ดวง

เปิดทางสว่าง “ดวงการงาน” รับปีเสือ แนะวิธีแผ่บุญให้แก่สัมมาอาชีพ

เปิดทางสว่าง “ดวงการงาน” รับปีเสือ แนะวิธีแผ่บุญให้แก่สัมมาอาชีพ

06 ม.ค. 2565

“คิดดี นี่แก้ยากกว่า คิดชั่ว เสียอีก” - หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต - คำกล่าวของครูบาอาจารย์ข้างต้นนี้ บอกอะไรได้บ้าง?

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ "ปีขาล" หรือ "ปีเสือ" ที่ใครๆหลายคนอาจวิตกล่วงหน้านำไปก่อนแล้วว่า แค่ชื่อปีนักษัตรปีนี้ก็ดุดันชวนใจฝ่อแล้ว "ไหว้ดีมีเฮง" จึงขอต้อนรับช่วงเวลาดีๆ ต้นปีด้วยการแนะนำอีกหนึ่งเคล็ดลับ “คิดดี” ที่เชื่อว่า คนส่วนมากมักมองข้ามว่า การอุทิศบุญในส่วนนี้ส่งผลถึงดวงการงาน ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตหลักของเราทุกคนในการประกอบกิจการงานต่างๆ ในทุกวันตลอดทั้งปี

 

ในการทำกิจการงานใดของเราก็ตาม เราต้องแผ่บุญกุศลทั้งหลายให้สัมมาอาชีพและปัจจัย 4 ที่ทำให้เราได้อยู่อาศัย มีกินมีใช้ในทุกวันนี้ เพราะถือว่าสรรพสิ่งในโลกนี้ต้องสูญเสียพลังงานมาให้เราใช้ ทั้งที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหารและยารักษาโรค ถือว่าเรามีส่วนในการเบียดเบียนธรรมชาติมาใช้เพื่อประโยชน์ของตน

 

เปิดทางสว่าง “ดวงการงาน” รับปีเสือ แนะวิธีแผ่บุญให้แก่สัมมาอาชีพ

 

หลายๆ คนที่มักประสบปัญหาหนีเสือปะจระเข้ ทุกข์ท้อใจในเรื่องการงานอยู่เสมอนั้น อาจมีผลมาจาก เราอาจจะมี “เศษกรรม” จากการทำงานเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อเราทำงานกับคนหมู่มาก แม้ว่าเราจะทำงานนั้นๆ ด้วยความตั้งใจอันดีแค่ไหนก็ตาม

 

โดยเฉพาะผู้เป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้เป็นหัวหน้า มีลูกน้องบริวารรับใช้ต่างๆ ยิ่งต้องระวังกรรมที่เกิดจากการเบียดเบียนคน เช่น ใช้งานหนักเกินกำลัง ว่ากล่าวติเตียนให้เขาทุกข์ใจ หรือไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกน้อง สิ่งเหล่านี้ จะเป็น “เศษกรรม”  ที่ตกมาถึงผู้เป็นนาย ส่งผลให้เกิดความเจ็บป่วย หรือความทุกข์ต่างๆ ตามมา

 

ส่วนคนเป็นลูกน้องนั้น หากไม่ตั้งใจทำงานให้สมกับเงินเดือนที่ได้รับ หรือทำงานผิดพลาดเสียหาย ทำความเดือดร้อนให้หน่วยงาน จะมีผลทำให้ติด “เศษกรรม” ได้เช่นเดียวกัน

 

บุญนั้นเป็นที่พึ่งได้จริงเสมอ! ไม่มีหรอกคำว่า “ทำบุญ (คน) ไม่ขึ้น” บุญนั้นอยู่ส่วนบุญ บาปนั้นอยู่ส่วนบาป อย่าเหมาปนกัน เป็นคนละเรื่อง ที่บุญยังไม่ส่งผล เพราะยังมีผลบาปกรรมเก่าที่ทำมาส่งผลอยู่ เมื่อถึงเวลา บุญก็ต้องส่งผล เทวดาฟ้าดินยังต้านไม่ได้ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน อย่างกรณีของพระมหาเทวีเจ้า แห่งเพจวีน ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ชีวิตพลิกผันจากหลังมือเป็นหน้ามือ

