เด่นโซเชียล

"Reverse Mortgage" เปลี่ยนบ้านเป็นบำนาญ มีเงินใช้จนตาย อีกทางเลือกสินเชื่อ

"Reverse Mortgage" เปลี่ยนบ้านเป็นบำนาญ มีเงินใช้จนตาย อีกทางเลือกสินเชื่อ

30 ต.ค. 2564

ทำความรู้จัก "Reverse Mortgage" สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์การเงินทางเลือกใหม่ การจำนองแบบย้อนกลับ ขายบ้านล่วงหน้า แลกเป็นบำนาญ มีเงินใช้จนตาย

 

วันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ พามาทำความรู้จัก "Reverse Mortgage" เปลี่ยนบ้านเป็นบำนาญ มีเงินใช้จนตาย โดยปัจจุบันประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ไปสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยในขณะนี้ไทยมีประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากถึงร้อยละ 15 หรือมากกว่า 10 ล้านคนแล้ว นอกจากนี้ แนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวก็มากขึ้น ทำให้เงินที่เตรียมไว้เพื่อการเกษียณอายุอาจไม่เพียงพอจนวันสุดท้ายของชีวิต

ดังนั้น ภาครัฐจึงเริ่มมีนโยบายใหม่ ๆ เพื่อมาช่วยเหลือผู้สูงอายุมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การเงินทางเลือกใหม่สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่ง Reverse Mortgage หรือ การจำนองแบบย้อนกลับ นั้นจะตรงข้ามกับการขอสินเชื่อบ้านหรือจำนองบ้านทั่วไป ดังนี้

 

 

สินเชื่อบ้านทั่วไป

  • ผู้กู้ผ่อนชำระกับธนาคารทุกงวด
  • ครบกำหนดงวดสุดท้าย บ้านจะเป็นของผู้กู้
  • คุณสมบัติของผู้กู้ต้องอายุไม่เกิน 70 ปี

สินเชื่อ "Reverse Mortgage"

  • ธนาคารเป็นผู้ผ่อนชำระให้ผู้กู้ทุกงวด
  • ครบกำหนดงวดสุดท้าย บ้านจะเป็นของธนาคาร
  • คุณสมบัติของผู้กู้ต้องอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี

 

 

"การจำนองแบบย้อนกลับ คือ เราขายบ้านล่วงหน้าให้กับธนาคาร แต่แทนที่เราจะได้เป็นเงินก้อน เราจะได้เป็นเงินรายงวด ธนาคารต้องจ่ายเงินค่างวดทุก ๆ เดือน คล้ายกับเงินบำนาญให้กับเจ้าของบ้านจนกว่าเจ้าของบ้านเสียชีวิต และธนาคารก็ได้บ้านนั้นไป อาจเอาไปขายต่อให้กับทายาทหรือขายทอดตลาดก็ได้ ทั้งนี้ เจ้าของบ้านก็สามารถอยู่อาศัยในบ้านได้ เสมือนเป็นบ้านของเราเลยจนกว่าจะเสียชีวิต"

 

 

 

สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ "Reverse Mortgage" สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จาก ธนาคารออมสิน

จำนวนเงินให้กู้

  • ให้กู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

ที่ดินพร้อมอาคาร

  • กรณีตั้งอยู่ในโครงการจัดสรรตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 70 ของราคาประเมินหลักทรัพย์
  • กรณีไม่ได้ตั้งอยู่ในโครงการจัดสรรตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน มีเงื่อนไข ดังนี้

 

  1. ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา) เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล ไม่เกินร้อยละ 70 ของราคาประเมินหลักทรัพย์
  2. นอกเหนือจากพื้นที่ตาม 1 ไม่เกินร้อยละ 60 ของราคาประเมินหลักทรัพย์

ห้องชุด

  • ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 60 ของราคาประเมินหลักทรัพย์
  • ทั้งนี้ จำนวนเงินให้กู้ หมายถึง เงินต้นรวมดอกเบี้ย และรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้แก่ ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ค่าจดจำนอง และค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

