ไทยสะพัด ส่งออก เมษา บวก 13.09 เปอร์เซ็นต์
"จุรินทร์" โชว์ส่งออก เดือนมีนาคม บวก 8.47 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ เดือนเมษายน ทะลุ 13.09 เปอร์เซ็นต์ แถมแนวโน้มยังส่งสัญญาณดีขึ้นเรื่อยๆ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการการส่งออกของไทย โดยเฉพาะในปี 2564 ว่า สำหรับตัวขับเคลื่อนสำคัญคือการส่งออก และต้นปีนี้การส่งออกก็เป็นบวก
โดยในเดือนมีนาคม เป็นบวกถึง 8.47% และเดือนเมษายนบวกถึง 13.09% และยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การส่งออกเป็นตัวจักรสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การแก้ปัญหาการส่งออก จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ การส่งออกประกอบด้วยการขนสินค้าทางบก ทางอากาศ และทางเรือ
การขนส่งสินค้าทางเรือ มีประเด็นปัญหาคือตู้คอนเทนเนอร์ ที่บรรจุสินค้าเพื่อลงเรือส่งออก กำลังขาดแคลน เนื่องจากก่อนเกิดสถานการณ์โควิด มีการส่งสินค้าไปสหรัฐ และสหภาพยุโรปจำนวนมาก แต่ส่งสินค้ากลับมาน้อย ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ ไปค้างอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
แต่ประเทศจีนมีศักยภาพสามารถนำตู้ไปใช้ในการส่งออกได้มาก สำหรับประเทศไทยเมื่อได้ประชุม กรอ.พาณิชย์ การท่าเรือร่วมกับภาคเอกชนมาโดยใกล้ชิด ได้ข้อสรุปว่า
จากนี้ไปเราจะแก้ปัญหาโดยจะเปิดโอกาสให้เรือขนาดใหญ่เข้ามาแหลมฉบัง ให้เรือขนาด 300-400 เมตร เข้ามาเทียบท่าได้จะช่วยให้ เราสามารถไปปลายทางได้เลยช่วยลดต้นทุนสามารถขนตู้เปล่า และตู้ที่มีสินค้าเข้ามา จะมีตู้เปล่าที่ส่งสินค้าออกได้มากขึ้น
หลังจากที่ตนเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้การท่าเรือแก้ประกาศจับประกาศใหม่อนุญาตให้เรือ 300-400 เมตรเข้าเทียบท่าได้ มีมาหลายลำแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 , 17 เมษายน 2564 , 20 เมษายน 2564 และวันที่ 5 พฤษภาคม เป็นลำใหญ่ขนาด 399 เมตร สามารถบรรทุกตู้เข้ามาได้ประมาณ 12,000 ตู้
และวันนี้เรือสินค้า MSC Amsterdam ขนาด 399 เมตรสามารถบรรทุกตู้เปล่าเข้ามาได้ประมาณ 4,000 ตู้ สามารถบรรจุสินค้าลงไปได้ประมาณ 80,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าสินค้าที่ส่งออกประมาณ 6,000 ล้านบาท และยังมีอีกสองลำที่จะเข้ามาวันที่ 2 มิถุนายน 395 เมตรและ 19 มิถุนายน 398 เมตร
รวมแล้วทั้งหมดจะเป็น 7 ลำ สามารถบรรทุกตู้เปล่าเข้ามาประมาณ 23,000 ตู้ สามารถขนสินค้าออกไปได้ประมาณ 458,000 ตัน รวมมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจากการได้ตู้เปล่าประมาณ 35,000 ล้านบาท คือผลที่เป็นรูปธรรมจากการร่วมกันแก้ปัญหาระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชนและกรมเจ้าท่า
ขณะนี้ตู้เริ่มเข้าสู่สภาวะสมดุลความต้องการใช้ตู้เปล่าเดือนหนึ่งประมาณ 128,000 ตู้ เรามีตู้ประมาณ 130,000 ตู้ เริ่มเข้าสู่สภาวะสมดุลแล้ว แต่ต้องติดตามสถานการณ์ และกรมเจ้าท่าต้องอำนวยความสะดวกโดยเร็วที่สุด
เปิดโอกาสให้เรือขนาดใหญ่เอาตู้เปล่าเข้ามาและเราส่งสินค้าออกไปได้มากขึ้นจะช่วยให้ตัวเลขส่งออกของเราเป็นบวกได้ต่อและจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ต่อไป
ผมเชื่อว่าศักยภาพการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศยังมีเพิ่มขึ้น ภาคเอกชนสายการเดินเรือต้องเข้ามาช่วยในการจัดหาตู้และกรมเจ้าท่าต้องอนุญาตโดยเร็วในการดำเนินการ และได้มีประกาศใหม่ให้ใบอนุญาตสำหรับเรือขนตู้ขนาด 300-400 เมตรภายในเวลา 2 ปี
แต่ตนจะไปเจรจาว่า ทำไมไม่เป็นตลอดไป เพราะการส่งออกยังเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ หากจำเป็นต้องปรับปรุงร่องน้ำ หรือปรับปรุงอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ก็จะต้องลงทุนเพิ่มเติม เพื่อแลกกับตัวเลขการส่งออกที่นำรายได้เข้าประเทศตนเชื่อว่าคุ้มแน่นอน " รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว