ร่ำไห้ "ต้อม รชนีกร" เหตุฟ้อง รพ. 50 ล้าน พิษศัลยกรรม เสี่ยงมะเร็ง พิการได้ | คมชัดลึก

ประเด็นร้อนข้ามเดือน ล่าสุด "ต้อม รชนีกร" นักแสดงชื่อดัง ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นครั้งแรก กรณียื่นฟ้องสถาบันความงามแห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 50 ล้านบาท ด้วยเหตุผลที่ว่า "ไม่เป็นไปตามที่ตกลง ถูกละเมิดสัญญานำภาพไปลงก่อน"

พร้อมเล่าต่อว่า "จากเรื่องราวเล็กๆ เรื่องสัญญา เราคุยกันไม่รู้เรื่องสักที แต่ได้มีการพูดคุยกันก่อนที่ ต้อม จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว เรื่องการส่งข่าว ได้ขอให้รอพี่ต้องสวยก่อน แล้วค่อยทำเรื่องกระแส หลังจากนั้น เป็นวันเกิดของเราพอดีด้วย ตามที่ทุกคนเห็นคลิป ที่จะต้องไปถอดแม็กซ์บนศีรษะ นั่นแหละ คือประเด็น"

"ในคลิปวันเกิด กลายเป็นหน้าเหมือนน้องคนหนึ่ง จากนั้นเริ่มเป็นกระแสหลายอย่าง ก่อนหน้านี้ทางเขาก็เคยออกมาพูดเหมือนกันว่า ต้อมใช้ชีวิตลำบากมากเลย ถ้าหน้าเขาไม่มีปัญหาเนี่ย เขาจะเอาหน้าเขามาให้เราผ่า มาให้เรากรีดเหรอ เขาจะต้องใช้สติ๊กเกอร์ติดพยุงเอาไว้ ไม่งั้นเขาจะใช้ชีวิตลำบากมาก"

"หลังจากนั้นเราก็ไปออกรายการคุยแซ่บโชว์ จากนั้น ทางนั้นก็บอกว่า สิ่งที่เราไปพูดในรายการทำให้เขาได้รับความเสียหาย มีการโพสต์คลิปออกไป ซึ่งแม่ก็ไม่เข้าใจว่าแม่พูดให้เขาเสียหายตรงไหนก่อน และเขาไปออกคลิปประมาณว่า เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมว่าไปทำมาเยอะแยะมากมายก่ายกองเลย และก็มาหาทางเขา มาให้เขาแก้ให้ แม่ไม่เข้าใจว่าใช้ประโยคนี้คือใช้ได้ยังไง เขาเบี่ยงเบนทุกอย่างไปหมดเลย"

"พอแม่ไปออกรายการเสร็จ เขาก็โทรมาคุยส่วนตัว แต่ไม่ได้คุยกับแม่โดยตรง แต่เขาโทรไปหาแฟนว่า พี่ไม่เคยรู้เลยว่าน้องต้อมมีงาน ซึ่งเป็นงานสกินที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ซึ่งจะบอกไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะเราบอกว่า พี่มีการแต่งภาพนะคะ ฝ้า กระ ก็มาแบบนี้ แบบนี้ทำให้งานของหนูเสียหาย แต่เขาไปออกสื่อว่า เขาไม่รู้"

"มันไม่ใช่แค่เจรจาไม่ลงตัว การเจรจาไม่ลงตัวคือมันเริ่มตอนแรกมากกว่า แต่พออยู่มาสักพัก เราถึงรับรู้ว่า มันเกิดความพิการหลังจากนี้ด้วย มันเกิดจากที่ระยะเวลาตั้งแต่เดือนธันวาคม จนมาถึงปัจจุบันนี้ เราไม่เคยออกสื่อ สามารถไปดูติ๊กต็อกของแม่ได้ แม่ไม่เคยลงว่า ไม่เคยลงแม้แต่แก้ตัวใดๆ"

