เพื่อลูกแม่ทำได้ "หนิง ปณิตา" ยินดีร่วมเฟรม "จิน" น้ำตาคลอ ภูมิใจในตัวลูกสาว
ทำเอาคนเป็นแม่อย่าง "หนิง ปณิตา" น้ำตาไหลเมื่อเห็นลูกสาว "น้องณิริน" ได้เล่นละครเวทีที่โรงเรียน ฝ่าฟันคำบูลลี่จากกลุ่มเพื่อนบางกลุ่ม ว่ามีแม่เป็นดาราถึงได้มาแสดง พร้อมตอบชัด! ยินดีiร่วมเฟรมกับ "จิน"อดีตสามี หากเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกมีความสุขก็พร้อมจะทำ
สำหรับครอบครัวคนบันเทิงอย่าง “หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ” และ "จิน จรินทร์" แม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้วก็ยังคงทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุดให้กับลูกสาว "น้องณิริน" อยู่เสมอ หลังจากทั้งคู่ได้ มาให้กำลังใจลูกสาวแสดงละครเวทีประจำปีก่อนปิดภาคเรียนที่โรงเรียนพร้อมร่วมเฟรมถ่ายภาพครอบครัวไปนั้นล่าสุด หนิง ปณิตา ก็ได้มาเล่าโมเมนต์ที่ทำเอาคนเป็นแม่น้ำตาไหลที่ได้เห็นลูกสาวสุดที่รัก “น้องณิริน” ได้ขึ้นไปโชว์ละครเวทีของโรงเรียน พร้อมยินดีเฟรมกับ “จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” อดีตสามีเพราะต้องการให้ลูกสาวมีความสุข
กลั้นน้ำตาไม่ไหวเมื่อได้ดู “น้องณิริน” เล่นละครเวทีที่โรงเรียน
ตอนเห็นลูกโชว์นี่น้ำตาไหลเลย เพราะวันนี้เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปแล้ว หนิงเชื่อว่าน้องก็เข้าใจแล้วว่ามันผ่านไป มันก็พูดได้ว่าเป็นยังไง คือน้องจะโดนที่โรงเรียนว่าน้องเป็นลูกดารา น้องถึงมีโอกาสที่จะได้เต้น ได้ร้อง ถ้าไม่มีแม่เป็นดาราน้องก็ทำไม่ได้ แล้วพ่อกับแม่ก็เลิกกัน และกิจกรรมอะไรที่บางครั้งน้องอยากร่วมในเรื่องของดนตรีหรือเรื่องของศิลปะ ก็จะมีเพื่อนบางกลุ่มไม่ยอมให้เขาไปเล่นด้วย และสิ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่เขารัก พอเวลาอยู่ที่โรงเรียนเลยทำให้ความมั่นใจตรงนี้ของเขาหายไปหมด’
เพื่อนที่โรงเรียนบูลลี่ ไม่ยอมให้ร่วมในบางกิจกรรม
“เอาเป็นว่างานที่เกี่ยวกับเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์เรื่องแสดงเขาจะทำที่โรงเรียนไม่ได้เลย แต่ถ้าสมมติเขาอยู่ข้างนอกกับพวกเรา เขาก็จะทำได้ เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่มีสายตาใครจับจ้อง มันเลยบอกได้อย่างนึงว่าจริงๆ แล้วลูกเรา สังคมของเด็กสำคัญที่สุดคือสังคมในโรงเรียน ซึ่งคุณครูและบุคคลากรทุกคนในโรงเรียนเองก็ทราบเรื่องนี้พอสมควร ก็มีการช่วยกันในหลายๆ ทางเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้กับเขา เราก็มีการปรึกษาคุณหมอนอกรอบ ทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อนๆ
