บันเทิง

"อั๋น ภูวนาท" เล่า ทนายบอก "ปู มัณฑนา" ถูกสังคมย่ำยี เหมือนเสียแขนไปแล้ว 1 ข้าง

"อั๋น ภูวนาท" แจงโพสต์ข่าว "ปู มัณฑนา" เจอ "ทนาย" (ฝั่งปู) ทัก "คุณอั๋นฟาดผมซะแรงเลยนะ" แถมเจอทนายบอก "เสมือนถูกสังคมย่ำยีเสียหาย เสียแขนไปแล้ว 1 ข้าง จะให้เสียไปฟรีๆเหรอ"

ทำเอาหลายคนสะดุ้ง เมื่อ "อั๋น ภูวนาท" โพสต์ข่าว "ปู มัณฑนา หิมะทองคำ" พร้อมเขียนแคปชั่นว่า "จะแถลง จะออกรายการ จะพูดกันไปถึงไหน จะสาธยายถึงรายละเอียดหนี้ และบอกคนอื่นมากมายไปทำไมว่ามีสมบัติที่ดินกี่ไร่ต่อกี่ไร่ และไม่จน เพราะปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เงิน เท่ากับนิสัยทางการเงิน…"

 

สบโอกาสเจอ "อั๋น ภูวนาท" เจ้าตัวพูดถึงประเด็นนี้ว่า "เมื่อวานนี้ในรายการมีโอกาสได้คุยกับทนายฝั่งของลูกหนี้ พูดเลยแล้วกันก็คือทนายประมาณกับลูกสาวในรายการ ซึ่งก่อนรายการเขาก็พูดว่า คุณอั๋นฟาดผมซะแรงเลยนะ จริงๆแล้วผมไม่มีปัญหากับใคร แต่รู้สึกว่าเมื่อมีเจ้าหนี้มีลูกหนี้ก็คือใช้หนี้เบสิคมันก็มีแค่นี้ 

 

ในมุมของกฎหมายผมก็ถามหลายคำถามว่าไปถึงไหน ทำไมการไกล่เกลี่ยถึงล้มเหลว นี่คือแฟค คือจริงๆแล้วจบที่ 1.4 ล้าน อันนี้ในรายการนะ แต่ทนายเดชาบอกว่าน่าจะกลับไปที่ 2 ล้าน ก็เลยไม่จบ แล้วจะเป็นตัวเลขที่เท่าไหร่ และจะดูแลรับผิดชอบอย่างไรกับสิ่งที่ทำให้ปูกับสามีเสียหาย เขาบอกว่าไม่รู้ แต่ไม่ต้องการเงิน เขาไม่คิดคำขอโทษเป็นเงิน แล้วต้องการอะไร จนเป็นไวรัล พร้อมจะกราบเท้าหรือยัง ที่ทนายเดชาถาม 

 

เขา (ทนายฝั่งปู) ไม่ได้บอกว่ากราบเท้า แค่ยกตัวอย่างเช่น และยกตัวอย่างว่าผู้ใหญ่บางคนในประเทศพูดว่าถ้าจะขอโทษอย่าแค่พูดสิ ต้องมากราบเท้า ต้องทำอะไรถึงจะจบแค่นั้นเอง เราก็พูดว่าน่าจะไกล่เกลี่ยได้นะ เราเป็นพิธีกรสัมภาษณ์ฝั่งนั้นฝั่งนี้ก็รู้สึกว่าทำไมมันไม่จบ 

\"อั๋น ภูวนาท\" เล่า ทนายบอก \"ปู มัณฑนา\" ถูกสังคมย่ำยี เหมือนเสียแขนไปแล้ว 1 ข้าง

ทุกคนคิดเหมือนกันว่าจ่ายก็จบป่ะ แค่นั้น แต่มีอันนึงเขาบอกว่าเขาเสียหาย อันนี้ทนายพูด เสมือนถูกสังคมย่ำยีเสียหาย เสมือนเสียแขนไปแล้ว 1 ข้าง จะให้เสียแขนไปฟรีเหรอ เขาคิดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ผมถามกลับอีกมุมว่า ต้องรอให้เสียแขนกับขาด้วยเหรอ เข้าใจป่ะ ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องจบให้เร็วที่สุด ตอนที่โพสต์ก็โพสต์ด้วยความรู้สึกนี้ ถ้าคิดว่าเสียหาย ต้องจบให้เร็วที่สุด 

 

และอีกฝั่งนึงก็อยากได้เงินเร็วที่สุด เข้าใจไหม ธรรมชาติของเจ้าหนี้อยากได้เงินคืนเร็วที่สุด ธรรมชาติของลูหนี้ถ้าไม่อยากเสียหายหรือกลัวจะอาย ก็ต้องใช้คืนเร็วที่สุด แต่ตัวกฎหมายมีความพิสดารเยอะมาก เช่น ตอนนี้จะเข้าสู่กฎหมายหรือเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีใครดำเนินการ มีแต่การพูดกันเฉยๆ 

 

ถ้ามีใครเริ่มต้นฟ้อง ฝั่งนึงก็คือทวงหนี้ผ่านสื่อ โทษจำคุก 2 ปี อยู่ที่จะเอาไม่เอา อีกฝั่งก็รู้สึกว่ามีแต้มต่อ กับอีกอันดอกเบี้ยสูงกฎหมายคุ้มครอง 15% สมมุติว่าเรียกไป 20% แปลว่าเกินไป 5% เราไม่ต้องจ่าย 5% หรือเปล่า เปล่านะ ถ้าเรียกเกินจ่ายเท่ากับ 0 แปลว่าคืนแค่เงินต้นแล้วจบ ฉะนั้นตอนนี้ฝั่งนึงที่เรียก 2 ล้าน ถ้าเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย เขาไม่ต้องคืนตรงนั้นแน่นอน เหมือนไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่

\"อั๋น ภูวนาท\" เล่า ทนายบอก \"ปู มัณฑนา\" ถูกสังคมย่ำยี เหมือนเสียแขนไปแล้ว 1 ข้าง

และสมมุติผมยืมเงินคุณ และบอกคืนให้ 50% เลยนะ โอเคก็ได้ อีกฝั่งบอกว่าเขาไม่ได้เรียกเลยนะ แต่ฝั่งนี้เสนอเอง ในความเป็นจริงผิดทั้งคู่ใช่ไหมใช่ แต่กฎหมายเอาเรื่องคนรับ กฎหมายไม่เอาเรื่องคนอื่น เพราะฉะนั้นคนเสนอรู้ว่ากฎหมายเอาเรื่องเขาไม่ได้ ถ้าทางกฎหมายเหมือนคุณปูกับสามีจะได้เปรียบ เลยดึงไปดึงมา ไม่ได้พูดเองนะ แค่สรุปจากในรายการ 

 

ส่วนตัวว่าตอนนี้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล และเป็นการคุยกันผ่านสื่อ เกือบเป็นไปไม่ได้ที่ทั้ง 2 คนนั่งอยู่ในรายการเดียวกัน เลยไม่จบเพราะไม่ได้คุยกัน พอจะได้คุยกันก็แคนเซิล และเป็นแจ้งความเลยไม่จบ เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่าความเสียหายนี้ไม่คุ้ม จนเขาอยากจะรีบจบ ก็จะจบ

\"อั๋น ภูวนาท\" เล่า ทนายบอก \"ปู มัณฑนา\" ถูกสังคมย่ำยี เหมือนเสียแขนไปแล้ว 1 ข้าง

ส่วนตัวเคยเจอ ก็ได้คืนบ้าง คิดว่าส่วนใหญ่ที่อินไปกับข่าวนี้ เพราะเป็นเจ้าหนี้ที่ไม่ได้คืน เราเลยรู้สึกอิน ไม่มีอะไรซับซ้อน พูดตามตรงนะ ที่คุยกับทนาย เขาก็ยืนหยัดแฟคนี้นะ แต่ด้วยความที่เขาเป็นทนาย ก็คือตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นเขาอยู่ฝั่งลูกความตามกฎหมาย ก็เลยเป็นมหากาพย์ 

 

คำว่า "ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เงิน เท่ากับนิสัยทางการเงิน" ที่โพสต์เป็นคำที่แม่สอน เครดิตเป็นเรื่องสำคัญ เสียแล้วเสียเลย ต่อให้มีเงินห้ามขี้เกียจ รับปากแล้ว สัญญาแล้วต้องทำ ตกลงแบบไหน ตกลงแบบนั้น ไม่เกี่ยวกับรวยไม่รวย อันนี้ไม่ได้ด่าใครนะ แค่อธิบาย" 

\"อั๋น ภูวนาท\" เล่า ทนายบอก \"ปู มัณฑนา\" ถูกสังคมย่ำยี เหมือนเสียแขนไปแล้ว 1 ข้าง