เด่นโซเชียล

"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เพิ่มวงเงิน ค่าน้ำ - ค่าไฟ สรุปเดือนตุลาคมนี้รอลุ้น

"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เพิ่มวงเงิน ค่าน้ำ - ค่าไฟ สรุปเดือนตุลาคมนี้รอลุ้น

19 ก.ย. 2564

คลังเล็งเพิ่มวงเงิน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ค่าน้ำ - ค่าไฟ สศค. สรุปเงื่อนไขชง ครม. อนุมัติ คาดภายในเดือนตุลาคม นี้ รอลุ้นได้เลย

ภายหลังมีข่าวดีสำหรับผู้ถือ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือ บัตรคนจน ได้รับเงินตกเบิกจ่ายย้อนหลังสูงสุดถึง 1,000 บาท เนื่องจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐจากกองทุนผู้สูงอายุ

กรมบัญชีกลางทำหน้าที่ในการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ ตามอัตราการจ่ายเดิม

  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 100 บาทต่อเดือน
  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 50 บาทต่อเดือน

จ่ายย้อนหลัง

  1. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จ่าย 4 เดือน (มิถุนายน - กันยายน 2563)
  2. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จ่าย 6 เดือน แบบเดือนเว้นเดือน (ตุลาคม และ ธันวาคม 2563 กุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน และ สิงหาคม 2564)

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

เงื่อนไขของผู้มีสิทธิ

  • ต้องเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ก่อนเดือนที่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์

โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ

ทั้งนี้ วงเงิน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ดังกล่าวสามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งสามารถถอนเป็นเงินสดได้ที่ตู้ ATM ของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย หรือสาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย

สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ที่ต้องการเช็กยอดวงเงินคงเหลือ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับเงินโอนในครั้งนี้หรือไม่ ก็สามารถตรวจสอบได้ตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

 

 

วิธีตรวจสอบยอดเงิน

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถโทรสอบถามยอดเงินคงเหลือใน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ได้ที่หมายเลข 02 109 2345

  • วิธีที่ 1 เลือกกด 3 ตามด้วยกด 1 (เพื่อตรวจยอดวงเงิน)
  • วิธีที่ 2 กดเลขบัตรประชาชน หรือเลข บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามด้วยเครื่องหมาย # กดรหัสบัตรคนจน 6 หลักตามด้วย # ผู้ถือบัตรรอฟังยอดเงินคงเหลือ

หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400 หรือ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 02 109 2345 ในวัน เวลาราชการ

 

 

ล่าสุด วันนี้ (19 กันยายน 2564) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้กระทรวงการคลังเร่งทบทวนโครงการ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างทั่วถึง เนื่องจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ดังนั้น จึงถึงเวลาที่จะต้องทบทวนและปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ถือเป็นการสำรวจข้อมูลประชาชนอีกครั้งด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สรุปเงื่อนไขการช่วยเหลืออยู่

“ขณะนี้กำลังรอ สศค. สรุปเงื่อนไขการช่วยเหลือมาเสนอก่อน จึงจะสามารถสรุปเสนอนายกรัฐมนตรีได้ ในเร็ว ๆ นี้” นายอาคม ระบุ

 

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ สศค. อยู่ระหว่างปรับปรุงเงื่อนไขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ คาดว่าภายในเดือน ต.ค. นี้ จะมีข้อสรุปอย่างแน่นอน โดยในเบื้องต้นจะพิจารณาหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือ ค่าน้ำ และ ค่าไฟ จากปัจจุบันช่วยเหลืออยู่คนละ 230 - 300 บาทต่อเดือน

“ส่วนจะปรับเพิ่มเป็นอัตราเท่าใด รวมถึงการเพิ่มสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสวัสดิการอื่น ๆ นั้น จะต้องรอ สศค. สรุป และเสนอให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมพิจารณา เพื่อเสนอ ครม. อนุมัติก่อน” นายกฤษฎา ระบุ

 

ปัจจุบัน มีผู้ถือ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ราว 13.65 ล้านคน ซึ่งมีคุณสมบัติภายใต้เกณฑ์เดิมที่กำหนดไว้ ดังนี้

  • สัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป
  • ว่างงานหรือมีรายได้ส่วนตัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
  • ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝากธนาคาร , สลากออมสิน , สลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) , พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ หรือถ้ามีทรัพย์สินดังกล่าวจะต้องมีรวมกันไม่เกิน 100,000 บาท

ส่วนเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาพิจารณาเพิ่มเติม คือ การนำรายได้ต่อครัวเรือน รวมทั้งกรณีมีรถยนต์ 2 - 3 คัน และการถือบัตรเครดิต มาประกอบด้วย ส่วนหน่วยงานรัฐที่จะเปิดรับลงทะเบียนใหม่นั้น เบื้องต้น จะใช้สถาบันการเงินของรัฐเป็นหลัก