สาวบ้านร้างหมูป่า “ป่วยอาการทางจิต” พม.ส่งตัวเข้ารักษา เร่งตามหาญาติ
พม.ช่วยเหลือหญิงเร่ร่อน ที่พบขณะพลเมืองดีไลฟ์สดช่วยหมูป่าในบ้านร้าง จ.สมุทรปราการ พบอาศัยบ้านร้างมา 1ปี มีอาการจิตเวช เบื้องต้นส่งเข้ารับการรักษาแล้ว
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว พลเมืองดีไลฟ์สดช่วยหมูป่าที่จ.สมุทรปราการ แล้วพบหญิงชายกับมีเพศสัมพันธ์ ภายหลังทราบว่าหญิงดังกล่าวเป็นหญิงเร่ร่อน ล่าสุดเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าให้การช่วยเหลือสาว โดยพาสาวเร่ร่อนตรวจร่างกาย และอาการทางจิตเวช พบว่ามีอาการทางจิต เบื้องต้นส่งตัวเข้ารับการรักษาแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สธ.ยัน ไม่ใช่ข้อมูลส่วนตัวคนไข้ แฮกเกอร์ขโมยข้อมูล รพ.ยังให้บริการปกติ
- "ผู้ประกันตนมาตรา 33" ว่างงานจาก โควิด-19 ยื่นรับสิทธิ 50%ของค่าจ้างรายวัน
- อัตราครองเตียง “โควิด-19“ ลดลง เตรียมนำเข้ายารักษาโควิด รับการระบาดในอนาคต
นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยถึงกรณีพบหญิงเร่ร่อนอาศัยอยู่ในบ้านร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ขณะที่พลเมืองดีโพสต์ไลฟ์สดช่วยเหลือหมูป่าผ่านเพจ “Kingdom Of Tigers : ทูนหัวของบ่าว” ว่า ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสมุทรปราการได้รับเข้าไว้ในการคุ้มครองเรียบร้อยแล้ว โดยหญิงดังกล่าว อายุ 40 ปี ไม่มีข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าไม่เคยทำบัตรประจำตัวประชาชน ประกอบอาชีพเก็บของเก่า ใช้ชีวิตเร่ร่อนตามที่สาธารณะ และได้ออกมาจากบ้านแล้วมาอาศัยอยู่ในบ้านร้างดังกล่าว เป็นเวลาประมาณ 1 ปี โดยในเบื้องต้น ได้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุด ATK แล้ว ผลปรากฏว่า ไม่พบเชื้อ และได้พาหญิงดังกล่าวไปตรวจ 5 โรค และตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามหาญาติแล้ว แต่ไม่มีคนรู้จัก
รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวด้วยว่า ศูนย์คุ้มครองฯ ได้นำสาวคนดังกล่าวไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (โรงพยาบาลเฉพาะทางจิตเวช) เพื่อตรวจประเมินสุขภาพทางจิตตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ซึ่งทางแพทย์ประเมินว่ามีอาการทางจิตเวช จึงได้รับเข้าการรักษาตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ทางศูนย์คุ้มครองฯ จะติดตามการรักษาของหญิงดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมดำเนินการประสานติดตามหาญาติ และหลังจากสิ้นสุดการรักษา ศูนย์คุ้มครองฯ จะรับตัวเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ และวางแผนให้การช่วยเหลือตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์ที่เหมาะสมต่อไป