 

กรรมฝั่งไหนมีกำลังมากกว่าก็จะส่งผลก่อน ตามแรงบุญ หรือแรงบาป แม้ว่าวันนี้เราจะคิดว่า เราทำดีที่สุดแล้ว ทำบุญมามากแล้ว แต่ทำไมชีวิตยังไม่ดี เป็นเพราะเราลืมคิดไปว่า เราไม่ได้เห็นหมดทุกภพชาติว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง

 

“กรรม” นั้น เกิดขึ้นมาหลายภพหลายชาติ บันทึกไว้ในจิต เกิดกี่ชาติก็ตามไปตลอดจนกว่าจะหมดแรงกรรม และกรรมใหม่ก็เกิดขึ้น โดยเฉพาะ “กรรมทางใจ” ที่เกิดๆ ดับๆ ตลอดเวลา เดี๋ยววินาทีนี้ “คิดดี” อีกวินาทีต่อไป “คิดชั่ว” เร็วมากๆ ยิ่งในการทำงานที่เราต่างต้องอดทนอดกลั้นในการทำงาน ประสานงานร่วมกับผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เศษกรรมทางใจเกิดขึ้นได้ตลอด

 

ดังนั้น ในชีวิจการทำงานของทุกคน เมื่อทำบุญใดๆ แล้วก็ควรแผ่บุญกุศลให้สัมมาอาชีพของตัวเองด้วย ตามคำต่อไปนี้

 

“บุญใดกุศลใด ที่ข้าพเจ้าทำสำเร็จแล้วในวันนี้ ขอจงถึงแก่สัมมาอาชีพชองข้าพเจ้าและปัจจัย 4 ที่ข้าพเจ้าได้มีกินมีใช้มาถึงทุกวันนี้ จงมีส่วนในกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ ได้แก่…(เช่น สวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญใส่บาตร ฯลฯ) และถ้าสัมมาอาชีพของข้าพเจ้าไปเบียดเบียนผู้หนึ่งผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นบริวารลูกน้อง ลูกจ้าง เพื่อนร่วมงาน และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยบุญกุศลนี้ ขออย่าให้ข้าพเจ้าติดเวรติดกรรมกับบุคคลเหล่านี้เลย พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักกะวาลัง สังฆัง นิพพายะปัจจะโย โหตุ”

 

เมื่อชีวิตมีปัญหา ควรแก้ให้ถูกเหตุถูกทาง เกิดที่ไหนแก้ที่นั่น “ดับที่เหตุ” คำกล่าวที่แนะนำข้างต้นนั้น ทำได้บ่อยครั้งหรือในทุกครั้งที่ทำบุญได้เสมอ ตราบใดที่ชีวิตคนเรายังต้องเวียนว่ายประกอบสัมมาอาชีพหาเลี้ยงปากท้องไปตลอด และขอให้รู้และคิดง่ายๆ ก็ได้ว่า ชาตินี้ขอทำบุญมากกว่าทำบาป ก็น่าจะเพียงพอแล้วในการเป็นหลักประกันที่ช่วยประคองชีวิตไม่ให้ตกต่ำ

 

“การไปทำบุญ ปกติย่อมไม่ขาดทุน มีแต่ได้กำไรทางจิตใจโดยฝ่ายเดียว”

  • หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน  

 

ขอบคุณเนื้อหาบางส่วน คัดลอกมาจากเนื้อหาในหนังสือ “สู้ด้วยบุญ” โดย ธ.ธรรมรักษ์ มาเผยแพร่ต่อเป็นธรรมทาน

                                                                                         

ช่องทางการติดต่อ The BooneBoon54 : LineID kj561 / โทร. 063-653-5350