"ORANGE THE WORLD" คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญทั่วโลก หาคำตอบได้ที่นี่
"ORANGE THE WORLD" กลายเป็นกระแสในเมืองไทย หลังจากทาง SCENARIO ร่วมมือกับ UN Woman เปิดตัวแคมเปญดังกล่าวขึ้น โดยมีเซเลบริตี้เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งหลายคงจะสงสัยว่าแคมเปญดังกล่าว เกี่ยวกับอะไร ทำไมถึงมีความสำคัญขนาดนั้น เรารวบรวมคำตอบมาให้แล้ว เช็คเลย
"ORANGE THE WORLD" เกิดจากความรุนแรงต่อสตรีและเด็กที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ก็ตาม ล้วนส่งผลกระทบต่อสตรีโดยไม่คำนึงถึงอายุ, ภูมิหลัง หรือระดับการศึกษา นอกจากนี้ ความรุนแรงยังมีหลายรูปแบบ ทั้งทางร่างกาย, ทางเพศ หรือทางจิตใจ ตลอดจนการล่วงละเมิดและการแสวงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ทำให้วันที่ 25 พฤศจิกายน ถูกกำหนดเป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล และวันสิทธิมนุษยชนในวันที่ 10 ธันวาคม ทำให้ทั้ง 16 วันล้วนเป็นวันที่มีการเคลื่อนไหว เพื่อต่อต้านความรุนแรงทางเพศ และเนื่องจาก วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลในปีนี้ ตรงกับวันอาทิตย์ ทาง UNESCO จึงเริ่มจัดกิจกรรมดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน และกำหนดให้ 16 วันดังกล่าว เป็นการเคลื่อนไหวในธีม “UNESCO says NO to violence against women”
ทำไมแคมเปญ "Orange the World" ถึงต้องเป็นสีส้ม
- เนื่องจาก สีส้ม เป็นสัญลักษณ์ของอนาคตที่สดใส ปราศจากความรุนแรง เพื่อปลุกจิตสำนึกและยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก
- นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, รัฐบาล และพันธมิตรของ UN ให้ความสำคัญต่อประเด็นดังกล่าว ไม่ใช่แค่เฉพาะวันที่ 25 พฤศจิกายนเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่อยากให้เห็นความสำคัญของวันดังกล่าวในทุก ๆ เดือน
- และเพื่อเป็นการยุติความรุนแรงดังกล่าว ทาง UNESCO จึงได้จัดนิทรรศการนำเสนอความรุนแรงต่อสตรีทั่วโลก รวมไปถึงจุดเริ่มต้นในการจัดนิทรรศการด้วย โดยงานนี้จะเริ่มจัดในวันที่ 23 พฤศจิกายนไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ขององค์กร UNESCO จะร่วมกันถ่ายภาพหมู่ พร้อมใช้ร่มเป็นสัญลักษณ์ แทนการปฏิเสธความรุนแรงต่อสตรี เพื่อนำไปใช้ในการสนับสนุนและสร้างความตระหนักรู้ในสังคมทั่วทุกมุมโลก โดยทาง UNESCO จะแบ่งปันรูปภาพดังกล่าวผ่านทางโซเชียลมีเดียทั้งหมด
นอกจากนี้ UNESCO ยังได้เชิญชวนให้ทุกคนโพสต์รูปภาพวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล โดยใช้ร่มและเสื้อผ้าสีส้มเป็นสัญลักษณ์บน Facebook, Twitter และ Instagram พร้อมติด #Orange the World และแท็ก UNESCO เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาดังกล่าว และสนับสนุนเพื่อปกป้องสิทธิสตรี เด็ก และครอบครัวอีกด้วย
ข้อมูล : UNESCO