เชื่อว่าลูกสาวปลดล็อกตัวเองได้แล้ว
สำหรับเขาตอนนี้หนิงเชื่อว่าเขาปลดล็อกตัวเองได้แล้วค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับนอยด์ขนาดไม่อยากไปโรงเรียนขนาดนั้น แต่พอเวลามีกิจกรรมอะไรที่จะต้องทำในลักษณะเกี่ยวกับการร้องเล่นเต้นระบำกิจกรรมเกี่ยวกับการแสดง ซึ่งทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเขารักตรงนี้ตั้งแต่เล็กๆ และหนิงเองยังไม่อยากให้เขาทำ พอวันนี้หนิงก็คิดว่าเขาเก่ง เขาจะกล้าหาญที่เขาจะทำ คือชื่นชมในความกล้าหาญ แต่ในผลงานถ้าอยากจะทำจริงๆ ก็ต้องมาฝึกฝนและพัฒนากันต่อไป
ลูกสาวมาปรึกษาไหม
ถ้าไม่หนักจริงๆ เขาจะไม่ค่อยมาพูด แต่ส่วนใหญ่หนิงจะรู้แทบทุกเรื่อง เพราะคนรอบๆ ตัวหนิงทั้งครอบครัวคนที่ออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งคุณหมอหรือครูที่โรงเรียนเราทำงานร่วมกันเป็นทีมค่ะ เราก็จะรู้ว่าประโยคนี้เราจะให้ใครเป็นคนเข้าไปคุย เพราะเรื่องบางเรื่องให้คนอื่นคุยจะดีกว่าให้เราเองคุย บางคนอาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับเด็กคนนึง และเป็นเรื่องสังคมบูลลี่ในโรงเรียน บางคนก็คิดว่าหนิงเว่อร์ไปหรือเปล่า แต่สำหรับเด็กคนนึง การบูลลี่คำบางคำมันคือทั้งชีวิตของเขาในสังคมเขานะคะ
แอบน้อยใจ โลกทั้งใบของลูกขอแค่เจอหน้าพ่อ
สำหรับจิน หนิงก็บอกว่าวันนี้ลูกมีการแสดงแบบนี้ และณิรินอยากให้ไปนะ เขาก็ยินดี คือถ้าสำหรับลูกและถ้าเราเอ่ยปาก เขาก็พร้อมที่จะทำค่ะ พอน้องเห็นพ่อก็อย่างที่เห็นเลยแหละ รอยยิ้มเขา โลกทั้งใบของเขา หนิงยังแอบพูดกับเขาขำๆ กับคนรอบๆ ข้างบอกว่าบางทีแม่ก็แอบน้อยใจเหมือนกันนะ ทำทุกเรื่องเลย แต่โลกทั้งใบจริงๆ ก็คือแค่เจอหน้าพ่อ แต่หนิงถึงบอกว่าโลกทั้งใบของเขาคือการเจอหน้าพ่อเนี่ย มันทำให้สำหรับหนิงอะไรก็ได้ถ้าทำให้ลูกหนิงยิ้มได้ วันนั้นเขาก็ดีใจค่ะ หนิงว่าเขาโตขึ้นเยอะมาก เวลาที่ใครชมเขา เขาก็จะบอกกับคนที่ชมเขาทุกคนว่าให้ชมแม่หนู
แน่นอนว่าเรากลายเป็นจุดโฟกัสในงาน
มันไม่แปลกนะที่เรื่องราวของเรามันก็ค่อนข้างจะใหญ่โตพอสมควรกับ 1-2 ปีที่ผ่านมา พอคนสองคนที่มันมีเรื่องราวใหญ่โตมาทั้งปีไปอยู่ตรงนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่โดนใครมอง แต่สุดท้ายเราก็เป็นธรรมชาติของเราดีที่สุด ไม่ต้องไปปั้นแต่งว่าเรามาเรารักกันนะ หรือเรามาคือเราเกลียดกันนะ อารมณ์ไหนที่เขารู้สึกว่าเขาไม่น่ารัก หนิงก็จะพูดเลยว่าหยุด อย่าทำอย่างนี้ เขาก็โอเค เราก็จะเป็นธรรมชาติของเรา