เด่นโซเชียล

เป็นปลื้ม "WHO"  ชื่นชม ไทยควบคุม "วัณโรค" โดดเด่น-ชัดเจน

เป็นปลื้ม "WHO" ชื่นชม ไทยควบคุม "วัณโรค" โดดเด่น-ชัดเจน

28 ต.ค. 2564

"WHO" เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชื่มชมไทย ควบคุม "วัณโรค" โดดเด่นและชัดเจน ส่งผลให้หลุดจากกลุ่มประเทศที่มีภาระวัณโรคดื้อยาหลายชนิดสูง

"WHO" เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชื่มชมไทย ควบคุม "วัณโรค" โดดเด่นและชัดเจน ส่งผลให้หลุดจากกลุ่มประเทศที่มีภาระวัณโรคดื้อยาหลายชนิดสูง

 

 

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีเเละรัฐมนตรีว่าการ  กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายเเพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เเละแพทย์หญิงผลิน กมลวัทน์ ผู้อำนวยการกองวัณโรค เข้าร่วมประชุมทางไกลในการประชุมผู้นำระดับสูง ด้านการตอบโต้วัณโรคระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (High-Level Meeting for Renewed TB Response in the WHO South-East Asia Region) และประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO SEARO) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรวมพลังในการยุติวัณโรคในช่วงการระบาดของ    โรคโควิด 19 
 

นายเเพทย์โอภาส กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีเเละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าว   เเถลงการณ์ในนามผู้เเทนของประเทศไทย โดยเน้นถึงสามประเด็นหลัก ได้แก่ ประการที่ 1 คือ การค้นหา   เชิงรุกเเละเพิ่มการเข้าถึงการรักษาในประชากรกลุ่มเสี่ยง อาทิ แรงงานข้ามชาติ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ต้องขัง ประการที่ 2 คือ ให้ความสำคัญกับการตรวจจับเเละรักษาวัณโรคดื้อยา

 

 

 

โดยประกาศให้วัณโรคเป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ที่สถานพยาบาลทุกแห่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญและดำเนินการตามแนวทางการรักษา เเละประการที่ 3 คือ ขยายขอบเขตการวินิจฉัยและการรักษาการติดเชื้อวัณโรคในกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค อาทิ เด็กเเละผู้ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อให้เข้ารับการรักษาได้โดยเร็วหากมีการติดเชื้อ
 

ด้าน ดร.พูนาม เคตราปาล ซิงห์ (Dr.Poonam Khetrapal Singh) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO-SEARO) ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยเเละเนปาล

 

 

"ที่มีการควบคุมวัณโรคที่โดดเด่น มีระบบเเละแผนงานที่ชัดเจนจนทำให้หลุดออกจากกลุ่มประเทศที่มีภาระวัณโรคดื้อยาหลายชนิดสูงได้ เเละได้กล่าวเป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยงานทำงานอย่างปลอดภัย ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการยุติวัณโรคภายในปี 2573"