โพลชี้ อยากให้ "เปิดโรงเรียน" 25 % หนุนฉีด "วัคซีนโควิด" ทุกคน 60%
อนามัยโพล เผย ประชาชนอยากให้สถานศึกษา - โรงเรียน เปิดมากที่สุด 25.8 % รองลงมาคือร้านอาหาร มาตรการที่ประชาชนอยากให้มีเพิ่มคือพนักงานและผู้ใช้บริการทุกคน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 60.3 %
หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ยกระดับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงผ่อนคลายกิจการ หรือกิจกรรมบางส่วน อาทิ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เปิดให้บริการได้ โดยมีการควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ด้วยการยกระดับมาตรการควบคุมโรคสำหรับการเปิดกิจการหรือกิจกรรมให้ปลอดภัยในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด กรมอนามัยได้ทำการสำรวจอนามัยโพล พบประชาชนอยากให้สถานศึกษา - โรงเรียน เปิดมากที่สุด รองลงมาคือร้านอาหาร พร้อมชวนประชาชนปรับพฤติกรรมส่วนบุคคลโดยยึดหลัก Universal Prevention
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยื่นหนังสือ ครูหยุย ปรับร่างกม. "กระท่อม" ห้ามขายเด็กต่ำกว่า20 ปี
- คร.พร้อมฉีด "ไฟเซอร์" ให้ "นักเรียน" 12 ปีขึ้นไป ต้นตุลาคมนี้
- 12 SME ไทยคว้า "สุดยอด SMEแห่งชาติ " ครั้งที่ 13 หนุนเข้าสู่ MAI - SET ในอนาคต
- "สถานทูตญี่ปุ่น" เตือน "ประชาชนในไทย" ระวังระเบิดพลีชีพ
- นนทบุรีเปิดให้วอล์กอินฉีดวัคซีน "ซิโนฟาร์ม" ฟรีเช็กรายละเอียดที่นี่
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้มีการสำรวจ Anamai Event Poll ประเด็น คิดเห็นอย่างไรกับมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ในหัวข้อสถานประกอบการหรือกิจกรรม ที่ประชาชนอยากให้เปิดมากที่สุด ซึ่งผลสำรวจพบว่า อยากให้เปิดสถานศึกษา โรงเรียนมากที่สุด 25.8 % รองลงมา คือร้านอาหาร 20.5 % และห้างสรรพสินค้า 6.3 % ตามลำดับ โดยเหตุผลที่ประชาชนอยากให้เปิดมากที่สุด คือ เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น 36.3 % และมาตรการที่ประชาชนอยากให้มีเพิ่มคือพนักงานและผู้ใช้บริการทุกคน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 60.3 % รองลงมาคือสถานประกอบกิจการและกิจกรรมต้องผ่านเกณฑ์ประเมินของกระทรวงสาธารณสุข 41.1 % และพนักงานและผู้ใช้บริการทุกคนต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 38.3 % ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อมีการเปิดให้บริการตามมาตรการผ่อนคลายกิจการหรือกิจกรรมบางส่วนแล้ว กรมอนามัยขอความร่วมมือจากประชาชนปรับพฤติกรรมตามหลักของ Universal Prevention
โดยมีหลักปฏิบัติ 10 วิธี ดังนี้ ออกจากบ้านเมื่อจําเป็นเท่านั้น , เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตรในทุกสถานที่ , สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ทั้งที่อยู่ในและนอกบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน , ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือแจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนกินอาหาร หลังใช้ส้วม ไอจาม หรือสัมผัสวัตถุ สิ่งของที่ใช้ร่วมกัน , หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา จมูก ปาก โดยไม่จําเป็น , ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี และผู้มีโรคเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จําเป็น , ทําความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ , แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น , เลือกกินอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ ควรกินอาหารแยกสํารับ หากกินร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัว และ หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง เช่น สัมผัสผู้ที่อาจติดเชื้อหรือมีอาการ ควรได้รับการตรวจด้วย ATK ในเบื้องต้น เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่