เด่นโซเชียล

รวมธนาคาร "ปล่อยสินเชื่อ" เงินกู้โควิด เงื่อนไขแบงก์ไหนเข้าตา เช็กเลย

รวมธนาคาร "ปล่อยสินเชื่อ" เงินกู้โควิด เงื่อนไขแบงก์ไหนเข้าตา เช็กเลย

23 ก.ย. 2564

รวมธนาคารปล่อย "สินเชื่อ" มีที่ไหนบ้าง เช็กเลยที่นี่ ระลอกใหม่ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติม 2564

ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 สนับสนุนการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก "โควิด-19" ได้อย่างยั่งยืน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับลูกหนี้ได้มากขึ้นในสถานการณ์ที่ยังต้องเผชิญกับภาวะการระบาดของ "โควิด-19" ระลอกใหม่นี้ เราได้รวมธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อสู้ภัย "โควิด-19" มาให้ เช็กเลย

 

 

 

ธนาคารกสิกรไทย


กสิกรไทยออกโครงการพิเศษส่งความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านอาหารราย​เล็กและร้านค้ารายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ให้เข้าถึงเงินทุนได้ง่าย ภายใต้โครงการพิเศษ “เงินกู้สู้ไปด้วยกัน” อนุมัติง่าย ดอกเบี้ย 3% พักชำระเงินต้น 3 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท ไม่ต้องมีหลักประกัน ฟรีค่าธรรมเนียมทุกประเภท ผลักดันให้ร้านอาหารและร้านรายย่อยมีเงินทุนในการทำธุรกิจให้ไปต่อได้ คาดหวังช่วยร้านค้ารายย่อยได้ 35,000 ราย วงเงินสินเชื่อ 3,500 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังออกมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน เพื่อช่วยลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยที่ต้องปิดกิจการตามมาตรการของทางการ

 

 

ธนาคารออมสิน

โดยคุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อที่ “สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19” จากธนาคาร “ออมสิน” กำหนด ได้แก่

  •  มีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป
  •  เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือ ผู้ประกอบการรายย่อย หรือเป็นผู้มีรายได้ประจําของหน่วยงานเอกชนที่ได้รับผลกระทบกระทบจากโควิด-19
  •  ไม่เป็นผู้มีรายได้ประจําจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
  •  มีแอปพลิเคชั่น  “MyMo” ก่อนวันที่ 1 พ.ค. 64 เนื่องจาก สินเชื่อสู้ภัยโควิด–19 ของธนาคารออมสินจะต้องขอสินเชื่อผ่านแอปฯ MyMo เท่านั้น

 

ทั้งนี้ ผู้ที่เคยได้รับสินเชื่อฉุกเฉิน 10,000 บาท และสินเชื่อเสริมพลังฐานราก 50,000 บาท ก็สามารถขอสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ได้

 

ธนาคารออมสิน

 

ธนาคารกรุงไทย    

ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยเพิ่มเติม 3 มาตรการ โดยคาดการณ์ช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อบุคคล 6 หมื่นล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าสินเชื่อรายย่อยที่ได้รับผลกระทบของโควิด-19 ระลอกใหม่

 

ซึ่งมาตรการสำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคลที่มีสถานการณ์ชำระหนี้เป็นปกติ หรือ ไม่ค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเกินกว่า 90 วัน ประกอบด้วย

  • สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อ Home for Cash สินเชื่อกรุงไทยบ้านให้เงิน (Home Easy Cash) วงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) พักชำระเงินต้นและชำระดอกเบี้ยบางส่วน สูงสุด 12 เดือน หรือ ขยายระยะเวลาโดยลดอัตราผ่อนชำระ สูงสุด 12 เดือน หรือ พักชำระเงินต้น โดยชำระเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
  • สินเชื่อส่วนบุคคล วงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ลดการผ่อนชำระค่างวดลง 30% นานสูงสุด 6 เดือน
  • สินเชื่อวงเงินกู้แบบหมุนเวียน (Revolving Loan) ได้แก่ สินเชื่อกรุงไทยธนวัฏ สินเชื่อกรุงไทยธนวัฏ  5 Plus ปรับเป็นวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ได้นาน 48 งวด หรือตามความสามารถในการชำระหนี้  นอกจากนี้ ธนาคารได้ออกมาตรการฟื้นฟูธุรกิจ 2 มาตรการ ประมาณการความช่วยเหลือรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ดังนี้
  • มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู   สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5 ปี ไม่เกิน 5% ต่อปี) ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี ได้รับยกเว้นดอกเบี้ย 6 เดือนแรก รวมทั้งได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นานสูงสุด 10 ปี เปิดกว้างให้ลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่  ลูกค้าเดิมที่มีวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท ณ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ขอกู้ได้ไม่เกิน 30% ของวงเงินเดิมที่มีอยู่กับธนาคาร สูงสุดไม่เกิน 150 ล้านบาท  ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ณ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ขอกู้ได้ไม่เกิน 20 ล้านบาท (นับรวมวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินทุกแห่ง) 

สำหรับลูกค้าบุคคลที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้จนถึง 31 ธันวาคม 2564 ผ่านเว็บไซต์ https://krungthai.com/link/retail-covid19

 

ลูกค้าธุรกิจที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ ศึกษารายละเอียดได้ที่ https://krungthai.com/link/business-covid19

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา สำนักงานธุรกิจทั่วประเทศ หรือ Krungthai

 

 

ธนาคาร ธ.ก.ส.

