เด่นโซเชียล

สธ. เห็นชอบ ต่อมาตรการ "เคอร์ฟิว" พร้อมเผยเป้าหมาย ฉีดวัคซีนเดือน ต.ค.

สธ. เห็นชอบ ต่อมาตรการ "เคอร์ฟิว" พร้อมเผยเป้าหมาย ฉีดวัคซีนเดือน ต.ค.

11 ก.ย. 2564

กระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบ คงมาตรการ "เคอร์ฟิว" จนถึง 30 ก.ย.64 พร้อมเผย กลุ่มเป้าหมายการให้บริการฉีดวัคซีน เดือน ตุลาคม

บ่ายวานนี้ (10 กันยายน 2564) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ โควิด-19 แผนการให้บริการโควิด-19 การประเมินสถานการณ์และมาตรการป้องกันโรค โควิด-19 ต่อคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

 

 

นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบการคงระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัดและพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด

 

"รวมทั้งให้คงมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามระดับพื้นที่สถานการณ์ถึง 30 กันยายน 2564 โดยยังคงมาตรการเคอร์ฟิว, ทำงานที่บ้าน,เพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมกำกับ ตามมาตรการ COVID Free Setting, มาตรการควบคุมแบบบูรณาการในการปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ, สื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention โดยให้ ศปก.ศบค./ กระทรวงมหาดไทย/ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแลผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ติดตามกำกับมาตรการที่กำหนด เพื่อควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตไม่ให้เพิ่มขึ้น"

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ส่วนเป้าหมายการให้บริการวัคซีน โควิด-19 ในเดือนตุลาคม 2564 มีดังนี้

 

1.เน้นให้ทุกจังหวัดฉีดครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 50 และแต่ละจังหวัดให้มีความครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างน้อย 1 อำเภอ และมีต้นแบบ COVID free Area อย่างน้อย 1 พื้นที่ รวมทั้งเพิ่มความครอบคลุมในกลุ่มสูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ให้มากที่สุด ส่วนกลุ่มอื่นๆ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา

 

2.ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก 3.ขยายกลุ่มอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน 4.ฉีดเข็มกระตุ้นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564 และ 5.ฉีดพื้นที่เศรษฐกิจและเพื่อควบคุมการระบาด ทั้งนี้ กรณีจัดหาวัคซีนได้มากกว่าหรือน้อยกว่า 24 ล้านโดส จำนวนที่จัดสรรจะปรับเพิ่มหรือลดตามสัดส่วนวัคซีนที่ได้รับ

 

 

ระดับของพื้นที่ติดเชื้อโควิด19 ในประเทศไทย

สำหรับการให้บริการ วัคซีนไฟเซอร์ สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ได้แก่ นักเรียน/นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า โดยให้บริการผ่านสถาบันการศึกษา อาทิ โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดรัฐบาลและเอกชน สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนสอนศาสนา สถาบันการศึกษาอื่นๆ ที่มีผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปกำลังศึกษาอยู่ เช่น โรงเรียนทหาร เป็นต้น หากนักเรียน/นักศึกษาในสถาบันการศึกษาดังกล่าว มีอายุเกิน 18 ปี ให้รับ วัคซีน Pfizer ได้พร้อมกับนักเรียนในโรงเรียน ทั้งนี้ เป็นไปตามสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก

 

 

ที่มา กระทรวงสาธารณสุข