เด่นโซเชียล

"วัคซีนโควิด" เข็มกระตุ้น ยี่ห้อไหนดีสุด 6 ข้อควรรู้ ต้องพอดีเมื่อถึงเวลา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หมอนิธิไขข้อข้องใจ เรื่อง ระดับภูมิคุ้มกัน และการรับ "วัคซีนโควิด" ในรอบใหม่ เพื่อกระตุ้น ยี่ห้อไหนดีสุด 6 ข้อควรรู้ เช็กปัจจัยต้องพอดีเมื่อถึงเวลา

ว่ากันด้วยเรื่อง "วัคซีนโควิด" เข็มกระตุ้น หมอนิธิ ศ.นพ. นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โพสต์ Nithi Mahanonda ระบุ The more is not always the better ต้องพอดีเมื่อถึงเวลา วันสองวันมานี้มีหลาย ๆ คนถามมาเรื่อง ระดับภูมิคุ้มกัน และการรับวัคซีนโควิด-19 ในรอบใหม่ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ผมขอแนะนำอธิบายคร่าว ๆ ตามนี้นะครับ

  • สำหรับคนที่ได้วัคซีนเชื้อตาย คือ Sinovac และ Sinopharm นั้น ควรได้รับการกระตุ้นภูมิ ประมาณ เดือนที่สี่ ถึง เดือนที่หก หลังจากได้วัคซีนเข็มที่สอง ควรได้เร็วหรือช้าขึ้นกับสองปัจจัย

 

  1. ปัจจัยแรก คือ ความเสี่ยงของคน ๆ นั้นในการติดเชื้อ (เช่น ทำงานเจอผู้คนมาก หรือสัมผัสกับผู้มีเชื้อบ่อย หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออายุมาก)
  2. ปัจจัยที่สอง คือ ความรุนแรงของการระบาดในขณะนั้น เช่น ถ้ามีการระบาดรุนแรงเกิดเวฟที่สี่ หรือ ห้า โดยเฉพาะในหน้าหนาวนี้ที่ต้องเฝ้าระวัง

 

ส่วนจะเป็นวัคซีนชนิดใดที่ใช้กระตุ้นนั้น ไม่สำคัญ และระดับภูมิคุ้มกันจะเท่าไหร่ ก็ไม่ควรนำมาใช้เป็นแนวกำหนดด้วย ถ้ารอได้ควรเป็น วัคซีนรุ่นที่สอง

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

  • สำหรับผู้ที่ได้ "วัคซีนโควิด" ไวรัลเวกเตอร์ เช่น AstraZeneca Johnson and Johnson หรือ Sputnik นั้นควรได้รับการกระตุ้นประมาณ เดือนที่หก ถึง เดือนที่แปด หลังเข็มที่สอง ของ AstraZeneca หรือ Sputnik V และเข็มหนึ่งของ Johnson and Johnson และ Sputnik Light จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับปัจจัยเหมือนกับตามข้างต้น เช่นเดียวกับวัคซีน mRNA คือ Pfizer หรือ Moderna กระตุ้นด้วยวัคซีนอะไรก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรเป็นวัคซีนชนิดเดิมสำหรับวัคซีนประเภทไวรัลเวกเตอร์ เนื่องจากว่าร่างกายมีโอกาสสร้างภูมิต้านทานไวรัสตัวที่ใช้เป็นเวกเตอร์ ทำให้การกระตุ้นภูมิต่อโควิดไม่ดีนัก
  • ถ้าใครไม่ใช่กลุ่มที่ต้องรีบฉีด ควรรอดูว่าจังหวะเวลาที่จะต้องได้รับการกระตุ้นนั้นจะมีวัคซีนที่ออกแบบมาเจาะจงสำหรับการกระตุ้นไหม ทั้งคุณสมบัติและขนาดปริมาณ (โดส) ซึ่งปริมาณขนาดที่จะใช้กระตุ้นนี้มีความสำคัญมาก ไปใช้ขนาดเดียวกับการฉีดครั้งแรก อาจจะมากเกินจำเป็น ไม่ควรตื่นเต้นไปจองวัคซีนรุ่นแรก

 

 

  • ถ้าไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มการศึกษาวิจัย ไม่แนะนำให้เจาะระดับภูมิคุ้มกัน เพราะระดับภูมิคุ้มกันนี้ ไม่สามารถบ่งบอกถึงระดับการป้องกันโรคของ "วัคซีนโควิด" ได้โดยตรง (มี missing unknown unexplained links อีกหลายตัว) เพราะถ้าติดตามศึกษาผลระดับภูมิคุ้มกันที่เสนอกัน จะเห็นว่าในกลุ่มคนที่เหมือน ๆ กัน และได้รับวัคซีนเดียวกัน จะมีผลระดับภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันมากเกินกว่าจะอธิบายได้ (ถ้าใครดูตัวเลขกราฟเป็น จะเห็นได้ว่าเรื่องระดับภูมิคุ้มกันเวลานำเสนอนั้น ในแนวตั้งที่บอกถึงระดับที่วัดภูมิคุ้มกันได้นั้นจะเป็น log scale เพราะต้องแสดงค่าตั้งแต่ ศูนย์ ถึงหลาย ๆ หมื่น จากที่วัคซีนทุกชนิดที่ศึกษาจะวัดค่าได้มีตั้งแต่ต่ำมากถึงสูงมาก การที่เราเห็นผลมันรวมกลุ่มกันเป็นกระจุกนั้นจริง ๆ แล้วมันกระจายกันอยู่มาก ผู้เข้าใจตัวเลขสถิติจะเข้าใจได้ว่า ผลเช่นนี้นำมาหารเฉลี่ยง่าย ๆ ไม่ได้) สรุปว่า ระดับภูมิคุ้มกันใช้เป็นได้เพียงงานวิจัยบอกการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนได้ บ้าง (แต่ไม่ใช่ระบบภูมิคุ้มกันทั้งระบบของคนที่ยังมีระดับความจำของภูมิคุ้มกันและอื่น ๆ อีกด้วย) มีประโยชน์ในการศึกษาเลือกและกำหนดชนิดวัคซีนพอได้ แต่ไม่บอกระดับการป้องกันของร่างกายต่อการติดเชื้อ

 

  • "วัคซีนโควิด" ทุกชนิดที่มีในขณะนี้ ไม่มีชนิดไหนป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้ (และนอกจากนั้น การจะติดเชื้อนั้นขึ้นกับทั้งระดับภูมิและปริมาณเชื้อที่ได้รับด้วย) แต่ทุกชนิดป้องกันการมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ (แต่ก็ไม่ 100%) ดังนั้น ควรเปลี่ยนกรอบความคิดกันใหม่ว่า เราฉีดวัคซีนกันเพื่อกันการป่วยหนัก กันการเสียชีวิต และการแพร่ระบาดในวงกว้าง
  • การตรวจหาเชื้อที่รวดเร็วและการรักษาที่รวดเร็วที่เริ่มมีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยาต้านไวรัส หรือยาแอนติบอดีค็อกเทล จะยิ่งทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วได้ยาเร็วก็หายเร็วขึ้น และไม่มีอาการหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้อีกด้วย

 

"อีกไม่นานเราก็อยู่ไปกับมันได้สบาย ๆ ครับ แต่ยังต้องช่วยกันลุ้นอีกเรื่อง คือ วัคซีนในเด็ก เพราะเรา ๆ ผู้ใหญ่ยังอยากให้สังคมคืนปกติ (ใหม่) โดยเฉพาะ เด็ก ๆ ก็ควรจะกลับสู่การเรียนในโรงเรียนโดยเร็วครับ" หมอนิธิ ทิ้งท้าย

 

logoline