"แต่ว่าตอนนี้เราอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะความพิการเกิดขึ้น เกิดความบกพร่อง  การงานมีปัญหาเกิดขึ้น คุณบอกกับทุกคนว่าไม่เห็นเขาเป็นอะไร ไม่เห็นเขามีอะไร ความสวยก็ประจักษ์อยู่แล้วนี่คะ ทุกคนต้องเข้าใจว่า เรามีงานเราก็ต้องออกงาน เราจะต้องออกไปหน้าสดๆ หน้าพิการ ให้คนเขาเห็นเหรอคะ เราก็ต้องยังทำธุรกิจอยู่ เพราะฉะนั้นจะพูดลอยๆ แบบนี้มันไม่ใช่"

"เมื่อช่วงต้นปี เราต้องไปเช็กอัปกับคุณหมอหลังจากที่เราทำหน้าเสร็จแล้วนะคะ ตอนนั้นเราก็มีความรู้สึกว่า การคุยมันยังไม่ลงตัวกับการที่คุณเอาภาพหรืออะไรไปลงโดยที่คุณยังไม่ได้ขออนุญาตจากเรา ตามข้อตกลง และก็ได้เขียนจดหมายไปฉบับนึงในหัวข้อ และเนื้อหาเรียบร้อยว่า ขอให้บรรเทาเรื่องรูป และรูปที่ตกแต่ง มันบิดเบือนจากความเป็นจริง"

"เรามีความเจ็บปวด มีผลทางร่างกายที่ทุกคนอาจจะไม่ได้เห็น ซึ่งตรงนี้พี่คิดว่าพี่น่าจะมีให้ศาลท่านได้เห็นว่ามันเกิดอะไรกับพี่บ้าง กระทบกับการใช้ชีวิตของพี่ เกิดความลำบาก หลังจากทำหน้าไปเรียบร้อยแล้ว เราเห็นว่าฟันเราเหยิน พี่ก็ไปหาหมอ พอไปหาหมอก็เริ่มชัดเจนขึ้น หมอบอกว่า มันอันตราย คุณไม่รู้เหรอว่า คุณมีฟันกราม ฟันคุดอยู่ข้างใน แล้วมันนอนอยู่ ทำไมเขาไม่ให้คุณถอนฟันคุดซี่นั้นก่อน เพราะในอนาคตข้างหน้ามันอาจจะเป็นมะเร็ง เป็นถุงน้ำก็ได้ แล้วกรามที่ตัดออกมาเนี่ย มันเหลือน้อยมาก อยู่ในจุดที่อันตรายมาก ง่ายๆ ถ้าคุณเข้าฉากตบ แล้วโดนตบพลาดเนี่ย กรามพี่หักนะ ถ้าอนาคตข้างหน้า เขาบอกว่าฟันซี่นี้มันเป็นมะเร็งหรือมันเป็นถุงน้ำแล้วจะต้องเอาออก ถ้าหาหมอไม่เก่ง กรามพี่อาจจะร้าวหรือแตกได้ นี่คือสิ่งที่คุณหมอบอกนะคะ" 

กรณีที่จะฟ้อง ต้อม รัชนีกร กล่าวว่า "อย่างแรก คือ ความผิดพลาดจากการศัลยกรรมนะคะ ฟ้องเป็นคดีละเมิดแผนกผู้บริโภค จำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้านบาท ในส่วนของดีเทลจะฟ้องโรงพยาบาล และคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดให้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ต่อมา คือรูปตอนพี่ต้อมอยู่ในห้องผ่าตัด อันนี้ไม่ได้นะคะ คุณจะมาอ้างว่าเป็นสัญญารีวิวไม่ได้ พ.ร.บ.สถานพยาบาล กำหนดไว้ว่า การที่คลินิกศัลยกรรมหรือโรงพยาบาลศัลยกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะเอารูปไปโฆษณา จะต้องขออนุญาตก่อนนะคะ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของเขา ในส่วนของรูปกำลังจะตามไปเร็วๆ นี้ค่ะ"