จับตา "สายพันธุ์มิว" อินโดนีเซียเฝ้าระวัง ผ่านจุดพีค โควิด-19 ระลอก 2 แล้ว
อินโดนีเซียผ่านจุดพีค โควิด-19 ระลอก 2 แล้ว ยังไม่พบเชื้อกลายพันธุ์ "สายพันธุ์มิว" เข้มจับตาเฝ้าระวัง โจโก วิโดโด ชี้ โรคโควิด-19 จะไม่หายไปจากโลกนี้ สิ่งที่เราทำได้ คือ ควบคุมมัน
จับตา โควิด-19 กลายพันธุ์ "สายพันธุ์มิว" เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านสาธารณสุขของอินโดนีเซีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 ว่า อินโดนีเซียผ่านพ้นจุดสูงสุดของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ระลอกที่ 2 ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา หลังจากยอดผู้ป่วยใหม่และผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลง
รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข ดันเต ซักโซโน ฮาร์บูโวโน กล่าวว่า อินโดนีเซียยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับโรคระบาดใหญ่ ขณะยอดผู้ป่วยใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ยังคงพุ่งสูง
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
- ฉาว "พยาบาล" ขายใบรับรองการฉีดวัคซีน ตุรกีบังคับต้องมีก่อนเดินทางในประเทศ
- อนุมัติ "วัคซีนโควิด" โมเดอร์นา ตัวที่ 2 ออสเตรเลียฉีดเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป
- "คลัสเตอร์" โรงเรียนอนุบาล ไต้หวันรายงาน ครู นร. ผู้ปกครอง ติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ อินโดนีเซียจัดการทดสอบลำดับจีโนมของตัวอย่าง 7,000 รายการ และไม่พบเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ "สายพันธุ์มิว" ภายในประเทศ
แถลงการณ์รายสัปดาห์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์มิว ถูกตรวจพบครั้งแรกในโคลอมเบีย เมื่อเดือนมกราคม 2021 และแพร่ระบาดไปยังหลายพื้นที่ในทวีปอเมริกาใต้ สหรัฐฯ และบางประเทศในยุโรป
ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โจโก วิโดโด กล่าวระหว่างตรวจสอบสถานที่ฉีดวัคซีนในจังหวัดชวาตะวันออกเมื่อวันอังคาร (7 ก.ย.) ว่า โรคโควิด-19 จะไม่หายไปจากโลกนี้ สิ่งที่เราทำได้ คือ ควบคุมมัน เพื่อไม่ให้ยอดผู้ป่วยพุ่งสูงแบบทวีคูณดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
(แฟ้มภาพซินหัว : บุคลากรทางการแพทย์เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อตรวจโรคโควิด-19 จากหญิงคนหนึ่ง ในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย วันที่ 7 ก.ย. 2021)