เด่นโซเชียล

"ค่าไฟฟ้าเพิ่ม" สำนักงานกกพ. ประกาศ ตรึงไม่อยู่ เจอกันช่วงม.ค.-เม.ย.

"ค่าไฟฟ้าเพิ่ม" สำนักงานกกพ. ประกาศ ตรึงไม่อยู่ เจอกันช่วงม.ค.-เม.ย.

23 พ.ย. 2564

"ค่าไฟฟ้าเพิ่ม" คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะ ปรับขึ้นค่าไฟฟ้า แบบขั้นบันไดในปีหน้า ครั้งแรก หลังจากตรึงราคามานานถึง 2 ปี

 

"ค่าไฟฟ้าเพิ่ม" คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเตรียมทยอยเพิ่มค่า FT (ค่าไฟฟ้าแปรผัน) ประจำงวดมกราคม - เมษายน 2565 ที่ 16.75 สตางค์ ยืนยันยังคงดูแลเสถียรภาพราคาพลังงาน พร้อมหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่

 

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เผยว่า กกพ. มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า FT) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม – เมษายน 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.63 จากงวดปัจจุบัน

 

ก่อนหน้านี้ กกพ. ได้ดำเนินนโยบายบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้ใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการลดค่าไฟฟ้า และตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เบาบางลง ทำให้เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับวิกฤตพลังงานในต่างประเทศ ซึ่งเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ส่งให้เกิดภาวะพลังงานตึงตัว (Eneygy Crisis) เนื่องจาก ปริมาณความต้องการใช้พลังงานทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นเหตุให้ค่าไฟฟ้าผันแปร ในงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน 2565 (ที่ใช้ค่าจริงในเดือนกันยายน 2564 ในการประเมินการ) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 48.01 สตางค์

 

 

 

 

สำหรับปัจจัยในการพิจารณาขึ้น "ค่าไฟฟ้าเพิ่ม" ในรอบเดือนมกราคม - เมษายน ประกอบด้วย

  • ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2565 เท่ากับปริมาณ 65,325 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากประมาณการงวดก่อนหน้า (กันยายน-ธันวาคม 2564) ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 64,510 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.26
  • สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2565 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 60.27 ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้ ยังซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ลาวและมาเลเซีย) รวมร้อยละ 13.92 และค่าเชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน ร้อยละ 7.68 ลิกไนต์ของ กฟผ. ร้อยละ 7.55 และอื่นๆ อีก ร้อยละ 6.92
  • ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ใช้ในการคำนวณค่าไฟฟ้าแปรผัน เดือน มกราคม - เมษายน 2565 เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการในกันยายน-ธันวาคม 2564 โดยราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า และราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นมากจากประมาณในรอบกันยายน-ธันวาคม 2564 โดยที่เชื้อเพลิงอื่นๆ มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยและคงที่ 

 

กกพ. ห่วงใยสถานการณ์ราคาพลังงานที่แพงขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้พลังงานเป็นวงกว้าง จึงได้พิจารณานำเงินบริหารจัดการค่าไฟฟ้าแปรผัน และเงินเรียกคืนฐานะการเงินจากการไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งหมดมาลดผลกระทบของการปรับค่าไฟฟ้าแปรผันครั้งนี้กว่า 5,129 ล้านบาท

 

 

 

 

นำเงินผลประโยชน์ของบัญชีเงินที่จ่ายค่าก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าตามปริมาณก๊าซตามสัญญาไปก่อน (Take or Pay) ของแหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา จำนวนเงิน 13,511 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรทั้งหมด 18,640 ล้านบาท ตลอดจนได้พิจารณาค่าแนวโน้มปี 2565 ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยจะอยู่ในระดับ 32.1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันตลาดโลกคาดการณ์เฉลี่ยลดลงมาเป็นประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และให้มีการบริหารจัดการผลิตไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันทดแทน Spot LNG ซึ่งมีราคาสูง เพื่อลดผลกระทบต่อราคาไฟฟ้าในภาพรวมด้วยแล้ว ยังคงทำให้ค่าไฟฟ้าแปรผัน ต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7.18 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 22.50 สตางค์ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในระยะสั้นเป็นอย่างมาก

 

ดังนั้น กกพ. จึงได้พิจารณาแนวทางในการลดผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปี และทยอยปรับ "ขึ้นค่าไฟฟ้าแปรผัน" แบบขั้นบันได โดยในงวดเดือน มกราคม - เมษายน 2565 จะเพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15.32 สตางค์ในงวดก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยปรับปรุงตามค่าจริงในรอบต่อ ๆ ไป

 

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ราคาพลังงานระยะต่อไปยังคงมีความผันผวนและเป็นแนวโน้มขาขึ้น ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายสัมปทาน จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับ

 

สถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งการประหยัดใช้พลังงาน กกพ. จะดูแลค่าไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพเพื่อหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ได้อย่างราบรื่นและมีความสมดุล ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือน มกราคม – เมษายน 2565 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 19 – 25 พฤศจิกายน 2564 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป.