เด่นโซเชียล

"วัคซีนโควิด" ทำท้องเสียทั้งจังหวัด จริงหรือไม่ เช็คก่อนเชื่อ

"วัคซีนโควิด" ทำท้องเสียทั้งจังหวัด จริงหรือไม่ เช็คก่อนเชื่อ

05 ม.ค. 2565

ชาวเน็ตแห่แชร์ "วัคซีนโควิด" พาชาวจันทบุรีท้องเสียทั้งจังหวัด เป็นข่าวปลอมหรือไม่ หมอตอบชัด เช็คก่อนแชร์ ที่นี่

ชาวเน็ตแห่แชร์ "วัคซีนโควิด" พาชาวจันทบุรีท้องเสียทั้งจังหวัด เป็นข่าวปลอมหรือไม่ หมอตอบชัด เช็คก่อนแชร์ ที่นี่

 

ตามที่มีการส่งต่อข้อความถึงประเด็นเรื่อง จันทบุรีท้องเสียพร้อมกันทั้งจังหวัด ผลจาก "วัคซีนโควิด" ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

 

จากกรณีการแชร์เรื่องราวที่ระบุว่า "วัคซีนโควิด" เริ่มออกฤทธิ์แล้ว งานนี้ทำคนเมืองจันท้องเสียทั้งจังหวัดเลย ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรีได้ตรวจสอบและชี้แจงว่ากรณีที่มีรายงานข่าวว่าพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มสูงขึ้นใน จ.จันทบุรี นั้น กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ชลบุรี (สคร.6 ชลบุรี) ลงพื้นที่สอบสวนโรค เพื่อสนับสนุนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานในพื้นที่

 

 

ซึ่งจากรายงานในเบื้องต้นพบว่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีย้อนหลัง ในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปี มีเพียง อ.เมือง ซึ่งเป็นเขตที่มีผู้คนอาศัยหนาแน่นเท่านั้น ที่พบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ แต่อาการไม่รุนแรง และไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต ส่วนสาเหตุหลักคาดว่าเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ไม่ใช่ ผล "วัคซีนโควิด"

 

ทั้งนี้ ต้องรอผลแลปจากตัวอย่างน้ำและอาหารที่ส่งตรวจเพื่อมายืนยันการระบาด และจากการสอบสวนเพิ่มเติมยังพบว่า อาหารที่ผู้ป่วยรับประทานก่อนมีอาการป่วย มีความหลากหลายเป็นอาหารทั่วไปไม่ได้จำเพาะ

 

โดยสถานการณ์ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง ที่จังหวัดจันทบุรี จากระบบรายงานของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระหว่าง วันที่ 1-28 ธันวาคม 2564 พบผู้ป่วยจำนวน 589 ราย ซึ่งพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 19-25 ธันวาคม 2564 โดยพบผู้ป่วยสะสมถึงวันที่ (28 ธ.ค.64) จำนวน 273 ราย เป็นเพศชาย 99 ราย เพศหญิง 174 ราย

 

กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด ได้แก่ 20-29 ปี (31.14%) รองลงมา คือเด็กแรกเกิด-9 ปี (16.85%) และ 10-19 ปี (15.75%) ตามลำดับ จำนวนผู้ป่วยอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง เริ่มเพิ่มสูงผิดปกติ ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 64 เป็นต้นมา เพิ่มสูงขึ้นมาก ช่วง 27-29 ธ.ค. 64 เมื่อรวมกับผู้ป่วยใหม่ที่มีรายงานเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่วันที่ 25-29 ธ.ค. 64 อีก 455 ราย รวมเป็น 728 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน และเด็กเล็ก อาการไม่รุนแรง มีถ่ายเหลว คลื่นไส้ ปวดท้อง ไข้บางราย พบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเฉพาะในบางตำบลเท่านั้น

 

 

โดยในขณะนี้จำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเริ่มลดลงแล้ว เหลือเพียงวันละ 30-40 ราย จากเดิมช่วงสูงสุดประมาณวันละ 60-70 ราย ซึ่งในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เหล่านี้ ผลจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบเชื้อก่อโรคในผู้ป่วยหลายราย เป็นเชื้อไวรัสโนโร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุหลักในการพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติในครั้งนี้ ไม่ใช่ "วัคซีนโควิด"