วยภาพลักษณ์ของเราที่ออกไป คือถ่ายภาพเซ็กซี่ แนวเซ็กซี่เยอะมาก มันคือการพรีเซนต์ในงานของเรา บางคนก็มองเราในมุมมองที่ไม่ดี มองด้านลบ ก็อาจจะมองว่ากล้าถ่ายภาพขนาดนี้จะต้องเป็นคนแรง หรือจะต้องเป็นคนที่ใจกล้ามากๆ หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็นเมียเก็บใครหรือเปล่า เป็นเมียน้อยใครไหม ด้วยความที่เขาคิดว่าภาพเซ็กซี่มันคงไม่พ้นแบบนี้"
เห็นว่าไม่ได้โดนแค่เบื้องหลังต่อหน้าก็โดนดูถูกเหมือนกัน ?
"มีค่ะ เคยมีการมาสัมภาษณ์จากสื่อหนึ่ง เราก็ดีใจที่เขาสนใจ มาขอสัมภาษณ์เรา ทีนี้พี่ไม่ได้ให้คิวเขา แต่ถ้าเกิดเขาจำเป็นที่จะต้องมาสัมภาษณ์จริงๆ พี่จะให้เขามาสัมภาษณ์ช่วงที่พี่สแตนบายหลังเวที ให้เวลาสัมภาษณ์ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่เราก็แสดงความจริงใจว่างานเราเยอะ แต่เราก็พยายามแบ่งเวลาให้ แล้วเวลาที่เขาสัมภาษณ์ ปฏิกิริยา ที่เขาแสดงออกกับเรา เป็นการดูถูกเรา คือเขามองตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วคำสัมภาษณ์ต่างๆ มันเป็นการเหยียด เช่น คิดยังไงที่มาถ่ายโป๊ ทำไมถึงกล้ามาถ่าย มันเป็นคำถามที่เรารู้สึกว่า มันแรง แล้วก็รู้สึกว่า ในคำถามมันมีความเหยียด"
ด้วยยุคนั้นสังคมไม่ได้เปิดกว้าง ?
"คือในยุคนั้นถือว่าโป๊มาก โป๊ขนาดที่บ้านแอนรับไม่ได้ เขารู้สึกว่ามันแรงแล้วเขารับไม่ได้ แต่ในยุคนี้อาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา"
ถ้าย้อนไปภาพของพี่แอนที่เป็นลุคแบบนั้น แล้วโดนคำดูถูก มันเป็นปมในใจมาถึงปัจจุบันหรือเปล่า?
"เรารู้สึกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป สิทธิมันเท่าเทียมกัน แต่ละอาชีพก็เป็นอาชีพสุจริต เราก็คิดว่าไม่ควรดูถูกอาชีพของคนๆ นั้น ซึ่งในขณะนั้นที่เราถ่าย 1.มันเป็นอาชีพของเรา มันเป็นงานของเรา ถึงแม้ว่าหลังจากที่เราทำงาน พี่ไม่ได้ถ่ายแบบ พี่ก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊ แม้กระทั่งการไปว่ายน้ำที่สระ แอนยังไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำเลย จะใส่เฉพาะที่ถ่ายจริงๆ เพราะไม่ถ่ายแล้วก็มีเสื้อคลุม เราไม่ได้แบบใส่ชุดว่ายน้ำแล้วเดิน ให้คนเห็นว่าเราโป๊"
หนู เชิญยิ้ม
แอน มรกต
เมื่อกี้บอกว่าที่บ้านรับไม่ได้ แล้วคุยแค่ที่บ้านเข้าใจยังไง?
"ตอนนั้นแอนไม่ได้คุย ช่วงนั้นงานเยอะจริงๆ ไม่คิดว่าที่บ้านเขาจะทราบ เพราะในยุคนั้นสื่อสารจะต้องผ่านหนังสือพิมพ์หรือทีวี แล้วที่บ้านอยู่ต่างจังหวัดมันค่อนข้างกันดาร การสื่อสารต่างๆมันไม่ค่อยถึงเราก็คิดว่าเขาไม่ทราบ บังเอิญมันมีวันนึงที่เขาทราบขึ้นมา แล้วเขาก็ยอมรับไม่ได้ แต่หลังจากที่เรารับงานถ่ายแบบแล้วมันมีงานเข้ามาเยอะมาก ทั้งหนัง ละคร มีภาพยนตร์ที่ อาหลองเรียกเราไปร่วมแสดงด้วย ทำให้งานมันหลากหลายมากขึ้น แล้วมันมีช่วงที่เราพีค ได้ออกอัลบั้มเพลงด้วย เลยทำให้ที่บ้านเข้าใจมากขึ้น"
อยากเปลี่ยนภาพพจน์เซ็กซี่ของตัวเอง ก็เลยเริ่มเปลี่ยนในหลายๆ อย่าง?
"ใช่ค่ะ ก็พยายามปรับตัว พยายามจะไม่เซ็กซี่มาก"
หลายคนเข้าใจผิด และไม่เคยได้ออกมาพูด กับการคบกับพี่หนู?
"จริงๆในช่วงนั้นมันเป็นยุคสมัย ในช่วงนั้นที่แอนเป็นข่าว เรียกว่าเป็นคู่จิ้นแล้วกัน ช่วงนั้นด้วยเรามีผลงานออกมาร่วมกัน ก็เลยถูกจับวางให้เป็นคู่จิ้น เขาเรียกว่าเทคนิคในการนำเสนอในยุคนั้น เพื่อที่จะทำให้มันน่าสนใจ เพราะถูกนำเสนอไปในเชิงคู่จิ้นแล้ว มันก็มีงานเข้ามาต่อเนื่องมาก เช่นออกรายการทีวีคู่กัน หรือถ่ายนิตยสารร่วมกัน จะมีงานโชว์ตัวร่วมกัน ขึ้นเวทีด้วยกัน จะมีภาพคู่เยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นรับเชิญไปโชว์ตัวที่นั่นที่นี่ตามต่างจังหวัด ทั้งประเทศเลย"
เมื่อก่อนคนจะไม่เข้าใจเรื่องคู่จิ้น คิดว่าเป็นคู่จริง เวลาเราไปออกงานเราแนะนำคู่ของเราในฐานะอะไร?
"ไม่เคยแนะนำค่ะ ทุกคนจะมองว่าเป็นคู่อยู่แล้ว เพราะว่าด้วยกระแสในช่วงนั้นที่แรง คนก็จะเข้าใจแบบนั้น เอาเป็นว่าในยุคนั้นถือว่าเป็นคู่จิ้น และรับงานคู่กัน เรียกว่าเพื่อนร่วมงาน"
สรุปเป็นแฟนกันไหม?
"ไม่ได้เป็นค่ะ เป็นคู่จิ้นในการนำเสนอผลงาน และที่สำคัญพอร่วมงานเยอะๆ เราก็กลายเป็นเพื่อนร่วมงานกัน"
พอรับงานคู่เยอะๆ มันเคยมีความคิดที่จะข้ามเส้น ระหว่างพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน มีการจีบกันบ้างไหม?
"มันคงไม่ได้จีบ เพราะว่าเจอทุกครั้งเราเจอเฉพาะในงาน ไม่ได้เจอเวลาส่วนตัว เพราะฉะนั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่จะเป็นความรู้สึกส่วนตัว มันเป็นความรู้สึกที่ร่วมงานกันมากกว่า"
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตได้คุยกันไหม ครั้งสุดท้ายที่คุยกันคุยกันว่าอะไร?
"ไม่ได้คุยเลย เพราะช่วงงานเฟด ทุกอย่างก็เริ่มเฟด ปกติเราก็ไม่ได้คุยอยู่แล้ว แต่ทีนี้พอเรามาเห็นคอมเมนต์ เรารู้สึกว่ามันเป็นคอมเมนต์ที่ไม่น่ารักเลย มันเป็นการไม่ให้เกียรติ และที่สำคัญคนที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว ถ้าเป็นแอน แอนจะพยายามไม่เอ่ยถึง ถือว่าเป็นการให้เกียรติเขานั่นเอง ดูคอมเมนต์แต่ละอย่างดูเป็นการไม่ให้เกียรติ คือล้ำเส้นกันมากเกินไป และที่สำคัญอยากให้เกียรติตัวแอนเองเช่นกัน แอนยังอยู่ เพราะฉะนั้นคอมเมนต์อะไร ก็อยากให้นึกถึงความรู้สึกของแอนด้วย ว่าตอนนี้คุณทำให้แอนรู้สึกแย่ ให้มีขอบเขตกันนิดนึง คอมเมนต์ได้แต่ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน"
ณ ตอนนั้น การเป็นคู่จิ้นระหว่างพี่แอนกับพี่หนูจบลงยังไง?