 

โดยคุณสมบัติผู้กู้ “สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19” ต้องเป็นไปตามที่ “ธ.ก.ส.” กำหนด ได้แก่

  • เป็นเกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตร สัญชาติไทยอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน
  •  เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

 

เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อ ดังนี้

  • ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร โดยใช้ผลคะแนนมาพิจารณาผ่อนปรนจากสินเชื่อปกติของธนาคาร
  • ต้องไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) หรือต้องมีสถานะปกติ

ทั้งนี้ ช่องทางแจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อสู้ภัย ผ่าน Line Official BAAC Family

 

 

 

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

ธนาคารกรุงเทพ

 

สินเชื่อส่วนบุคคล "ธนาคารกรุงเทพ" อีก 1 ช่องทางตัวเลือกในยามวิกฤติการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่ใครหลายคนอาจประสบปัญหาด้านการเงินในวันนี้ กับ สินเชื่อบัวหลวงสุขใจ เงินกู้อเนกประสงค์ ที่จะมาเติมเต็มช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเงินไปปรับสภาพคล่อง โดยหากยืมเงินที่ 15,000 บาท เลือกผ่อนชำระเงินคืน 60 เดือน ก็ผ่อนเพียงเดือนละ 500 บาท หากยืม 50,000 บาท ผ่อนคืน 60 เดือน ก็เพียงเดือนละ 1,400 บาท แต่ถ้ากู้ที่ 150,000 บาท ต่อเดือนที่ต้องจ่ายก็ 4,000 บาท เท่านั้น

 

วงเงินอนุมัติ เบิกรับเต็มจำนวน เข้าบัญชีทันใจ

วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ประจำต่อเดือน ตั้งแต่ 15,000 - 1 ล้านบาท อนุมัติและรับเงินก้อนเข้าบัญชีเงินเดือนของคุณทันที
ชำระคืน สบาย ๆ สูงสุด 60 เดือน

 

ผ่อนสบายแบบลดต้นลดดอก สูงสุด 60 เดือน เลือกระยะเวลาผ่อนชำระเองได้ และชำระคืนด้วยยอดเงินเท่า ๆ กันทุกเดือน
สะดวกสบาย สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก คล่องตัวยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน

 

ค่าธรรมเนียม

  • ฟรี ค่าธรรมเนียมดำเนินการ
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้
  • ค่าธรรมเนียมการชำระคืนก่อนกำหนด (ปีแรก) 2% ของเงินต้นคงเหลือ
  • ค่าธรรมเนียมการขอใบแจ้งยอดบัญชีสินเชื่อ (ย้อนหลังเกิน 3 เดือน) 200 บาทต่อฉบับ

 

เอกสารประกอบการขอสินเชื่อ

  • บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
  • สลิปเงินเดือน (ต้นฉบับ) หรือหนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัท (ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน นับจากปัจจุบัน)
  • บัญชีธนาคารที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 6 เดือนต่อเนื่องกัน นับจากปัจจุบัน
  • สมุดบัญชีธนาคารหน้าแรกที่เงินเดือนเข้าเพื่อโอนเงินสินเชื่อบัวหลวงสุขใจเข้าบัญชี

ช่องทางการชำระเงิน

  • ชำระโดยการหักบัญชีอัตโนมัติจากเงินฝากสะสมทรัพย์ (บัญชีเงินเดือน) ที่มีกับธนาคารกรุงเทพ
  • ชำระเพิ่มเติมด้วยเงินสด หรือเช็ค ณ เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขาทั่วประเทศ

 

อัตราดอกเบี้ย

  • วงเงิน (บาท) ไม่เกิน 30,000 อัตราดอกเบี้ยกรณีปกติ (ต่อปี) 23%
  • วงเงิน (บาท) 30,001 - 100,000 อัตราดอกเบี้ยกรณีปกติ (ต่อปี) 21%
  • วงเงิน (บาท) 100,001 - 200,000 อัตราดอกเบี้ยกรณีปกติ (ต่อปี) 20%
  • วงเงิน (บาท) 200,001 - 300,000 อัตราดอกเบี้ยกรณีปกติ (ต่อปี) 18%
  • วงเงิน (บาท) 300,001 - 1,000,000 อัตราดอกเบี้ยกรณีปกติ (ต่อปี) 16%

 

  • เพดานอัตราดอกเบี้ย รวมค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องสำหรับสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2563 เท่ากับ 28% ต่อปี
  • เพดานอัตราดอกเบี้ย รวมค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องสำหรับสินเชื่อที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป เท่ากับ 25% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ คิดจากอัตราดอกเบี้ยกรณีปกติสูงสุดตามสัญญาบวกเพิ่มไม่เกิน 3% ต่อปี ของยอดเงินต้นในค่างวดที่ผิดนัดชำระ ทั้งนี้ เมื่อรวมแล้วไม่เกินเพดานอัตราดอกเบี้ย รวมค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
  • ในการเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ข้างต้น มีระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period) 7 วัน นับจากวันครบกำหนดชำระคืน

 

 

ที่มา ธนาคารกรุงไทย  , ธนาคารธ.ก.ส. , ธนาคารกสิกร , ธนาคารออมสิน , ธนาคารกรุงเทพ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง