ตามหา "ไฮโซขายเพชร" เพื่อน สงสาร "ปู มัณฑนา" ค้ำเงินกู้ แบกหนี้ที่ไม่ได้ก่อ
เพื่อน "ปู มัณฑนา" ประกาศตามหา "ไฮโซขายเพชร" และสามี ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ในกลุ่มเพื่อนๆ รู้จักสนิทสนมกันมากว่า 20 ปี เรียกร้องให้ออกมารับผิดชอบ ถ้าไม่ออกมาจะให้ปูมัณฑนาแจ้งความ
เพื่อน "ปู มัณฑนา" ประกาศตามหา "ไฮโซขายเพชร" และสามี ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ในกลุ่มเพื่อนๆ รู้จักสนิทสนมกันมากว่า 20 ปี จากกรณี ปู มัณฑนา เป็นตัวกลาง และเป็นคนค้ำประกันในการกู้ยืมเงินของ "ลูกหมี ลิลลี่ อ้อม" ให้กับ ไฮโซขายเพชร และเพื่อนๆ ซึ่งหลังเกิดเรื่องติดต่อไม่ได้
โดย "ไฮโซขายเพชร" และสามี ทำธุรกิจร้านเพชร 2 สาขา รวมถึงมีร้านอาหารที่สุขุมวิท กิจการไปได้ดีมาก ทั้งเคยได้รับรางวัลสุดยอดผู้บริหารแห่งอาเซียน ปี 2018 เป็นเซเลปออกงานและรายการต่างๆ เคยออกรายการครัวคุณต๋อย ทำธุรกิจเฟรนไชส์ร้านอาหาร ไลฟ์สดขายแหวนเพชร ยอดแฟนคลับเข้ามาชมและอุดหนุนร่วมแสนกว่าคนต่อการไลฟ์ 1 ครั้ง
ซึ่งในขณะนั้น ธุรกิจได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งร้านเพชร และเฟรนไชส์ร้านอาหาร ทำให้เกิดการบริหารงานที่ผิดพลาด ลูกค้าออเดอร์ของจำนวนมาก ส่งของให้ไม่ทันตามกำหนดลูกค้า จึงเกิดความเสียหายขึ้นเป็นมูลค่าที่เยอะมาก
"ไฮโซขายเพชร" และสามี จึงได้เข้ามาปรึกษา ปู มัณฑนา และเพื่อนๆ เพื่อขอยืมทุนหมุนเวียนธุรกิจ และให้ช่วยหานายทุนข้างนอกเพิ่มเติม แต่ด้วยความที่นายทุนไม่รู้จักกับไฮโซขายเพชรโดยตรง ปู มัณฑนา จึงต้องเป็นตัวกลางในการคุย และเป็นคนค้ำประกัน นายทุนจึงจะให้กู้ เพราะถ้าเกิดไฮโซขายเพชรไม่จ่ายขึ้นมา ปู มัณฑนา ซึ่งเป็นคนค้ำประกัน ก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดตามข้อตกลง
ซึ่งปูก็ยินดี เพราะยอดไม่ได้เยอะมากมาย และอยากให้ไฮโซขายเพชร ได้กอบกู้ธุรกิจรุ่นที่ 3 กลับคืนมาให้ได้ แต่เนื่องด้วยไฮโซขายเพชรไม่มีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน นายทุนจึงปล่อยดอกเบี้ย 3 , 5 , 10 , 15 , 20% ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน
ทาง ปู มัณฑนา และเพื่อนๆ ก็เห็นใจ และสงสารไฮโซขายเพชรที่ขายของได้กำไรน้อยบ้างเยอะบ้าง แต่ก็ต้องมาส่งดอกเบี้ยที่สูงไม่ได้ปิดต้นเลย ส่งจนทบต้นทบดอก บางครั้งไฮโซขายเพชรส่งดอกเบี้ยไม่ทัน ทางปู มัณฑนา และเพื่อนๆ ก็ต้องช่วยกันส่งดอกแทนกับนายทุน เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงคนค้ำประกัน
สำหรับกรณี อ้อม นั้น ทางปู มัณฑนา ได้ทำการกู้ยืมและค้ำประกันให้ไฮโซขายเพชรวันที่ 30 มกราคม 2564 กับสามีอ้อม โดยมีพี่ชายที่เคารพแนะนำให้รู้จัก ยอดกู้ 500,000 บาท ดอกเบี้ย 3% ต่อเดือน หลังจากนั้น อ้อม บอกว่าสามีต้องใช้เงิน จะหาดอก 10% มาปิดดอกเบี้ย 3% ของสามี อ้อม ให้เอง เมื่อปิดครบ หลังจากนั้นก็ได้มีการกู้ยืมผ่านอ้อมมาโดยตลอด จนถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2567 โดยอ้อมออกดอกเบี้ย 10 ,15 , 20% ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน เช็ค Statement จากธนาคาร ปรากฏว่า ทาง อ้อม และพวก โอนมาบัญชี ปู มัณฑนา เป็นจำนวนเงิน 1,425,000 บาท
และ ทางปู มัณฑนา โอนคืนบัญชี อ้อม และพวก เป็นจำนวนเงิน 2,307,000บาท ดังนั้น ตั้งแต่ 30 มกราคม 2564 - 19 มิถุนายน 2567 อ้อม และพวก ได้รับดอกเบี้ยรวมประมาณ 3 ปีครึ่ง เป็นจำนวนเงิน 882,500 บาท (ซึ่งอ้อมบอกว่าไม่ได้ปล่อยกู้เป็นอาชีพ) ตลอดระยะเวลาที่กู้ยืมกัน 3 ปีครึ่ง ทางปู มัณฑนา ไม่เคยเจอหน้าอ้อมเลย ใช้ช่องทางโอนเงินกันเท่านั้น เพราะเชื่อใจ และไม่เคยขาดส่งดอกเลยแม้แต่เดือนเดียว หลักฐานตาม Statement จากธนาคารตามความจริง ก็ไม่ทราบว่าจะออกมาแจ้งความเพื่ออะไร ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหากันเลย
สำหรับกรณี ลูกหมี ให้สัมภาษณ์ว่ายืมทุกคนในกองถ่าย ยันแม่บ้าน ช่างแต่งหน้า ซึ่ง ปู มัณฑนา บอกว่าตนต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกคนในกองถ่ายยืม แต่ยินดีให้ยืม เพราะเป็นเงินไม่ได้จำนวนมากมายอะไร มีคืนก็คืน ไม่มีคืนก็ไม่เป็นไร ไม่เคยทวง อยากให้นักข่าวไปสัมภาษณ์คนในกองถ่ายและนักแสดงมากกว่าว่า ปู มัณฑนา มีนิสัยอย่างไร ที่เลี้ยงน้ำ เลี้ยงขนมทีมงานกองถ่ายนิดๆหน่อยๆ ถือว่าเป็นน้ำใจ ไม่ได้อวดรวยตามที่ลูกหมีพูดเลย
เพื่อนปู มัณฑนา จึงฝากให้ ไฮโซขายเพชร และสามีออกมาพูดความจริง ว่า ปู มัณฑนา เป็นตัวกลางในการกู้ยืมเงินให้ไปหมุนทำธุรกิจให้จริงๆ สงสารปู ที่ต้องมาแบกรับหนี้ที่ไม่ได้ก่อ แต่ปูต้องรับผิดชอบ 100% เพราะเป็นคนค้ำประกัน สงสารครอบครัวปู ที่ไม่รู้เรื่อง แต่กลับได้รับผลกระทบจากการประจานลงโซเชียลแบบนี้ มันไม่ยุติธรรม