"หมอนิธิ" แนะ 6 ข้อ ก่อนฉีด "วัคซีนเข็มกระตุ้น" ต้องพอดีเมื่อถึงเวลา
"หมอนิธิ" แนะ 6 ข้อหลัก ก่อนตัดสินใจฉีด "วัคซีนเข็มกระตุ้น" ทุกอย่างต้องพอดีเมื่อถึงเวลา ลุ้น วัคซีนในเด็ก ที่ควรกลับสู่ระบบ เหมือนผู้ใหญ่ มากกว่า
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ค ไขข้อข้องใจ กรณีการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ระบุว่า The more is not always the better ต้องพอดีเมื่อถึงเวลา วันสองวันมานี้ มีหลาย ๆ คน ถามมาเรื่องระดับภูมิคุ้มกัน และการรับวัคซีนโควิด-19 ในรอบใหม่ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ผมขอแนะนำอธิบายคร่าว ๆ ตามนี้
1. สำหรับคนที่ได้วัคซีนเชื้อตายคือ Sinovac และ Sinopharm นั้น ควรได้รับการกระตุ้นภูมิ ประมาณเดือนที่ 4 ถึงเดือนที่ 6 หลังจากได้วัคซีนเข็มที่สอง ควรได้เร็ว หรือช้า ขึ้นกับ 2 ปัจจัย ปัจจัยแรก คือ ความเสี่ยงของคน ๆ นั้น ในการติดเชื้อ (เช่น ทำงานเจอผู้คนมาก หรือ สัมผัสกับผู้มีเชื้อบ่อย หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออายุมาก) ปัจจัยที่สอง คือ ความรุนแรงของการระบาดในขณะนั้น เช่น ถ้ามีการระบาดรุนแรงเกิดเวฟที่ 4 หรือ 5 โดยเฉพาะในหน้าหนาวนี้ ที่ต้องเฝ้าระวัง ส่วนจะเป็นวัคซีนชนิดใดที่ใช้กระตุ้นนั้น ไม่สำคัญ และระดับภูมิคุ้มกันจะเท่าไหร่ ก็ไม่ควรนำมาใช้เป็นแนวกำหนดด้วย ถ้ารอได้ควรเป็นวัคซีนรุ่นที่สอง
2. สำหรับผู้ที่ได้วัคซีน ไวรัลเวคเตอร์ เช่น Astra Zeneca ,Johnson and Johnson หรือ Sputnik นั้น ควรได้รับการกระตุ้น
ประมาณเดือนที่ 6 ถึงเดือนที่ 8 หลังเข็มที่สอง ของ Astra Zeneca หรือ Sputnik V และเข็มหนึ่งของ Johnson and Johnson
และ Sputnik Light จะเร็วจะช้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหมือนกับตามข้อ 1 เช่นเดียวกับวัคซีน mRNA คือ Pfizer หรือ Moderna กระตุ้นด้วยวัคซีนอะไรก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรเป็นวัคซีนชนิดเดิม สำหรับวัคซีนประเภทไวรัลเวคเตอร์ เนื่องจากว่า ร่างกายมีโอกาสสร้างภูมิต้านทานไวรัส ตัวที่ใช้เป็นเวคเตอร์ ทำให้การกระตุ้นภูมิต่อโควิดไม่ดีนัก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อาลัย "ทมยันตี" คุณหญิงวิมล ตำนานวรรณกรรมไทย สิ้นแล้ว
- "กองสลาก" เอาใจคอหวยรวมเลข ลิซ่า BLACKPINK ร่วมยินดีเพลง LALISA ยอดวิวสุดปัง
- ชวน "ออมเงิน" ผ่านแอป "กอช." ออมดี 3 เด้ง รัฐสมทบสูงสุดถึง 100%