ดอกเบี้ย

 

 

 

 

ระยะเวลาจ่ายเงินกู้

  1. สูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยต้องเท่ากับระยะเวลาที่เหลือของอายุผู้กู้ที่รวมกับระยะเวลาการจ่ายเงินกู้แล้วผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 85 ปี กรณีมีผู้กู้ร่วมให้นับระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตามอายุของผู้กู้ที่มีอายุน้อยที่สุดเพียงคนเดียว (ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ = 85 - อายุผู้กู้)
  2. กรณีมีผู้กู้ร่วม สูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยให้ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เท่ากับ 85 ลบด้วยอายุผู้กู้ที่มีอายุน้อยกว่าเพียงคนเดียว (ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ = 85 - อายุผู้กู้ที่มีอายุน้อยกว่า) ยกเว้นกรณีผู้กู้ร่วมมีอายุต่ำกว่า 60 ปี ให้ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เท่ากับ 25 ปี เท่านั้น

วิธีการจ่ายเงินกู้ ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

  1. จ่ายเงินกู้เป็นรายเดือน หรือ
  2. จ่ายเงินงวดแรกเท่ากับร้อยละ 10 ของวงเงินกู้ จากนั้นจ่ายเงินกู้เป็นงวดรายเดือน

 

  • ทั้งนี้ ผู้กู้สามารถขอเบิกเงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในวันทำนิติกรรมสัญญาได้ เช่น ค่าจดจำนอง และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย โดยการจ่ายเงินกู้งวดแรกเท่ากับร้อยละ 10 ของวงเงินกู้ เป็นจำนวนที่รวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในวันจัดทำนิติกรรมสัญญาแล้ว นอกจากนี้ ผู้กู้ยังสามารถเบิกเงินกู้เพิ่มเติมในระหว่างสัญญาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางได้
  • กรณีธนาคารจ่ายเงินต้นรวมดอกเบี้ยและ / หรือค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี) ครบวงเงินกู้ตามสัญญาแล้วผู้กู้ยังมีชีวิตอยู่ ธนาคารจะหยุดจ่ายให้กับผู้กู้และคิดดอกเบี้ยกับผู้กู้ต่อไปจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้ปิดบัญชี

 

 

กรณีผู้กู้มีความประสงค์ขอกู้เพิ่มเติม

ให้ประเมินราคาหลักประกันใหม่ หากราคาประเมินเพิ่มสูงขึ้นและคุ้มมูลหนี้เดิม ให้พิจารณาให้กู้ ดังนี้

  1. ไม่นำหลักเกณฑ์เงื่อนไขในส่วนของวงเงินให้กู้สูงสุดต่อราย อายุผู้กู้และระยะเวลาให้กู้มาพิจารณา โดยจ่ายเงินกู้เป็นรายเดือนให้กับผู้กู้ในจำนวนเท่าเดิม
  2. จำนวนเงินที่ขอกู้เพิ่มเติมเมื่อรวมกับมูลหนี้เดิมแล้วต้องไม่เกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
  3. ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ครั้งละไม่เกิน 5 ปี หากมีการขอกู้เพิ่มเติมในครั้งต่อไปอีก ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันนี้


คุณสมบัติ

  • เป็นบุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 80 ปี และต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
  • กรณีไม่มีคู่สมรส ผู้กู้ต้องมีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันแต่เพียงผู้เดียว และไม่มีกรณีการกู้ร่วมกับบุคคลอื่น
  • กรณีมีคู่สมรส กรรมสิทธิ์ในหลักประกันจะต้องเป็นของผู้กู้และ/หรือคู่สมรสเท่านั้น โดยมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขเพิ่มเติม ดังนี้

 

  1. คู่สมรสต้องเข้ามาเป็นผู้กู้ร่วมด้วย และไม่มีกรณีกู้ร่วมกับบุคคลอื่น
  2. คู่สมรสต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้กู้ ยกเว้นอายุคู่สมรสต้องมีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 80 ปี