"งานมันเฟด ต่างคนก็ต่างเฟดไป ตัวเขาเองก็งานเยอะ แอนก็มีงาน ก็มีทั้งงานโชว์เดี่ยวและโชว์คู่ บางช่วงพอกระแสมันเริ่มเฟด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานเดี่ยวมากกว่า แทบจะไม่ค่อยได้คุยเลย"
ตอนที่เรารับงานเป็นคู่จิ้น เราทราบกระแสภายนอกไหมว่าเค้าเชื่อไปแล้ว ว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ?
"จริงๆกระแสภายนอกแทบจะไม่ทราบเลย เพราะในยุคนั้นไม่มีโซเชียล เลยไม่ทราบว่าเค้าคอมเมนต์ถึงเราหรือพูดถึงเราแบบไหน ทุกคนจะทราบข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ สื่อทีวี หรือนิตยสารต่างๆ ก็จะเข้าใจในแบบนั้น พอมาถึงวันนี้ พี่หนูเสียชีวิตไปแล้วไม่มีโอกาสได้ชี้แจง แอนถือโอกาสนี้ชี้แจงแทนพี่หนูไปเลย แอนชี้แจงในมุมของแอนด้วย พยายามไม่อยากพาดพิงถึงใคร ไม่อยากให้มันมีผลกระทบ อยากชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อเป็นความเข้าใจที่ตรงกัน ว่าแอนกับพี่หนูเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นคู่จิ้นในยุคนั้น แค่ร่วมงานกัน"
พี่หนูเสียชีวิตไป 20 ปี ทำไมถึงเลือกออกมาชี้แจงทั้งที่ผ่านไป 20 ปีแล้ว?
"จริงๆเรื่องนี้แอนลืมไปนานแล้ว แอนลืมไปด้วยซ้ำว่ามันเคยมีกระแสตรงนี้อยู่ มันมาปลุกความรู้สึกของเรา เพราะว่าเรามาเห็นคอมเม้นต์แย่ๆ แบบนี้ ทำให้เรารู้สึก ทำไมคนยังคิดถึงตรงนี้อยู่ ทำไมคนยังไม่ลืม แอนเคยชี้แจงไปครั้งหนึ่ง ตอนนั้นยังเป็นกระแสกับพี่หนูอยู่ ก็ชี้แจงผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ไปครั้งนึง แอนก็คิดว่าเดี๋ยวพอกระแสมันเฟคไป คนก็จะลืมไปเอง"
ตอนนั้นที่ชี้แจงไปกระแสเป็นยังไง ?
"ไม่ทราบ เพราะแอนชี้แจงผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วโลกโซเชียลตอนนี้มันทำให้เราเห็นมุมมองหลายมุมมองแสดงว่าคนไม่ได้ลืมเรื่องนี้เลย ยิ่งทำให้เขาเข้าใจผิด แล้วคอมเมนต์กันบางทีมันดูไม่น่ารัก ก็เลยคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องชี้แจง และพูดความจริง ทุกคนจะได้ทราบตรงกัน จะได้ไม่มีปัญหาและคอมเมนต์แบบนี้อีก แต่ก็อยากจะแจ้งให้ทราบ ณ เวลานี้ หลังจากที่แอนชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว ถ้ามีการคอมเมนต์ เป็นการล้ำเส้นกันแบบนี้อีก เป็นการละเมิดกันแบบไหนอีก จะต้องยื่นฟ้องเหมือนกัน แล้วคนที่คอมเมนต์ก่อนหน้านี้ คนที่จุดประเด็นเรื่องนี้ เราต้องออกมาในรอบ 20 ปี ทั้งที่เราไม่เคยเอามาพูดเลย"
จะเอาให้ถึงขั้นไหน?
"ให้ทนายเช็คข้อมูลต่างๆ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ เตรียมฟ้องแน่นอน"