3. ถ้าใครไม่ใช่กลุ่มที่ต้องรีบฉีด ควรรอดูว่า จังหวะเวลาที่จะต้องได้รับการกระตุ้นนั้น จะมีวัคซีนที่ออกแบบมาเจาะจงสำหรับการกระตุ้นหรือไม่ ทั้งคุณสมบัติ และขนาดปริมาณ(โดส) ซึ่งปริมาณขนาดที่จะใช้กระตุ้นนี้ มีความสำคัญมาก ไปใช้ขนาดเดียวกับการฉีดครั้งแรก อาจจะมากเกินจำเป็น ไม่ควรตื่นเต้นไปจองวัคซีนรุ่นแรก
4. ถ้าไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มการศึกษาวิจัย ไม่แนะนำให้เจาะระดับภูมิคุ้มกัน เพราะระดับภูมิคุ้มกันนี้ ไม่สามารถบ่งบอกถึงระดับการป้องกันโรคของวัคซีนได้โดยตรง (มี missing unknown unexplained links อีกหลายตัว) เพราะถ้าติดตามศึกษาผลระดับภูมิคุ้มกันที่เสนอกัน จะเห็นว่าในกลุ่มคนที่เหมือน ๆ กัน และได้รับวัคซีนเดียวกัน จะมีผลระดับภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกัน มากเกินกว่าจะอธิบายได้ (ถ้าใครดูตัวเลขกราฟเป็น จะเห็นได้ว่า เรื่องระดับภูมิคุ้มกัน เวลานำเสนอนั้น ในแนวตั้งที่บอกถึงระดับที่วัดภูมิคุ้มกันได้นั้น จะเป็น log scale เพราะต้องแสดงค่า ตั้งแต่ ศูนย์ ถึงหลาย ๆ หมื่น จากที่วัคซีนทุกชนิดที่ศึกษาจะวัดค่าได้ มีตั้งแต่ต่ำมากถึงสูงมาก การที่เราเห็นผลมันรวมกลุ่มกันเป็นกระจุกนั้น จริง ๆ แล้วมันกระจายกันอยู่มาก ผู้เข้าใจตัวเลขสถิติจะเข้าใจได้ว่า ผลเช่นนี้
นำมาหารเฉลี่ยง่าย ๆ ไม่ได้) สรุปว่า ระดับภูมิคุ้มกันใช้เป็นได้เพียงงานวิจัยบอกการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนได้ "บ้าง" (แต่ไม่ใช่ระบบภูมิคุ้มกันทั้งระบบ ของคนที่ยังมีระดับความจำของภูมิคุ้มกันและอื่น ๆ อีกด้วย) มีประโยชน์ในการศึกษาเลือก และกำหนดชนิดวัคซีนพอได้ แต่ไม่บอกระดับการป้องกันของร่างกายต่อการติดเชื้อ
5. วัคซีนทุกชนิดที่มีในขณะนี้ ไม่มีชนิดไหนป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้ (และนอกจากนั้น การจะติดเชื้อนั้น ขึ้นกับทั้งระดับภูมิ และปริมาณเชื้อที่ได้รับด้วย) แต่ทุกชนิดป้องกันการมีอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้ (แต่ก็ไม่ 100%) ดังนั้น ควรเปลี่ยนกรอบความคิดกันใหม่ว่า เราฉีดวัคซีนกัน เพื่อกันการป่วยหนัก กันการเสียชีวิต การการแพร่ระบาดในวงกว้าง
6. การตรวจหาเชื้อที่รวดเร็ว และการรักษาที่รวดเร็วที่เริ่มมีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยาต้านไวรัส หรือยาแอนตี้บอดี้ค็อคเทล จะยิ่งทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วได้ยาเร็ว ก็หายเร็วขึ้น และไม่มีอาการหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้อีกด้วย
อีกไม่นานเราก็อยู่ไปกับมันได้สบาย ๆ แต่ยังต้องช่วยกันลุ้นอีกเรื่องคือ วัคซีนในเด็ก เพราะเรา ๆ ผู้ใหญ่ยังอยากให้สังคมคืนปกติ(ใหม่) โดยเฉพาะ เด็ก ๆ ก็ควรจะกลับสู่การเรียนในโรงเรียนโดยเร็ว