 

  • ต้องสามารถรับภาระค่าใช้จ่าย หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขอสินเชื่อกับธนาคารได้

 

หลักประกัน

ที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดซึ่งปลอดภาระหนี้เพียงแห่งเดียว โดยต้องเป็นที่อยู่อาศัยหลักของผู้กู้และคู่สมรส (ผู้กู้ร่วม) และต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตลอดอายุสัญญากู้เงิน โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

  1. กรณีหลักประกันเป็นห้องชุด ต้องเป็นห้องชุดในอาคารชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด และต้องมีราคาประเมินไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท
  2. ต้องตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ มีสภาพคล่องสูง อยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญ มีสาธารณูปโภคที่จำเป็น มีทางสาธารณประโยชน์ซึ่งรถยนต์ผ่านเข้า - ออกได้สะดวก
  3. ทั้งนี้ หลักประกันต้องไม่เป็นที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่บนที่ดินที่เป็นที่สวน ที่ไร่ ที่นา

สถานที่ยื่นคำขอกู้

  • ธนาคารออมสินสาขาที่หลักประกันตั้งอยู่

 

 

สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ "Reverse Mortgage" สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จาก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

เงื่อนไขพิเศษ

  • โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) เป็นสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี ซึ่งธนาคารให้กู้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ โดยลูกค้าต้องนำที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระจำนองมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ และธนาคารจะจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือน

หมายเหตุ : กำหนดพื้นที่นำร่องหลักประกันต้องตั้งอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล

วัตถุประสงค์การยื่นกู้

  • เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ

วงเงิน / ระยะเวลาผ่อน

วงเงินให้กู้สูงสุด

  • วงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท

ระยะเวลาการกู้

  • อย่างน้อย 6 เดือน และสูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาขอกู้ต้องไม่เกิน 85 ปี

 

 

อัตราดอกเบี้ย / ค่าธรรมเนียม

อัตราดอกเบี้ย

  • คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากับ 6.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญากู้เงิน

ค่าธรรมเนียม

ยกเว้นค่าธรรมเนียม

  1. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้)
  2. ค่าประเมินราคาหลักประกัน

ธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม

  1. ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาทต่อราย)
  2. ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)
  3. ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยครึ่งหนึ่ง (50%)

 

 

คุณสมบัติ / เอกสารที่ใช้สมัคร

คุณสมบัติ

  • บุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทยอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี และเป็นผู้มีกรรมสิทธิในที่อยู่อาศัยโดยปลอดภาระจำนอง
  • ต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
  • กู้ร่วมได้เฉพาะกับคู่สมรสตามกฎหมายหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันเดียวกัน

เอกสาร

  • บัตรประจำตัวประชาชน / ข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
  • ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
  • สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (ถ้ามี)
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ - สกุล (ถ้ามี)
  • อื่น ๆ (ถ้ามี)

 

 

เอกสารหลักประกัน

  • สำเนาโฉนดที่ดิน / น.ส.3ก. / หนังสือแสดงกรรมสิทธิห้องชุด (อช.2) ทุกหน้า
  • หลักฐานการเป็นเจ้าของบ้าน เช่น สำเนาใบคำขอ เลขหมายบ้าน สำเนาสัญญาซื้อขายฉบับสำนักงานที่ดิน (ทด.13 หรือ อ.ช.23)
  • ทะเบียนบ้านหลักประกันที่มีชื่อผู้กู้หลักเป็น “เจ้าบ้าน” หรือ“ผู้อาศัย”
  • อื่น ๆ (ถ้ามี)

 

หมายเหตุ **  ธนาคารขอสงวนสิทธิในการขอเอกสารต่าง ๆ ของผู้กู้เพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบพิจารณาการให้สินเชื่อของธนาคาร **

 

รายละเอียดเพิ่มเติม : ธนาคารออมสิน , ธนาคารอาคารสงเคราะห์