"ผู้ประกันตนมาตรา 33" ว่างงานจาก โควิด-19 ยื่นรับสิทธิ 50%ของค่าจ้างรายวัน
สปส. เน้นย้ำ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 เนื่องจากคำสั่งปิดกิจการชั่วคราว ยื่นรับสิทธิได้ในอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวันไม่เกิน 90 วัน โดยต้องไม่ได้รับค่าจ้างจากการปิดกิจการ
สำนักงานประกันสังคม เผยผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 เนื่องจากรัฐมีคำสั่งปิดสถานที่ หรือกิจการเป็นการชั่วคราว สำนักงานประกันสังคม พร้อมจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยแก่ผู้ประกันตน ในอัตรา 50 % ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน ย้ำ เงื่อนไขผู้ประกันตนจะต้องไม่ได้ทำงานจริง ไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างที่รัฐมีคำสั่งปิดที่ทำงาน โดยให้นายจ้างยื่นแบบรายการแสดงการนำส่งเงินสมทบ (สปส.1-10) ในระบบ e-service กรณีนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ตามข้อเท็จจริงนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ด่วน “ประกันสังคม” มาตรา 39 - มาตรา 40 เร่งทบทวนสิทธิ์ กลุ่มตกหล่น 29 จ.
- เช็กด่วน ขั้นตอนจ่ายเงินสมทบ "ประกันสังคมมาตรา 40" ผ่าน Shopee
- "ผู้ประกันตนมาตรา 40" พื้นที่สีแดงเข้ม 24ส.ค รับเงินแล้วกว่า1.8 ล้านบาท
นางสาวลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการอนุมัติจ่ายเงินว่างงานเหตุสุดวิสัย เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยคุณสมบัติของผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยนั้น ต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือนใน 15 เดือนย้อนหลังก่อนวันที่ว่างงานจากรัฐสั่งปิด โดยไม่ได้ทำงานเนื่องจากนายจ้างหยุดประกอบกิจการ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เนื่องจากทางราชการมีคำสั่ง ให้ปิดสถานที่ หรือสถานประกอบการ และผู้ประกันตนไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ผู้ประกันตนดังกล่าว มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยในอัตรา50 % ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน
ซึ่งขั้นตอนการขอรับสิทธิประโยชน์ให้นายจ้างยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ และรับรองกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยให้ผู้ประกันตน ทั้งนายจ้างและผู้ประกันตน สามารถยื่นผ่านทางระบบ e-service และส่งแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส.2-01/7) และสำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประกันตนประเภทออมทรัพย์ เป็นเอกสารส่งให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ,จังหวัด ที่่สถานประกอบการตั้งอยู่ทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียนตอบรับ นับแต่วันที่บันทึกข้อมูลในระบบ e-service
ทั้งนี้ขอย้ำว่า นายจ้างมีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ(สปส. 1-10) ส่วนที่ 1 และ ส่วนที่ 2 ทุกเดือน โดยในเดือนที่ไม่ได้จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามข้อเท็จจริง ที่มีคำสั่งรัฐสั่งปิดนั้น ในช่องค่าจ้าง และเงินสมทบ ต้องระบุจำนวนค่าจ้างที่จ่ายจริงให้แก่ลูกจ้าง จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยตามเงื่อนไขข้างต้น ซึ่งหากลูกจ้างยังได้รับค่าจ้าง จะไม่เข้าเงื่อนไขการจ่ายสิทธิประโยชน์ สามารถนำส่งแบบรายการแสดงการนำส่งเงินสมทบ สปส.1-10 ในระบบ e-service