ไม่ง่าย กว่าจะได้เป็น "จักษุแพทย์" เสียดาย “หมอกระต่าย” เป็นหมอสาขาขาดแคลน
จักษุแพทย์ เปิดเผยข้อมูล กว่าจะมาเป็นหมอตา ต้องเรียนกันมากี่ปี ด้านชาวเน็ตที่เคยรักษากับ "หมอกระต่าย" ใจสลาย ไม่มีหมอรักษาตาลูกชายอีกแล้ว
ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในสังคม กรณี พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ "หมอกระต่าย" จักษุแพทย์อนาคตไกล ประสบอุบัติเหตุถูกรถ "บิ๊กไบค์" ชนเสียชีวิตบนทางม้าลาย ล่าสุด พ.ญ. อรวีณัฏฐ์ นิมิตรวงศ์สกุล จักษุแพทย์ สาขาศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างเบ้าตาและอวัยวะรอบดวงตา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ รู้เรื่องตา-ตาปลอม เปิดเผยข้อมูลของการที่กว่าจะเรียนจบมาเป็นหมอเกี่ยวกับ กว่าจะเรียนจบ จนมาเป็น "จักษุแพทย์" หรือ “หมอตา” ต้องผ่านอะไรมาบ้าง โดยระบุข้อความว่า
เรียนกันกี่ปีกว่าจะมาเป็นหมอตา
อันนี้คือข้อมูลของประเทศไทยนะคะ
บ้านเราจบ ม.6 แล้ว เข้ามหาวิทยาลัยต่อ
เรียนหมอ 6 ปี
จบแล้วต้องไปทำงานใช้ทุนก่อน อย่างน้อย 3 ปีค่อยได้เข้ามาเรียนเฉพาะทาง หรือบางสาขา บางสถาบันให้ใช้ทุน 1 ปีก่อนมาเรียนเฉพาะทาง
ใน 6 ปีนั้น เรียนแผนกตาแค่ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นกับแต่ละสถาบัน จึงไม่น่าแปลกใจที่หมอที่จบ 6 ปีอาจไม่คุ้นชินกับการรักษาโรคทางตา
เรียนจักษุวิทยา 3 ปี
อันนี้ตอนเข้าแผนกใหม่ๆกันงง อย่างกับอยู่คนละโลก เนื่องจาก ศัพท์ใหม่ๆมากมาย ตัวย่ออย่างกับภาษามนุษย์ต่างดาวเต็มไปหมด
ตรวจวัดความดันตาโดยเครื่องมือที่ติดเครื่องตรวจเอาไปแตะกระจกตาของคนไข้ ซึ่งเป็นภาพที่คนไข้มักจะกลัว และเราต้องแตะแบบไม่เหลือร่องรอยบาดเจ็บให้กระจกตา
กว่าจะจบหมอตาได้ ผ่านการฝึกฝนกันมาอย่างหนัก
เรียนเฉพาะทางสาขาย่อยทางจักษุ ซึ่ง ทางตาเรามีสาขาย่อย 10 สาขา
แต่ละสาขาเรียนกันหลักสูตรในประเทศ สาขาละ 1-2 ปี
และบางรายอาจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอีก 1-2 ปี
จะเห็นได้ว่า กว่าจะผลิตหมอตาออกมาได้คนนึง โดยเฉพาะหมอตาที่เป็นสาขาเฉพาะทางใช้เวลาและความยากในการผลิตมากมาย
ทั้งยังได้พูดถึงกรณีของ “หมอกระต่าย” พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ว่าเป็นจักษุแพทย์ในสาขาที่ขาดแคลน คือ สาขาจอตา และสาขาม่านตาอักเสบ ที่ทั้งประเทศมีไม่ถึงหนึ่งร้อยคน
กรณีน้องที่ถูกรถชนเสียชีวิตนี้
น้องเป็น หมอสาขาที่ขาดแคลน และเป็นหมอที่ตั้งใจเรียนสาขาย่อยถึง 2 สาขาในคนเดียวกัน ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยทางตาได้มาก
ทั้งสาขาจอตา ที่ในประเทศมีประมาณ ร้อยคนเศษ และสาขาม่านตาอักเสบที่ในประเทศมีอยู่ไม่กี่สิบคน น่าจะไม่ถึง 50 คนทั้งประเทศด้วยซ้ำไป
อุบัติเหตุในครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายกับวงการจักษุ และเป็นที่น่าเสียดายต่อคนไข้ที่ขาดหมอที่เก่งและดีมากๆ ไปอีกคน
ขอให้มีกระบวนการแก้ไขอย่าให้มีการบาดเจ็บ เสียหาย เสียชีวิตเกิดขึ้นกับใครอีกเลย
รณรงค์ให้มีกฏหมายและการแก้ไขป้องกันที่เข้มงวดมากกว่านี้ค่ะ
ทางม้าลาย ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนข้ามถนน
รถควรหยุดหรือชะลอเมือเห็นคนข้ามทางม้าลาย
ผู้ที่ฝืนกฏควรได้รับโทษที่เหมาะสม
หลังจากที่โพสต์นี้มีการเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคอมเม้นท์จากคนที่เคยรักษากับ “หมอกระต่าย” ที่ทำเอาชาวเน็ตรู้สึกเศร้าใจไปตามๆกัน
“เศร้ามากเลยค่ะ ลูกเรารักษาตาต่อเนื่องกับคุณหมอ กำลังจะวางแผนผ่าตัดตาในเร็วๆนี้ รู้ข่าวแล้วเศร้า แถมความรู้สึกของคนเป็นแม่แทบใจสลายกับความหวังของตาลูกชาย ที่จะหายดี”
ทั้งยังมีอีกหนึ่งคอมเม้นท์เข้ามายืนยันอีกว่าหมอจักษุแพทย์ในประเทศไทยกำลังขาดแคลนอยู่จริง “หมอรักษาตาน้อยจริงๆค่ะ พ่อกับแม่เราผ่าต้อกระจกทั้งคู่ ตอนพ่อผ่าต้อกระจก หมอคนที่ผ่ายังไม่เกษียณ อีก2ปี แม่มาผ่าหมอคนที่ให้เกษียณแล้ว แต่ รพ.ยังต้องจ้างให้มาทำงานอยู่เลย ในรพ.มีหมอตาแค่ไม่กี่คนเองค่ะ ที่สำคัญเป็น รพ.ประจำจังหวัดด้วยนะ”