เรื่องไม่จบ "พระมหาไพรวัลย์" ถึง "เจ้าคุณพิพิธ" หากลาสิกขาจะลาด้วยตัวเอง
"พระมหาไพรวัลย์" โพสต์เฟซบุ๊ก แจงการให้สัมภาษณ์ของ "เจ้าคุณพิพิธ" ยันหากลาสิกขา จะลาด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวว่ากำลังสำคัญตัว และว่าเรื่องของความเป็นธรรม ไม่ใช่การต่อรอง แต่ต้องส่งเสียงเรียกร้อง
"พระมหาไพรวัลย์" โพสต์เฟซบุ๊ก แจงการให้สัมภาษณ์ของ "เจ้าคุณพิพิธ" ยันหากลาสิกขา จะลาด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวว่ากำลังสำคัญตัว และว่าเรื่องของความเป็นธรรม ไม่ใช่การต่อรอง แต่ต้องส่งเสียงเรียกร้อง
จากกรณีที่ พระเทพปฏิภาณวาที หรือ "เจ้าคุณพิพิธ" วัดสุทัศนเทพวราราม ให้สัมภาษณ์ถึง "พระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ" พระลูกวัดสร้อยทอง ที่ไลฟ์สดประกาศ เตรียมลาสิกขาบท แสดงอารยะขัดขืน ในความไม่เป็นธรรม หากมีการเปลี่ยนตัว ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง โดยไม่ใช่พระราชปัญญาสุธี หรือเจ้าคุณอุทัย ที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองอยู่ในขณะนี้ ว่า
“การประกาศสึกก็เหมือนประกาศทำศึก เอาตัวเข้าทำศึก เพื่อให้เจ้าคุณอุทัยได้เป็นเจ้าอาวาส พระมหาไพรวัลย์เปิดฉากใหญ่เกินไป สำคัญตัวผิด เป็นศึกใหญ่เกินตัว สงครามครั้งนี้ใหญ่เกินไปสำหรับท่านซึ่งมีกำลังต่อรองน้อย จะเอาอะไรไปสู้ ถามว่าใครจะช่วย อาตมาเป็นรายแรกที่ให้สติ
“ถ้าฟังที่เคยเตือนในวันนั้น ก็จะไม่มีวันนี้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว อุทานได้คำเดียวว่า ไม่คุ้มค่า ไม่น่าทำ ไม่น่าไปโต้ตอบรุนแรงอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าลืมว่าการท้าทายเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด” เจ้าคุณพิพิธระบุ
ต่อมาวันนี้ 4 พ.ย.64 "พระมหาไพรวัลย์" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พระมหาไพรวัลย์ ถึงกรณีดังกล่าวว่า
"ถ้าผมจะลาสิกขา คือผมลาด้วยตัวผมเองครับ และทุกเรื่องที่ผมพูด ผมพูดเพราะมันคือความสัตย์ คือสิ่งที่ควรพูด ควรทวงถาม ไม่เกี่ยวกับว่า ผมกำลังสำคัญตัวอะไร
ผมไม่ใช่พวกเล่นละครเก่งนะครับ เวลาโทรมาคุย คุยอีกแบบหนึ่ง เวลาอยู่หน้าสื่อ พูดอีกแบบหนึ่ง พูดแบบนางเอกละครหลังข่าว พูดแบบไม่ต้องใช้ความกล้าหาญอะไร ใครก็พูดได้ครับ ผมก็พูดได้ ถ้าจะพูด
ผมว่าอาจารย์ดูหนังจีนเยอะไปนะครับ พูดเรื่องการศึกสงคราม เรื่องการต่อรองอะไรเนี่ย ความยุติธรรม ความเป็นธรรม เป็นเรื่องของการต้องต่อรองตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ หรือผมเข้าใจผิดมาโดยตลอด ผมนึกว่า เรื่องความเป็นธรรม เป็นเรื่องของการต้องส่งเสียงเรียกร้อง
อาจารย์กำลังทำให้คณะสงฆ์ดูแย่ไปอีกนะครับ จะโดยรู้ตัวหรือไม่ พูดเหมือนคณะสงฆ์ไม่ต่างจากเกมส์การเมืองของพวกฆราวาสเลย
ผมรักการพระศาสนา รักคณะสงฆ์ และลึกๆ ก็เคารพนับถือพระผู้ใหญ่ (เหมือนที่ผมเคยเคารพนับถืออาจารย์นั่นแหล่ะครับ) ผมจึงพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะของกัลยาณมิตร ของคนรุ่นใหม่ ของลูกของหลาน
ผมเจียมตัวเสมอครับ และพูดคิดอะไร คือไตร่ตรองดีแล้ว หลายครั้งหลายหนเหลือเกินที่ผมเลือกจะไม่โต้อาจารย์เพราะยังเห็นแก่ความเคารพนับถือ ครั้งก่อนก็เรื่องความไม่ก้าวหน้า ไม่มีอนาคต ทำไมอาจารย์ถึงมองว่า อนาคตของอาจารย์กับอนาคตของผม คืออนาคตเดียวกันละครับ ผมเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแบบที่อาจารย์คิดตอนไหน
อาจารย์เองก็โดนเยอะนะครับ ทั้งเรื่องสำนักงานตัวเองที่โดนเวียนคืน ทั้งเรื่องการเขียนกลอน เมื่อครั้งก่อน เรื่องพวกนี้ไม่ทำให้อาจารย์เห็นสัจธรรมอะไรเลยหรอครับ"
"ขอประทานโทษเถอะครับ อย่าทำให้ผมหมดความนับถือเลย"