
ลายเซ็นที่มีแต่ เส้น
ตามสัญญาครับ เสาร์นี้มีลายเซ็นตัวอย่างของคนเด่นคนดังมาเป็นกรณีศึกษา สำหรับผู้สนใจใคร่รู้เรื่องลายเซ็นก็ขอกราบขอบคุณท่าน ที่ส่งลายเซ็นคนเด่นคนดังมาเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ
ลายเซ็นแรก เป็นลายเซ็นของ ท่าน รศ.ดร.พนา ทองมีอาคม คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ คนบ้านใกล้เรือนเคียงกับเนชั่น กรุ๊ป นี่เอง
อาจารย์พนา เซ็นชื่อและนามสกุลแยกส่วนกันชัดเจน ทั้งลายเซ็นชื่อและลายเซ็นนามสกุล เป็นรูปริ้วคลื่น ที่ไม่ค่อยจะเห็นบ่อยนัก น้ำหนักของเส้นสายสม่ำเสมอโดยตลอด บ่งบอกว่า เจ้าของลายเซ็นเป็นคนง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตองใดๆ แบบว่า อะไรก็ได้ ไม่ติดยึดในรูปแบบ ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง แม้จะมีตำแหน่งแหล่งที่ดูใหญ่โต คือเป็นถึง รองศาสตราจารย์ และดอกเตอร์ อยู่พร้อมกันในตัวเอง ก็รู้สึกงั้นๆ เหมือนอยากให้ก็เอา อะไรทำนองนั้น เจ้าของลายเซ็นในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะหัวอ่อน ไม่นิยมความรุนแรง ถึงระดับไม่ชอบการต่อสู้
มีวิถีชีวิตทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่ค่อนข้างสบายๆ ไม่มีอะไรทำให้ต้องอนาทรร้อนใจ หรือต้องแบกรับให้หนักทั้งใจและสมอง เจ้าของลายเซ็นลักษณะนี้ ส่วนใหญ่มักมาจากครอบครัวที่มีอะไรๆ ครบถ้วนอยู่แล้ว ในวัยเด็กจึงไม่ต้องดิ้นรน เป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยกับใคร เข้าสังคมเก่ง ชอบสนุกสนานเฮฮาไปได้เรื่อยๆ เส้นสายที่ปลายหางลายเซ็นนามสกุล “ทองมีอาคม” ที่ “ตะวันณา” ชอบมาก ก็พุ่งทะยานขึ้น บอกให้รู้ว่า ชีวิตนี้มีแต่สุขสำราญบานใจครับ
เสียดายที่ “ตะวันณา” ไม่ทราบว่า อาจารย์พนา เกิดวันอะไร จึงไม่ทราบว่า ในชื่อนี้มีอักษรที่เป็นกาลกิณีหรือไม่ แต่พิจารณาจากภาพรวมของลายเซ็นที่มีแต่เส้นแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรหนักใจนะครับ ก็อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละครับว่า
วิถีชีวิตของคนเรานั้น มีองค์ประกอบให้พิจารณาได้หลายอย่าง ในส่วนของ “ชื่อและลายเซ็น” นี้ หากชื่อดี ลายเซ็นไม่ดี หรือชื่อไม่ดี ลายเซ็นดี ก็พอที่จะพากันไปได้ ยกเว้นทั้งชื่อทั้งลายเซ็นมีปัญหานั่นแหละครับ ที่จะต้องแก้ไขไม่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือสองอย่าง
พูดถึงเรื่องชื่อแล้ว ขอใช้เนื้อที่เสาร์นี้อธิบายมายังแฟนๆ คอลัมน์หน่อยนะครับ คือหลังจากพูดถึงการตั้งชื่อเด็กที่เกิดหลังวันสงกรานต์ไปแล้ว ปรากฏว่ามีบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกคนแรก ติดต่อขอให้ตั้งชื่อให้ลูกชายลูกสาวกันแทบไม่ว่างเว้น
นอกจากขอชื่อเท่ๆ เก๋ๆ แบบไม่ซ้ำใครแล้ว มีจำนวนไม่น้อยเลยที่กำหนดมาด้วยว่า ขอชื่อที่ทำให้ลูกเรียนเก่งๆ บางคนก็กำหนดมาเสร็จสรรพว่า โตขึ้นอยากให้ลูกเป็นโน่นเป็นนี่ ขอชื่อที่บันดาลให้เป็นเช่นนั้นด้วยนะครับ
ขอเรียนตรงนี้อีกครั้งหนึ่งนะครับว่า การที่ลูกจะเรียนเก่งหรือไม่ โตขึ้นไปเป็นอะไรนั้น ขอเถอะครับ ขอว่าอย่าไปกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าเลยครับ “ชื่อ” นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้วิถีชีวิตของลูกเจริญรุ่งเรืองได้ด้วยอักษรที่เป็นมงคลในชื่อนั้นๆ
ที่สำคัญอยู่ที่ คุณพ่อคุณแม่ ตลอดจนวงศาคณาญาติด้วยนะครับ คือ ขอให้ทุกคนอย่าเห็น “ลูกหรือหลาน” เป็นตุ๊กตา ที่แต่ละคนก็ “ตั้งหน้าตั้งตา” จะปั้นให้ “เป็น” อย่างที่ตัวเองอยากให้เป็น จน “ลูกหรือหลาน” ขาดความเป็นตัวเองตัวเอง
“ตะวันณา” เห็นมาเยอะแล้วครับว่า ด้วยความรักความหวังดีของพ่อแม่ ปู่ย่าตายายและวงศาคณาญาติที่อยากเห็น “ลูกหรือหลาน” มีความสุขความสบาย ร่ำรวย ประสบความสำเร็จ จึง “ช่วยกัน” ขีดเส้นให้ “ลูกหรือหลาน” เดินตามเส้นที่ช่วยกันขีดเอาไว้ จน “ลูกหรือหลาน” แทบไม่ได้ใช้สติปัญญาของตัวเอง หรือไม่มีความเป็นตัวของตัว แล้วในที่สุดก็กลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง หรือทำอะไรไม่เป็น
อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้ว ขอร้องคนที่เป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลด “ความอยาก” ของตัวเองลงบ้างนะครับ แล้ว “ให้เวลา” แก่ลูกหรือหลานที่กลับจากโรงเรียนได้ “บอกเล่า” สิ่งที่เขาพบหรือเห็นตลอดทั้งวันบ้างนะครับ เด็กบางคนเพิ่งพ้นจากโลกส่วนตัว คือครอบครัว ไปสู่โลกใหม่คือโรงเรียน ได้พบคนใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ เขาอยากเล่าอยากระบายก็ฟังๆ เขาบ้างนะครับ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันบังคับให้อาบน้ำ กินข้าว ทำการบ้าน จนสมองลูกหรือหลานไม่มีโอกาสผ่อนคลายเลยนะครับ
พ่อแม่ปู่ย่าตายาย หรือผู้ปกครอง ที่เห็นแก่ตัวอยากให้ลูกหรือหลานเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการนั้น “ตะวันณา” เห็นมาเยอะแล้ว ท้ายที่สุด ลูกหรือหลานมักจะ “เสียคน” อย่างน่าเสียดายครับ
“ตะวันณา”